ทว่าเมื่อยิ่งเข้าใกล้หญ้าสลายเซียนที่เขาปรารถนามากขึ้นเรื่อยๆ พลังปราณสัมผัสรับรู้ของหลี่ฉางโซ่วก็ยิ่งตรวจจับการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในระยะไกลออกไปได้อย่างชัดเจนขึ้น เมื่อเขาหันเหความสนใจไปที่การต่อสู้นั้น ลมหายใจของเขาก็เกิดติดขัดในลำคอ ทำให้เขาต้องไอออกมาอยู่ในใต้ดินหลายครั้ง และเกือบจะหันหลังกลับ แล้วจากออกไปทันที
เหตุใดข้าถึงได้พบนางอีกครั้งเล่า…
โหย่วฉินเสวียนหย่าช่างเป็นพิษภัย เป็นตัวปัญหาที่อันตรายเสียจริง น่าจะเปลี่ยนนามของนางเป็น ‘ตัวอันตรายเสวียนหย่า’…
ข้าวาดแผนที่ให้นางไปทางตะวันตกเฉียงใต้ แล้วนางมาทำอันใดอยู่ที่นี่กันเล่า ตามที่คาดไว้ นางควรจะอยู่ห่างออกไปจากที่นี่เป็นระยะทางถึงสองพันลี้เต็มๆ นะ!
มุมปากของหลี่ฉางโซ่วกระตุกขึ้นหลายครั้ง เขารู้สึกว่าพลังปราณสัมผัสรับรู้ของเขาพลันบกพร่องไปอย่างประหลาด
หือ? เหตุใดจึงมีพลังกดดันขั้นเซียนในหมู่ผู้คนที่ไล่ล่านางนะ
จู่ๆ ก็มีแสงสว่างส่องวาบขึ้นมาในใจของหลี่ฉางโซ่ว ในขณะที่พลังปราณสัมผัสรับรู้ของเขาไล่ตามไปที่การต่อสู้ที่นั่น เขาก็บังเกิดแผนการล้ำเลิศในการได้ครองหญ้าสลายเซียนนั้นขึ้นมาทันที
เมื่อครุ่นคิดให้รอบคอบยิ่งขึ้น หากไม่ใช่เพราะเขาตรวจจับพบการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในเส้นทางนี้ เขาก็คงจะไม่สังเกตเห็นหญ้าสลายเซียนทั้งสามต้นนี้
ยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งตรงนี้ ตามการวางแผนเส้นทางของเขาก่อนหน้านี้ ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ที่จะค้นมาถึงที่นี่
และจากมุมมองในด้านนี้ บางทีเขาควรจะขอบคุณ ‘ตัวอันตรายเสวียนหย่า’ ในครั้งนี้ด้วยซ้ำ
“ครั้งที่แล้วเป็นข้าช่วยเจ้า ครั้งนี้ข้าก็ใช้ประโยชน์จากเจ้าสักหน่อย เช่นนั้นก็นับว่าพวกเราทั้งคู่เสมอกันแล้ว” หลี่ฉางโซ่วพึมพำ เขาหยุดอยู่ชั่วขณะก่อนจะใช้เวทหลีกลี้ปฐพีซ่อนกายอีกครั้ง
หลี่ฉางโซ่วใช้พลังวิเศษของเขาอย่างเต็มที่ และใช้พลังทั้งหมดของเขาเพื่อควบคุมกลิ่นอายลมปราณของเขาอย่างสุดความสามารถ ขณะที่เขาเคลื่อนตรงไปใกล้หน้าผาเงียบๆ ให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มสังเกตผู้คนที่กำลังรุมโจมตีโหย่วฉินเสวียนหย่า
มีกระบี่เพลิงที่กำลังลุกโชนบินวนล้อมรอบโหย่วฉินเสวียนหย่าในขณะที่นางกำลังลอยอยู่กลางอากาศและเคลื่อนไปทางหน้าผาเช่นกัน กระบี่เหล่านั้นกำลังหมุนวนรอบร่างของนางด้วยความเร็วสูงสุด แล้วก่อตัวเป็นเกราะป้องกันแน่นหนา
อย่างไรก็ตามมองเพียงปราดเดียว หลี่ฉางโซ่วก็รู้ชัดอย่างรวดเร็วว่า เวลานี้โหย่วฉินเสวียนหย่ามีเพียงท่าทีแข็งแกร่งภายนอกเท่านั้น ทว่าในความเป็นจริงกลับอ่อนแอ นางยังไม่ทันได้เล่าเรียนจนเชี่ยวชาญเวทกระบี่ป้องกัน นางเพียงแค่รู้กระบวนท่าที่แน่นอนเท่านั้น ยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนกระบวนท่าพลิกแพลงตามสถานการณ์ รวมถึงรับมือกับการโต้กลับได้อย่างมีประสิทธิภาพในขณะที่ปกป้องตัวเองไปด้วย
ผู้ที่ไล่ล่าโหย่วฉินเสวียนหย่าเป็นชายชุดดำหกคน สองในหกครองขอบเขตพลังคืนกลับเต๋าวิถี และอีกสี่คนที่เหลืออยู่ในขอบเขตคืนกลับอนัตตา แม้ว่าพวกเขาจะทุ่มเทอย่างสุดกำลังเพื่อโจมตีโหย่วฉินเสวียนหย่า แต่ก็ยังไม่ได้ทำร้ายจุดสำคัญของนาง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการจับเป็นนางมากกว่า
มันเป็นโชคดีของหลี่ฉางโซ่วเช่นกัน ที่ในขณะนี้มีเซียนหยวนอีกสองคนในกลุ่มคนร้าย ซึ่งยังคงทำหน้าที่รักษาค่ายกลกับดักมังกรอยู่ ขณะที่มีเซียนเสิ่นผู้ติดกับอยู่ในค่ายกลเดียวกันนั้นทรงพลังมากพอที่จะทำให้พวกเซียนหยวนทั้งสองต้องสูญเสียพลังงานและวุ่นวายอย่างหนัก
เพียงคนไม่กี่คนเท่านี้ ข้ากลัวว่ามันจะไม่เพียงพอสำหรับเจ้าอสรพิษคลื่นครามสามตาจะกลืนกินได้
โชคดีที่ยังมีกลิ่นอายลมปราณของอีกสองคนซึ่งยังไม่ได้ลงมือกระทำการใดๆ ยิ่งไปกว่านั้น หลี่ฉางโซ่วก็คุ้นเคยกับลมปราณของพวกเขาทั้งสองนี้
นั่นคืออวี่เหวินหลิง แม่ทัพผู้เป็นองครักษ์ของโหย่วฉินเสวียนหย่าจากอาณาจักรที่นางจากมาพร้อมด้วยหยวนชิง ศิษย์น้องร่วมสำนักของหลี่ฉางโซ่วที่มาจากยอดเขาพิชิตสวรรค์
ภายในรัศมีสามสิบลี้นี้ หลี่ฉางโซ่วสามารถสัมผัสพบเซียนเพียงคนเดียวซึ่งน่าจะเป็นอวี่เหวินหลิง และเดาว่าพลังกดดันที่เขาสัมผัสได้ก่อนหน้านี้ก็น่าจะมาจากคนผู้นี้เช่นกัน
ในเวลานั้นจิตใจของหลี่ฉางโซ่วพลันเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ทว่าหากเป็นเช่นนั้น…
เหตุใดหยวนชิงบุรุษผู้แสนอบอุ่นถึงยังไม่ลงมือโจมตีใดๆ เลย เขาจะเตะถ่วงเรื่องนี้ให้นานหรือไม่ เขาคิดจริงๆ ว่าไม่มีผู้ทรงพลังคนอื่นๆ ในสำนักตู้เซียนอีกแล้วน่ะหรือ
แม้ว่าสำนักตู้เซียนจะเป็นเพียงสำนักบำเพ็ญเซียนระดับกลาง แต่ก็ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในสามสำนักบำเพ็ญเซียน แม้จะมีเซียนหลายคนที่มีสถานะในราชวงศ์ของดินแดนมนุษย์ แต่สำนักตู้เซียนก็ไม่ได้นับถือและให้ค่าคนเหล่านี้ในระดับสูงนัก
หากอาจารย์อาจิ่วจิ่วและศิษย์ทั้งห้าไม่กลับไปที่สำนักตู้เซียนภายในเวลาที่กำหนด บรรดาเซียนก็จะไปที่ดินแดนเทวะอุดรเพื่อตามหาพวกเขาอย่างแน่นอน แล้วหยวนชิงและพวกของเขาก็จะถูกทำลายเพราะรนหาที่ตายด้วยตัวของพวกเขาเอง
กล่าวพันว่าไปหมื่น ไม่มีหนทางอื่นใดในเรื่องนี้ นี่ไม่ใช่ว่าบุรุษอบอุ่นจอมปลอมผู้นี้ก็แค่ละโมบอยากได้ร่างกายของยายภูเขาน้ำแข็งจอมปลอมผู้นี้หรอกหรือ
เพ้ย ช่างชั่วช้าน่ารังเกียจจริงๆ!
เวลานี้ในสายตาของหลี่ฉางโซ่ว นับตั้งแต่อวี่เหวินหลิงผู้เป็นเซียนนั่งอยู่บนก้อนเมฆ ไปจนถึงผู้คนที่ไล่ล่าและกำลังโจมตีโหย่วฉินเสวียนหย่าด้านล่างเหล่านั้น พวกเขาได้ถูกนับว่าเป็นเครื่องมือหมายเลขหนึ่ง สอง สาม สี่ ตามลำดับ…
หลี่ฉางโซ่วพุ่งพลังปราณสัมผัสรับรู้ไปที่โหย่วฉินเสวียนหย่าก่อนที่จะร่าย ‘เวทวายุวัจน์’ ส่งถ้อยคำไปสู่โสตประสาทของโหย่วฉินเสวียนหย่าโดยตรง
“จงหันหน้าไปทางทิศเหนือ แล้วถอยไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้แปดก้าว”
ชั่วขณะนั้นโหย่วฉินเสวียนหย่าซึ่งกำลังใช้กระบี่ป้องกันของนางต้านทานการโจมตีบรรดาอาวุธเวทที่อยู่ด้านหน้าของนางพลันตื่นตกใจกะทันหัน
ศิษย์พี่ฉางโซ่ว! เหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้
แม้ยังกังขาในใจแต่ด้วยจิตใต้สำนึก โหย่วฉินเสวียนหย่าก็กระทำตามคำชี้แนะของหลี่ฉางโซ่วทันที นางเหยียบบนกระบี่บินและขยับถอยหลังออกไป ในทันใดนั้นก็มีลำแสงสองสายพุ่งผ่านไปทางด้านข้างค่ายกลกระบี่ของนาง!
พวกมันเป็นมีดสั้นและตะปูยาวแหลมที่บินตรงเข้าหาโหย่วฉินเสวียนหย่าด้วยความเร็วสูงสุด แต่สุดท้ายพวกมันก็ตกลงไปบนพื้น!
“ถอยกลับมาอีกหกก้าวทางทิศตะวันตก” น้ำเสียงของหลี่ฉางโซ่วเร่งรีบเล็กน้อย
ทว่าโหย่วฉินเสวียนหย่าก็ไว้ใจและทำตามคำชี้แนะของเขาอีกครั้ง ฉับพลันก็มีลำแสงอีกสองสายพุ่งมาที่ด้านข้างอีกด้านหนึ่งของนาง!
หลังจากนั้นเสียงเร่งรีบของหลี่ฉางโซ่วก็ยังคงดังก้องอยู่ในหูของนางทีละประโยค
“อย่ามัวหยุดนิ่งฝันกลางวันอยู่ หากยังมีพลังงานเพียงพอจงโต้กลับ ใส่ใจในสีหน้าท่าทางของเจ้า อย่าทำให้พวกเขาสงสัยได้…
มีสัตว์พิษทรงพลังซ่อนอยู่ใต้หน้าผา จงล่อพวกมันไป ใช้ประโยชน์จากสัตว์พิษตัวนั้นในการสังหารศัตรู…
จงขยับไปทางทิศตะวันตกสามก้าว จากนั้นก็เคลื่อนไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้อีกห้าก้าว”
บัดนี้สายตาที่มืดมิดแต่เดิมของโหย่วฉินเสวียนหย่าพลันสว่างเจิดจ้าขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
นางเม้มริมฝีปากแน่นแล้วกล่าวว่า ‘เจ้าค่ะ’ เป็นคำตอบในใจของนาง
นางถอยหลบจากซ้ายไปขวาอย่างรวดเร็ว และในไม่ช้านางก็ค่อยๆ มีท่าทางสงบลง ทว่าในสายตาของผู้โจมตีทั้งหกคนและผู้สังเกตการณ์อีกสองคนที่อยู่ด้านบนกลับรู้สึกว่า จู่ๆ โหย่วฉินเสวียนหย่าก็แคล่วคล่องว่องไวขึ้นมาอย่างมาก
ความก้าวหน้าในขณะที่ต่อสู้งั้นหรือ
โหย่วฉินเสวียนหย่าสามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีทั้งรุกและรับส่วนใหญ่ของฝ่ายตรงข้ามทั้งหกคนได้ นางเคยทำได้เพียงตั้งรับโดยใช้กระบี่บินของนางเป็นเกราะป้องกัน แต่ขณะนี้ดูเหมือนว่านางจะรู้วิธีจัดการกับการโจมตีและเริ่มโต้กลับในทันทีเช่นกัน
ด้วยเหตุนั้นโหย่วฉินเสวียนหย่าจึงมีความกดดันลดลงอย่างมาก และค่อยๆ ถอยกลับอย่างสงบมีแบบแผนไปที่ใต้หน้าผาซึ่งมีอสรพิษคลื่นครามสามตาซ่อนอยู่
ขณะเดียวกันร่างของหลี่ฉางโซ่วก็ได้ปรากฏขึ้นที่ชั้นหินด้านบนสุดของหน้าผา และอยู่ห่างจากหญ้าสลายเซียนไปไม่ถึงหนึ่งร้อยจั้ง
อสรพิษคลื่นครามสามตาคล้ายจะตระหนักได้ถึงบางสิ่งผิดปกติ จึงเงยหน้าขึ้นสำรวจสภาพแวดล้อมจากใต้หน้าผา และเฝ้าดูทุกแห่งอย่างตื่นตัว
ด้านหน้าของหญ้าสลายเซียนเป็นพื้นที่ราบ มีต้นสนดำที่ดูแข็งแกร่งยืนต้นตระหง่านอยู่ห่างจากริมหน้าผาราวสิบหกจั้ง ซึ่งแผ่ร่มเงาของมันปกคลุมหญ้าสลายเซียนเอาไว้
หลี่ฉางโซ่วพบรากแก้วของต้นสนสีดำในขณะที่อยู่ในชั้นหิน เขาจึงหยุดใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกาย จากนั้นเขาก็ทนต้านกับแรงกดดันมหาศาลโดยรอบ กัดฟันใช้หลีกรุกข์เร้นกายแทน เจาะเข้าไปในรากแก้วของต้นสนสีดำแล้วซ่อนลมปราณของเขาเอาไว้ ก่อนจะพุ่งขึ้นไปด้านบนอย่างแน่วแน่
ต้นสนโบราณ…
ใช่?
ใช่แล้ว…
…………………………………………………………………………………………………………………