ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – ตอนที่ 23.1 แผนการของศิษย์พี่ (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

หลี่ฉางโซ่วมองดูคลังเวทจัดเก็บทั้งสิบสามชิ้นที่เกือบจะว่างเปล่าตรงหน้าเขา ขณะที่เส้นสายสีดำปรากฏขึ้นและปกคลุมไปทั่วหน้าผากของเขาจนมืดทะมึน ในขณะนั้นเขาเริ่มพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงต่ำราวกับพายุรุนแรงกำลังก่อตัว “ศิษย์น้องหญิงน้อยสุดสุรุ่ยสุร่ายผู้นี้! นางต่อสู้กับปีศาจกุ้งที่มีพลังต่อสู้ใกล้เคียงกับมนุษย์ ทว่านางใช้ผงพิษที่ข้าเตรียมไว้ให้นางไปถึงแปดในสิบส่วน…จำนวนนี้เพียงพอแล้วที่จะเข่นฆ่ากองทัพมนุษย์ที่แข็งแกร่งถึงหนึ่งแสนคน!”

หลันหลิงเอ๋อร์คุกเข่าและนั่งลงบนฟูกตรงหน้าเขาพร้อมด้วยน้ำตาสองสายรินไหลอาบแก้ม นางพยายามทำตัวให้ดูน่าสงสารที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อจะได้หนีจากการลงโทษอย่างชอบธรรมของศิษย์พี่ของนาง

มุมปากของหลี่ฉางโซ่วกระตุกขณะที่เขาหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาแล้วถามว่า “เจ้าสังหารปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ที่ทะเลบูรพามาใช่หรือไม่”

“เอ่อ…ก็ศิษย์พี่บอกข้านี่นาว่าให้ข้าใช้มันหากข้าตกอยู่ในอันตราย…

ข้าเกือบจะถูกปีศาจกุ้งเหล่านี้สังหารแล้ว! ข้าเลยรีบสาดผงพิษออกไปโดยไม่ทันรู้ตัว!”

ใบหน้าของหลี่ฉางโซ่วมืดทะมึนโดยฉับพลัน “ข้าจำได้ว่าเตรียมให้เจ้าไปเก้าขวดใช่หรือไม่”

“ก็ข้าเกือบจะถูกพวกมันสังหารหลายครั้งนี่เจ้าคะ…”

หลันหลิงเอ๋อร์เม้มปากของนางพลางร่ำไห้ต่อไปแล้วคร่ำครวญว่า “ศิษย์พี่โปรดระงับโทสะเถิดเจ้าค่ะ ข้ารู้ว่าท่านต้องใช้พลังงานมากในการสกัดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา แต่ข้าก็ไม่ได้ตั้งใจใช้พวกมันไปอย่างเสียเปล่านะเจ้าคะ”

เมื่อเห็นศิษย์น้องหญิงน้อยของเขาเป็นเช่นนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ไม่อาจระเบิดโทสะใส่นางได้จริงๆ จึงทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมาแล้วกล่าวว่า “พลังงานนั้นเป็นแค่เรื่องเล็กแต่วัตถุดิบนั้นหายาก และในสำนักตู้เซียนของเราก็มีน้อยคนนักที่รู้วิธีสกัดโอสถพิษขึ้นมาได้ ข้าต้องใช้เงินสนับสนุนรายเดือนของข้าเพื่อแลกกับส่วนผสมเหล่านี้ทีละน้อย”

“ศิษย์พี่ ข้าก็พิจารณาเรื่องนี้แล้วเช่นกันเจ้าค่ะ”

หลันหลิงเอ๋อร์กะพริบตาแล้วตบผ้าคาดเอวที่เพรียวบางของนาง จากนั้นก็หยิบคลังเวทจัดเก็บที่เรียบง่ายออกมาเจ็ดหรือแปดชิ้น

“ดังนั้นข้าจึงแลกเปลี่ยนรางวัลทั้งหมดที่ข้าได้รับมาในครั้งนี้เป็นสมุนไพรและโอสถพิษที่ข้าพบในสำนัก! ครั้งนี้พวกเราย่อมไม่ขาดทุนอย่างแน่นอน ข้ายังคิดว่าเราได้กำไรเสียด้วยซ้ำนะเจ้าคะ!”

หลี่ฉางโซ่วพลันตะลึงงัน เขารู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เขาจ้องมองดวงตากลมโตดุจอัญมณีกระจ่างใสของหลันหลิงเอ๋อร์และเห็นแววตานางวูบไหวเล็กน้อย

สาวน้อยผู้นี้…

“เจ้ายังมีอันใดอยากอธิบายอีกหรือไม่ บอกข้ามาให้หมดในขณะที่ข้ายังอารมณ์ดีอยู่”

หลันหลิงเอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึก ทันใดนั้นนางก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นตั้งฉาก ก่อนจะโน้มกายก้มศีรษะลงมากระแทกพื้นพร้อมกับฝ่ามือทั้งสองอย่างแรง จนเส้นผมยาวของนางกระจัดกระจายอยู่ข้างใบหน้าทั้งสองข้าง

นางกำลังโขกศีรษะกราบเพื่อแสดงการยอมรับผิดของนาง!

หลันหลิงเอ๋อร์หลับตาแน่นพลางรวบรวมความกล้าเพื่อกล่าวเสียงดังฟังชัดออกมาว่า

“ศิษย์พี่! หลิงเอ๋อร์ผิดไปแล้ว หลิงเอ๋อร์ขออภัยเจ้าค่ะ! มีท่านอาจารย์ลุงสองคนเริ่มสนใจผงพิษที่ท่านสกัดขึ้นมา แล้วพวกเขาก็เอายาพิษที่ทรงพลังที่สุดของข้าไปหลายขวด! ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าจะปฏิเสธพวกเขาอย่างไรดี ศิษย์พี่ ข้าบังเอิญเปิดเผยความสามารถในการสกัดพิษระดับสูงของท่านออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจเลยนะเจ้าคะ!”

ทันใดนั้นภายในกระท่อมพลันเงียบกริบจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มหมุดหล่นลงพื้น

ในขณะนั้นไหล่ของหลันหลิงเอ๋อร์สั่นสะท้านขึ้นมาทันที

นางไม่กลัวที่จะถูกศิษย์พี่ของนางดุ ความจริงแล้วนางยังอยากให้เขาตีนางเพื่อระบายโทสะของเขาด้วยซ้ำ

นางได้รับการสั่งสอนทุกอย่างจากศิษย์พี่ของนาง จึงเข้าใจกระจ่างถึงหลักการของเขา นางจึงกังวลมากว่าศิษย์พี่จะ ‘ละทิ้ง’ นางและไม่ต้องการทำสิ่งใดกับนางในภายภาคหน้าอีกต่อไป

ทำไม…มันช่างเงียบเหลือเกิน…

ข้าจบแล้ว ข้าจบแล้วแน่เลย ศิษย์พี่คงผิดหวังในตัวข้ามาก! หลันหลิงเอ๋อร์นะ หลันหลิงเอ๋อร์ ทำไมเจ้าถึงสูญเสียการควบคุมตัวเองตั้งแต่ที่ก้าวออกไปข้างนอกได้ เจ้าอดใจไว้ไม่ไหวจนต้องจงใจไปอวดผู้อื่น ทั้งที่ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ในสำนักก็กำลังจับตาดูเจ้าอยู่ด้วย…

ศิษย์พี่อารมณ์ร้ายเพียงใด เกรงว่าในใต้หล้านี้หลันหลิงเอ๋อร์อาจเป็นคนที่เข้าใจตัวตนของศิษย์พี่ของนางดีที่สุด

หลี่ฉางโซ่วปกปิดตัวตนซ่อนวิชาเวทของเขาให้เป็นไพ่ตายถึงเก้าในสิบส่วน เขาเก็บตัวเงียบเรียบง่ายในทุกเรื่อง เขาจะไม่ยอมเกี่ยวข้องกับกรรมที่ไม่จำเป็น

ด้วยเหตุที่มีอาจารย์คนเดียวกัน หลันหลิงเอ๋อร์จึงอาจเป็นเสมือนญาติคนเดียวของเขาเท่านั้น จึงได้รับความรักใคร่และการดูแลเอาใจใส่จากเขา มิเช่นนั้นศิษย์พี่ของนางคงจะไม่มีวันแม้แต่จะเหลือบมองนางเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน!

หลันหลิงเอ๋อร์สะอื้นไห้ขณะกล่าวออกมาว่า “ศิษย์พี่ ท่านจะตีข้าก็ได้ แต่ภายหน้าท่านอย่าเมินเฉยข้านะเจ้าคะ… ข้ารู้ว่าข้าผิดไปแล้ว ต่อไปข้าจะไม่อวดอะไรใครอีกแล้วเจ้าค่ะ!”

หลันหลิงเอ๋อร์รู้สึกว่ามีมือใหญ่ยื่นมาหานางจากด้านหน้า จึงหลับตาลงทันทีโดยสัญชาตญาณ

นับตั้งแต่หลันหลิงเอ๋อร์มาเข้าร่วมสำนัก นางก็ไม่เคยต้องถูกลงโทษทางร่างกายเลย และนี่จะเป็นครั้งแรกที่นางจะถูกศิษย์พี่ตีหรือไม่

ดีแล้วหากเขาจะตีนาง อย่างน้อยที่สุดศิษย์พี่ของนางก็จะสงบลงได้ด้วยการลงโทษนางเช่นนี้

แล้วมือใหญ่ที่แบกรับความกังวลเอาไว้นับไม่ถ้วนก็ตกลงมา ทว่าแทนที่จะตีนาง กลับไปบิดใบหูของนาง ทั้งบิดไปทางซ้ายและขวาอย่างช้าๆ

“โอ๊ย ศิษย์พี่ ช่วยเบาๆ หน่อย…มันเจ็บ… หูข้าจะหลุดออกมา…”

“อย่าใช้น้ำเสียงเช่นนี้กับข้าให้อาจารย์ได้ยินเด็ดขาด เขาอาจจะคิดว่าข้ากำลังทำอย่างอื่นกับเจ้า”

หลี่ฉางโซ่วดุนางพลางปล่อยใบหูน้อยๆ นั้นออกแล้วกล่าวอย่างสงบว่า “ลุกขึ้นเถิด หาใช่เรื่องใหญ่อันใดไม่”

หลันหลิงเอ๋อร์พลันยืดตัวนั่งตรงในทันที การเคลื่อนไหวนี้เผยให้เห็นเรือนร่างเพรียวบางของนางอย่างมาก

นางมองดูศิษย์พี่ที่อยู่ตรงหน้าของนางด้วยความสงสัย และถามเสียงเบาว่า “ศิษย์พี่ ท่านจะไม่ซ่อนวิชาเวทของท่านแล้วหรือ ท่านจะเผยความสามารถของท่านกับสำนักหรือเจ้าคะ”

“ซ่อนวิชาเวทอันใด เผยความสามารถอันใดกัน”

เป็นอีกครั้งที่หลี่ฉางโซ่วรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จักเจ้าดีอย่างนั้นหรือ…ในเมื่อข้าให้ผงพิษเหล่านี้แก่เจ้าเพื่อให้เจ้าป้องกันตัว ข้าย่อมคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าเจ้าจะทำเช่นนั้น อันที่จริงข้าตั้งใจจะให้เจ้าเปิดเผยเรื่องเหล่านี้ออกมาเอง นอกจากนี้ยังมีข้อพิจารณาที่สำคัญอื่นๆ อีกเช่นกัน…

เจ้ามานั่งตรงนี้ ในบรรดาผู้อาวุโสสองคนที่เอาผงพิษไป มีผู้อาวุโสว่านหลินหยุนจากยอดเขาตันติ่งหรือไม่…ผู้อาวุโสท่านนี้มีปัญหาที่ขาซ้ายจึงต้องเดินโดยอาศัยการค้ำยันด้วยไม้เท้าทองสัมฤทธิ์ เขาดูเย็นชายิ่ง และเมื่อเขาพูดคุยกับคนอื่นๆ เขาก็มักจะยิ้มแข็งๆ”

จงใจให้ข้าเปิดเผย? ข้อพิจารณาที่สำคัญอื่นๆ อีก?

หลันหลิงเอ๋อร์ตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ศิษย์พี่ ท่านรู้ได้อย่างไรกันเจ้าคะ เป็นผู้อาวุโสท่านนี้จริงๆ เจ้าค่ะ ท่านเพิ่งกลับมาเมื่อคืนนี้เองจริงๆ หรือเจ้าคะ คนที่ขอผงพิษจากข้าเป็นคนแรกก็คือผู้อาวุโสเก่อ ซึ่งเป็นประธานการจัดงานชุมนุม จากนั้นในยามเที่ยงเมื่อสองวันก่อน ชายชราผู้นั้นก็เดินมาพร้อมด้วยไม้เท้าค้ำยันและมอบสมุนไพรให้ข้ามากมาย ก่อนจะเอาผงพิษเหล่านั้นไปเจ้าค่ะ!”

หลันหลิงเอ๋อร์รีบตอบกลับอย่างรวดเร็วพร้อมกับหันไปมองลึกเข้าไปในดวงตาลึกล้ำของหลี่ฉางโซ่วพลางกัดฟันแล้วกล่าวออกมาว่า “ท่านได้วางแผนเอาไว้หมดแล้ว!”

“ระหว่างพวกเราพี่น้องยังจะต้องวางแผนอะไรกันเล่า ศิษย์น้องหญิง ข้าแค่พยายามจะปกป้องเจ้าให้ดี ยิ่งเจ้ารู้มากเท่าใด ก็จะยิ่งต้องแบกรับภาระหนักมากขึ้นเท่านั้น”

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท