ณ ที่พักอาศัยของจิ่วเซียนทั้งเก้าบนยอดเขาพิชิตสวรรค์
ซี้ด…เอวนี้ช่างน่าสงสารนัก
เป็นจริงดังที่คาดไว้ หากปราศจากพลังเซียนร่างกายเซียนเสิ่นเช่นนี้ก็คงรับไม่ไหว มันไม่ใช่หนทางของการฝึกฝนกายเนื้อ…
ทว่าหากใช้พลังเซียน ความสนุกก็จะลดน้อยลงมาก สองทางนี้ช่างเลือกยากนัก
จิ่วอูเอามือประคองเอว ร่างสูงห้าฉื่อของเขาโซเซไปมาหน้าที่พัก พลังเซียนของเขาแผ่ออกมาอย่างเบาบาง และความรู้สึกเหนื่อยล้าก่อนหน้าพลันจางหายไป
ในยามนี้ก็เป็นเวลาสามวันแล้วนับจากที่เขาและจิ่วซือกลับมาจากยอดเขาหยกน้อย และเพิ่งส่งคู่บำเพ็ญเต๋าของเขากลับไปปิดด่านบำเพ็ญเพียร แม้ระยะนี้นักพรตเต๋าร่างเตี้ยคนนี้จะเหนื่อยล้า ทว่าเขากลับรู้สึกสดชื่น บนใบหน้าเผยความพึงพอใจออกมา
ชั่วขณะนั้นก็มีน้ำเต้าใหญ่เคลื่อนลงมาจากท้องฟ้า
จิ่วอูพลันตื่นตกใจแล้วเงยหน้าขึ้นทันที ขณะที่ไพล่มือไปไว้ที่ด้านหลังด้วยท่าทีเคร่งขรึมเฉกเช่นที่เคยเป็นปกติ ก่อนจะกระแอมไอในลำคอแล้วตะโกนเสียงดังว่า
“เสี่ยวจิ่ว! เจ้ามาหาศิษย์พี่สักหน่อยสิ”
“ศิษย์พี่หรือ ข้ากำลังมาหาท่านพอดี ข้านำสิ่งที่ท่านอยากได้มาด้วย…ฮ้าว…”
จิ่วจิ่วโผล่ศีรษะออกมาจากน้ำเต้าขนาดใหญ่แล้วอดไม่ได้ที่จะเอามือปิดปากหาวออกมา จิตวิญญาณของนางก็ดูเหมือนจะอ่อนล้ามากเช่นกัน
จากนั้นน้ำเต้ายักษ์ก็เลี้ยวทำมุมลงจอดตรงหน้าที่พำนักของจิ่วอู
นอกเหนือจากที่จิ่วเซียนทั้งเก้าจะมีคุณสมบัติยอดเยี่ยมแล้ว ยังเป็นผู้บำเพ็ญเซียนที่โดดเด่นที่สุดในรุ่นของพวกเขาอีกด้วย ยกเว้นเพียงจิ่วจิ่ว พวกเขาแต่ละคนก็ยังมี ‘ความถนัดพิเศษ’ ของตนเอง
จิ่วซือเก่งกาจในการหลอมสมบัติและอาวุธเวท จิ่วอูเชี่ยวชาญในการหลอมโอสถ ดังนั้นที่ด้านล่างของอาคารที่พำนักของจิ่วอูจึงเต็มไปด้วยไหสุรา วัสดุในการหลอมสมบัติและอาวุธเวท รวมถึงเตาหลอมซึ่งกองระเกะระกะไปทุกที่แม้แต่ตามซอกตามมุม
เห็นได้ชัดว่านิสัยไม่ชอบเก็บกวาดทำความสะอาดของจิ่วจิ่วนั้น นางได้เรียนรู้มาจากที่นี่ เพียงแต่รุนแรงกว่า
จิ่วจิ่วหาวอีกครั้ง และเมื่อมาถึงจิ่วจิ่วก็ทำเหมือนกับเป็นบ้านของนางเอง นางนั่งลงที่โต๊ะกลมด้านข้างโดยไม่ต้องมีคำเชิญ แล้วโยนกรงเล็กๆ ที่ถือไว้ไปให้จิ่วอูทันที
“ศิษย์พี่ นี่คือเจ้าแมงมุมน้อยที่ท่านอยากได้ คราวนี้อย่าทำมันตายอีกเล่า ท่านไม่ละอายที่ไปขออะไรจากผู้เยาว์อยู่ตลอดเวลาอย่างนั้นหรือ!”
“ยากนักที่เจ้าจะไม่ลืมเรื่องนี้” จิ่วอูตอบพลางเปิดผ้าสีดำที่คลุมกรงไม้ก่อนจะเหลือบมอง ทันใดนั้นเขาก็ฉีกยิ้มกว้างออกมาทั่วใบหน้าทันที
ภายในนั้นมีแมงมุมสองตัวซึ่งแยกออกจากกัน แต่ละตัวล้วนมีหัวขนาดใหญ่เหมือนซาลาเปาไส้เนื้อ พวกมันมีสามหัวและมีดวงตามากมายหลายเท่า
จากนั้นจิ่วจิ่วก็หาวออกมาอีกครั้งพร้อมด้วยท่าทีเหนื่อยล้าขณะกล่าวว่า “ศิษย์พี่ หากไม่มีเรื่องใดอีก เช่นนั้นข้าก็ขอตัวลา”
“ช้าก่อน ให้ข้าไปเอาของบางอย่างก่อน” จากนั้นจิ่วอูก็วิ่งไปในสถานที่เย็นและมืดในบ้านของเขาแล้วแขวนกรงแมงมุมเอาไว้ที่นั่นก่อนจะวิ่งเหยาะๆ ไปที่ชั้นวางตำรา
จิ่วจิ่วฟุบลงบนโต๊ะอย่างเซื่องซึมขณะกล่าวว่า “ศิษย์พี่ ท่านจะทำอันใดกัน ยามนี้ข้าเหนื่อยยิ่ง ข้าอยากดื่มอะไรแล้วนอนหลับไปสักสองสามวัน”
เหนื่อยหรือ
จิ่วอูซึ่งกำลังค้นหาบางอย่างที่ชั้นวางตำรา พลันหันศีรษะไปมองจิ่วจิ่วอย่างละเอียด และเวลานี้เองเขาก็นึกขึ้นได้ว่า เขาไม่อาจมองระดับฐานพลังของศิษย์น้องหญิงเล็กได้ แล้วนับประสาอะไรกับการดูสภาพร่างกายของนาง
แต่เมื่อนึกถึงสถานการณ์ในหอโอสถที่เขาเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ จิ่วอูก็ทอดถอนใจทันที รู้สึกได้ถึงความโศกเศร้าของผู้เป็นบิดาชรา
ช่างมันเถิด เมื่อสตรีเติบใหญ่ย่อมต้องแต่งงาน ภายใต้บรรยากาศของคู่บำเพ็ญเต๋ามากมายที่แพร่หลายไปทั่วสำนัก ศิษย์น้องหญิงเล็กของเขาย่อมหนีไม่พ้นบรรยากาศเช่นนี้…
ธรรมเนียมปฏิบัติเยี่ยงนี้มาจากที่ใดกัน
เรื่องนี้เริ่มต้นด้วยเซียนเทียนรุ่นก่อนๆ ในบรรดาผู้อาวุโสสิบคนของสำนักตู้เซียนของเรา มีคู่บำเพ็ญเต๋าที่รักกันอยู่สี่คู่ แล้วจากนั้นเหล่ารุ่นเยาว์ก็ทำตามตัวอย่างนั้นมา ดังนั้นจึงไม่อาจตำหนิผู้ใดได้จริงๆ
จิ่วจิ่วนอนฟุบถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญาพลางนึกถึงประสบการณ์ในการปรุงยาพิษกับศิษย์หลานผู้หนึ่งในช่วงที่ผ่านมา…
แม้ว่ามันจะเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจแต่ก็ค่อนข้างแปลกใหม่ และศิษย์หลานชายของนางก็ให้ผลประโยชน์มากมายกับนาง รวมถึงแจกจ่ายโอสถพิษที่สามารถวางยาพิษเซียนเสิ่นได้อีกด้วย
แต่นางก็ต้องสูญเสียพลังงานและเหน็ดเหนื่อยยิ่ง
จิ่วจิ่วไม่เคยรู้สึกเหนื่อยเช่นนี้มาก่อน นางพึมพำออกมาว่า “เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเพียงเด็กน้อยในขอบเขตคืนกลับอนัตตา แต่เขาสามารถทรมานข้าได้เป็นเวลานานจนข้าเหนื่อยมากเช่นนี้!”
ปึ้ง!
ม้วนตำราหยกในมือของจิ่วอูร่วงลงไปบนพื้นกะทันหัน นักพรตเต๋าร่างเตี้ยเงยหน้าขึ้นพลางถอนหายใจยาว ดวงตาของเขาเริ่มรื้นน้ำตาเล็กน้อย
เสี่ยวจิ่ว…โตแล้วจริงๆ…
ศิษย์พี่ห้าซึ่งทำหน้าที่ดุจบิดาของนางมาเป็นเวลานาน ในที่สุดก็ต้องปล่อยให้นางได้ใช้ชีวิตสวยงามและสนุกไปกับชีวิตการบำเพ็ญของนางเองแล้ว
จากนั้นจิ่วอูก็หยิบม้วนตำราหยกขึ้นมาและมองดูตัวอักษรขนาดใหญ่ที่สลักไว้บนนั้น
‘โครงร่างทั่วไปของการสร้างค่ายกล โดยหว่างฉิง’
หลังจากนั้นเขาก็หยิบม้วนตำราหยกอีกสองม้วนออกมาจากมุมของชั้นวางตำราก่อนจะหันหลังเดินกลับไปหาจิ่วจิ่วอีกครั้ง
“เสี่ยวจิ่ว เจ้าช่วยข้านำสิ่งของเหล่านี้ไปมอบให้ศิษย์หลานฉางโซ่วในนามของข้าเถิด” จิ่วอูใช้พลังเซียนของเขาส่งม้วนตำราหยกไปตรงหน้าจิ่วจิ่ว ก่อนจะกล่าวเสียงอบอุ่นว่า “นี่คือโครงร่างทั่วไปของการสร้างค่ายกลที่เขียนขึ้นโดยท่านอาจารย์ และยังมีประสบการณ์จากการศึกษาแบบแผนของค่ายกลที่ศิษย์พี่สามและข้าได้บันทึกไว้ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้”
“หือ?” จิ่วจิ่วรับม้วนตำราหยกแล้วโยนมันเข้าไปในคลังเวทจัดเก็บของนางก่อนจะถามอย่างสงสัยว่า “ศิษย์พี่ เหตุใดจู่ๆ ท่านถึงใส่ใจเสี่ยวโซ่วนักเล่า”
เสี่ยว…เสี่ยวโซ่ว
นี่ไม่ใช่ชื่อตอนที่ข้ากับเสี่ยวซือซือมีเสน่ห์หาแรงกล้า จึงเรียกชื่อเล่นกันเช่นนี้หรอกหรือ
จิ่วอูเงยหน้าขึ้นแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ยิ้มอ่อนโยนพร้อมกับกล่าวน้ำเสียงอบอุ่นว่า “หลังจากที่เราพบกันในดินแดนเทวะอุดรครั้งก่อน ข้าก็รู้ว่าศิษย์หลานฉางโซ่วเป็นชายหนุ่มที่มั่นคงจริงจัง ใช่แล้ว ศิษย์พี่หญิงสี่ของเจ้ายังทำเสื้อผ้าใหม่ให้เจ้าหลายชุดด้วย”
จากนั้นจิ่วอูก็หยิบถุงเก็บสมบัติแล้วยื่นให้จิ่วจิ่ว
“ภายในนี้ยังมีชุดกระโปรงผ้าโปร่งบางสีแดงและเครื่องประดับอัญมณีของสตรี หากเจ้าชอบ เจ้าก็ขอให้ศิษย์พี่หญิงช่วยทำให้เจ้าอีกได้…”
“เสื้อผ้า? เสื้อผ้าอันใดกันนี่”
จิ่วจิ่วหยิบถุงเก็บสมบัติขึ้นมาแล้วล้วงเข้าไปดึงชุดผ้าโปร่งบางออกมาทันที แล้วทันใดนั้นใบหน้าของนางก็มืดทะมึนขึ้นอย่างกะทันหัน
“ศิษย์พี่…ข้าสวมชุดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน”
“แค่กๆ! อย่าหาว่าศิษย์พี่อย่างข้าวุ่นวายและพูดมากเกินไปเลย ศิษย์น้องหญิงเล็ก แม้เจ้าจะงดงามตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ก็ยังต้องรู้จักแต่งตัวบ้าง ว่าแต่…เจ้ากับศิษย์หลานฉางโซ่ว เริ่ม…เริ่มต้นเมื่อสองปีที่ผ่านมาอย่างนั้นหรือ”
“สองปีที่ผ่านมา? เริ่มต้น?”
จิ่วจิ่วกวาดตามองจิ่วอูก่อนจะขมวดคิ้วและเม้มริมฝีปากของนางทันที นางโยนชุดผ้าโปร่งกลับเข้าไปในถุงเก็บสมบัติของนางด้วยความรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก แล้วจึงถามว่า “ท่านคงไม่คิดว่าเสี่ยวโซ่วโซ่วกับข้าคบหาดูใจกันใช่หรือไม่!”
จิ่วอูชะงักงัน “แล้วไม่ใช่หรือ”
“ชิ!” จิ่วจิ่วมีสีหน้าเดือดดาลขึ้นมาทันที “ท่านคิดว่าศิษย์น้องหญิงของท่านเป็นคนเช่นไรกัน ข้าเป็นคนประเภทที่จะไล่ตามเกี้ยวพาศิษย์หลานและเหล่ารุ่นเยาว์อย่างนั้นหรือ! ข้ามิอาจทำตัวเหมือนวัวแก่กินหญ้าอ่อนหรอกนะ!”
จิ่วอูจ้องจิ่วจิ่วเขม็งแล้วถามว่า “แล้วเจ้าไปทำอันใดที่ยอดเขาหยกน้อยในช่วงตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมานี้เล่า”
“ข้าช่วยจัดวางค่ายกล” จิ่วจิ่วแบมือออกไปแล้วกล่าวต่อว่า “ข้าถูกลงโทษห้ามดื่มเหล้าเป็นเวลาสามปี ศิษย์หลานให้เครื่องดื่มดีๆ ที่สามารถทดแทนเหล้าได้ และข้าก็ช่วยเขาจัดวางค่ายกลเพื่อเป็นการตอบแทน”