ตอนที่ 629 พอถึงเวลานั้นเจ้าได้ร้องไห้แน่
หลินเว่ยเว่ยกลัวพี่สาวจะทำบุตรชายหล่นจากอ้อมแขนจึงรีบเดินไปแย่งมาอุ้ม เมื่อตงตงเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนนางแล้ว เขาก็ทำตัวเหมือนลูกแมวน้อยน่ารัก อ้าปากหาวด้วยความเกียจคร้านแล้วจากนั้นก็นอนหลับในอ้อมแขนหลินเว่ยเว่ยทันที
แม่ซัวถัวเข้ามาร่วมวง “พี่กุ้ยฮวาพูดถูก เด็กคนนี้สนิทกับน้ารองของเขา ดูสิ รู้ว่าน้ารองจะอยู่ในหมู่บ้านไม่กี่วันจึงไม่อยากห่างจากน้ารองสักอึดใจเดียว ! ”
พี่สาวคนโตมองที่หน้าท้องของหลินเว่ยเว่ยแล้วขมวดคิ้ว “ชอบเด็ก เจ้าก็คลอดเองสิ ! เจ้าแต่งงานมาตั้ง 3 ปีแล้ว ท้องยังไม่โตสักที ? แม่สามีเจ้าไม่กระตุ้นเลยหรือ ? ”
หลินเว่ยเว่ยโวยขึ้นมาทันที “พี่ใหญ่ เจ้ายังอายุไม่ถึง 20 ปีก็เร่งให้คนอื่นมีลูกอย่างกับยายแก่ ? ชอบบ่นน่ารำคาญ มีแต่หนอนหนังสือเผิงของเจ้าเท่านั้นแหละที่ทนได้ ! ”
“นางเด็กนี่ ข้าก็พูดเพื่อเจ้าไม่ใช่หรือ ! ” พี่สาวคนโตมองออกไปข้างนอกแล้วพูดขึ้นมาเบา ๆ ว่า “พอสามีเจ้ากลับเมืองหลวงแล้วจะต้องได้เลื่อนตำแหน่งแน่นอน ขุนนางเฒ่าในเมืองหลวงพวกนั้น มีคนไหนไร้เมียรองสามอนุสี่บ้าง ? สามีเจ้ามีหน้าตาและความสามารถแบบนี้ อนาคตก็ดี หากต้องรับอนุเพราะไม่มีบุตรเป็นเหตุ พอถึงเวลานั้นเจ้าได้ร้องไห้แน่ ! ”
“ถ้าเขามีความคิดแบบนั้น ข้าก็จะหย่าสามี ! ข้าเป็นถึงองค์หญิงเว่ยเว่ยและบุตรสาวหมินอ๋อง ไฉนเลยจะต้องกังวลเรื่องหาบ้านหลังถัดไป ? คางคกสามขาหายาก แต่ผู้ชายสองขามีให้เห็นอยู่ทั่วไป ! ” หลินเว่ยเว่ยไม่ใช่สตรีที่อ่อนโยนประเภทนั้น ถ้าไม่รักกันแล้วข้าก็จะหย่า…แค่เลิกกัน ใครจะทำไม่ได้ ?
“ชู่ว เจ้าเบา ๆ หน่อย ประเดี๋ยวน้องเขยก็ได้ยินหรอก ! ” พี่สาวคนโตรีบหันไปมองข้างนอกแล้วกดเสียงลงต่ำ “เจ้านี่นะ ! อย่าทำตัวแข็งกระด้างแบบนี้ ผู้ชายของเจ้าจะเสียหน้าเอาได้ รู้หรือไม่ ? ”
หลินเว่ยเว่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “เดิมทีผู้หญิงไม่ต้องลดศักดิ์ศรีลงให้ผู้ชายประสบความสำเร็จอยู่แล้ว เขาต้องสร้างเอง พี่ใหญ่ ชีวิตเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ? ดูจากท่าทางชื่นมื่นนี้แล้ว คงไม่เลวกระมัง ? ”
ป้ากุ้ยฮวาเป็นคนตอบ “ใช่ไหมเล่า ! บ้านแม่สามีหลังข้าง ๆ ของเจ้าก็ถูกบ้านแม่สามีของนางซื้อไว้แล้ว นางต้องดูแลโรงงานทอผ้าแล้วต้องดูแลเรื่องการค้าขายผลไม้อบแห้งอีก แต่ละวันทำงานหัวหมุน แม่สามีของนางจึงมาซื้อบ้านหลังข้าง ๆ เพราะจะได้ย้ายมาอยู่แล้วช่วยดูแลลูกให้นาง ยังช่วยดูแลเรื่องการรับซื้อผลไม้ป่าด้วยล่ะ ! ส่วนผู้ชายของนางก็เปิดสำนักศึกษาอยู่ในหมู่บ้าน เจ้าเองก็รู้ว่าตอนนี้หมู่บ้านเราไม่ขาดแคลนเงิน เด็กที่ถึงเกณฑ์จึงถูกส่งเข้าสำนักศึกษา…”
พี่สาวคนโตยิ้มด้วยความเขินอาย ก็ใช่จริง ๆ เพราะนางพอใจกับชีวิตในเวลานี้มาก ตอนเพิ่งแต่งเข้าไป นางยังกลัวว่าโรงเลี้ยงหนอนไหมและโรงงานทอผ้าจะต้องหยุดกิจการ ! แม้ว่าหมู่บ้านที่สามีอาศัยอยู่จะใช้เวลาเดินทางมาถึงที่นี่แค่วันเดียว แต่ผู้หญิงที่ออกเรือนแล้ว ไฉนเลยจะมาบ้านมารดาได้ตามใจชอบ ?
แต่เจ้าหนอนหนังสือกลับพูดจนพ่อแม่และพี่สะใภ้ยอมฟังและสร้างสำนักศึกษาที่หมู่บ้านฉือหลี่โกว ทั้งยังช่วยนางปรับปรุงบ้านของย่าเถียนเพื่อใช้เป็น ‘เหตุผล’ สนับสนุนการกระทำของนาง บ้านของย่าเถียนมีขนาดไม่ใหญ่ เขาจึงสร้างห้องขึ้นมาสองห้องที่ด้านหลังเพื่อใช้เลี้ยงหนอนไหมโดยเฉพาะ ส่วนเรือนด้านหน้า ห้องหนึ่งใช้สำหรับอยู่อาศัย ส่วนห้องอื่นก็ใช้วางเครื่องปั่นด้าย ตอนกลางวันเขาจะอยู่ที่สำนักศึกษา พอตกเย็นหลังจากพวกคนงานกลับกันหมดแล้ว เขาถึงจะกลับบ้านมาพักผ่อน
หลังนางตั้งครรภ์ เพื่อความสะดวกในการดูแลพวกนาง แม่สามีจึงซื้อบ้านของน้าเฝิงแล้วสร้างเป็นบ้านอิฐหลังใหม่ พ่อสามีและแม่สามีพักอยู่ที่เรือนหลัก พวกนางอยู่ที่เรือนปีกตะวันออก ทั้งนี้ในบ้านยังมีพี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่และหลานชายอยู่ด้วย ในบางวันพวกนางก็จะไปมาหาสู่กันอยู่บ้าง…
คนในหมู่บ้านต่างบอกว่าบ้านสกุลเผิงจะกลายเป็นคนในหมู่บ้านฉือหลี่โกวแล้ว พ่อสามียังเคยไปปรึกษากับผู้ใหญ่บ้านว่าคิดจะย้ายทะเบียนบ้านมาที่ฉือหลี่โกว !
ได้แต่งกับสามีจู่เหรินที่รักนางและยังมีพ่อแม่สามีที่เห็นนางเป็นเหมือนลูกสาวแท้ ๆ อีก พอหลังแต่งงานไปแล้วยังไม่ต้องห่างจากหมู่บ้านและคนในหมู่บ้านที่คุ้นเคย พวกสหายในหมู่บ้านจึงพากันอิจฉานางมาก
พี่สาวคนโตยิ้มอยู่พักหนึ่ง แต่แล้วก็วกกลับเข้าหัวข้อเมื่อครู่ “น้องรอง พอเจ้ากลับถึงเมืองหลวงแล้วก็ให้หมอตรวจหน่อย…ท่านหมอเหลียงก็ไปเมืองหลวงแล้วไม่ใช่หรือ ? ถ้าเจ้าไม่กล้าไปหาคนอื่นก็ให้เขาตรวจสิ”
หลินเว่ยเว่ยกลอกตา “ตรวจอะไร ? ข้าไม่ได้ป่วยเสียหน่อย ! ภาคตะวันตกเฉียงเหนือมีพายุทรายบ่อยครั้ง อากาศไม่ดี ข้ากับบัณฑิตน้อยกลัวว่าลูกจะลำบากจึงตั้งใจว่ากลับถึงเมืองหลวงแล้วค่อยคิดเรื่องมีลูกกันใหม่ เจ้าน่ะ เลิกกังวลได้แล้ว ! ”
พี่สาวคนโตย้อนถาม “เจ้ามั่นใจหรือไม่ว่าครั้งนี้สามีจะได้อยู่เมืองหลวง ? ”
“ได้อยู่หรือไม่ ก็ไม่เห็นมีอะไร ! ทองคำวางที่ใดก็เปล่งประกาย บัณฑิตน้อยของบ้านข้ามีความสามารถ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ปล่อยความทะเยอทะยานออกมาได้ทั้งนั้น” หลินเว่ยเว่ยคิดว่าการไปอยู่ข้างนอกเมืองหลวงจะอิสระกว่าหน่อย เนื่องจากในเมืองหลวงมีขุนนางที่ตำแหน่งใหญ่กว่าบัณฑิตน้อยมากเกินไป ไม่ว่าเขาทำอะไรก็ต้องดูสีหน้าเบื้องบน จึงมักมีข้อจำกัด
พี่สาวคนโตมุ่ยปากพลางรับบุตรชายที่หลับสนิทมาจากอ้อมแขนของนางแล้วให้สาวใช้ที่อยู่บ้านหลังข้าง ๆ ดูแล ต่อจากนั้นก็กลับบ้านสกุลหลินมาดูแลเรื่องอาหารการกิน บ้านแม่สามีมีสาวใช้คอยทำอาหารให้แล้ว แต่นางก็มักจะทำอาหารเองด้วยความเคยชินมากกว่า…เพราะฝีมือของแม่ครัวยังห่างชั้นจากนางมาก บ้านของนางไม่มีใครชอบอาหารของแม่ครัวจึงมักจะให้ทำเก็บไว้สำหรับครอบครัวของพี่ชายหนอนหนังสือเผิง
หลังจากหลินเว่ยเว่ยสนทนากับพวกป้า ๆ ได้พักหนึ่งแล้ว รอให้อีกฝ่ายกลับออกไป นางก็เดินเข้าครัวเช่นกัน สองพี่น้องช่วยกันเด็ดผัก ล้างผัก หั่นผักและช่วยกันทำอาหารเหมือนตอนที่ยังไม่ได้ออกเรือน
“ท่านพ่อนำทหารกลับเมืองหลวง ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ท่านพ่อบอกว่ากลับเมืองหลวงคราวนี้น่าจะได้รับตำแหน่งใหม่ที่เมืองหลวงและก็จะปักหลักที่นั่นเลย เจ้าอยากไปอยู่ที่เมืองหลวงหรือเปล่า ? หนอนหนังสือเผิงมีตำแหน่งจู่เหรินก็อาจหางานเป็นอาจารย์ได้ในสำนักศึกษาของเมืองหลวง” หลินเว่ยเว่ยครุ่นคิด ถ้าทุกคนในครอบครัวไปอยู่เมืองหลวงหมดแล้ว มีแต่พี่สาวถูกทิ้งไว้ที่ฉือหลี่โกว จึงกลัวว่าอีกฝ่ายจะน้อยใจ
พี่สาวคนโตกลอกตาใส่นาง “ไปอยู่เมืองหลวงน่ะหรือ ? แล้วกิจการทางนี้ของข้าจะทำอย่างไร ? โยนทิ้งง่าย ๆ หรือ ? ปีหนึ่งโรงทอผ้าทำกำไรให้ตั้งหลายร้อยตำลึง ข้าทำใจไม่ได้หรอก ! อีกอย่างคือแม่สามีกับพ่อสามีก็เป็นคนภาคเหนือ ถ้าข้ากับพี่เขยของเจ้าไปมีความสุขที่เมืองหลวงแล้วจะเหมาะสมหรือไร ? เจ้านี่นะ ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย ! ข้าอยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว ! ”
“ทว่า…ต่อไปเราอยู่ห่างกันถึงขนาดนั้น ไม่รู้อีกกี่ปีจะได้เจอหน้ากันสักครั้ง ถ้าข้าคิดถึงเจ้าแล้วจะทำอย่างไร ? ” หลินเว่ยเว่ยมองพี่สาวด้วยรอยยิ้ม
พี่สาวคนโตยกมือลูบต้นแขนแล้วมองนางด้วยความรังเกียจ “อี๋…เจ้าจะคิดถึงข้า ? มีครั้งใดที่ข้าพบหน้าเจ้าแล้ว เจ้าจะไม่รังแกบ้าง ? คิดว่าเจ้าอยู่ห่าง ๆ ไว้ดีกว่า ไม่อย่างนั้นต้องมีสักวันที่ข้าโมโหจนตายแน่ ! ”
“พวกเราเป็นพี่น้องกัน ! แม้ในเวลาปกติจะทะเลาะกันขนาดไหน สายเลือดก็ตัดไม่ขาด” หลินเว่ยเว่ยครุ่นคิดแล้วพูดว่า “โชคดีที่ตอนนั้นมีเจ้าอยู่เพื่อล่อให้ข้าขึ้นเขา ไม่อย่างนั้นคงไม่มีข้าในวันนี้”
ทันใดนั้นสีหน้าของพี่สาวคนโตก็เปลี่ยนไป นางรีบโยนถั่วลงพื้น “เจ้าหมายความว่าอย่างไร ? สงสัยว่าข้าจงใจลวงเจ้าไปฆ่าบนเขาใช่หรือไม่ ? ”
“ฆ่า ? คงไม่ถึงขั้นนั้น แต่ว่าทิ้งน้องสาวสติไม่ดีเพื่อกำจัดเสี้ยนหนามให้ตัวเอง กำจัดภาระให้ครอบครัวก็เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ถมไป ! ” หลินเว่ยเว่ยชิมไก่ผัดเผ็ด…เผ็ดชาหอมหวน อร่อยมาก !