ไม่นานหลังจากที่ทัณฑ์สวรรค์สิ้นสุดลง ฉีหยวนก็ได้ผ่านพ้นการเดินทางที่ยาวนานและซับซ้อนในใจของเขา
แรกสุดเขาคิดว่า…
เฮ้ ข้าช่างเป็นผู้บำเพ็ญเต๋าที่น่าอนาถยิ่ง ข้าใช้การสลายพลังบำเพ็ญภายใต้ทัณฑ์สวรรค์และกลายเป็นเซียนจั๋ว…
เหตุการณ์นี้ยังเกิดขึ้นต่อหน้าทุกคน ข้ากินโอสถเซียนชนิดหนึ่งที่ช่วยข้าแก้ปัญหาการเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์ได้อย่างเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงความตายภายใต้ทัณฑ์สวรรค์…
ฮ่า ฮ่า ฮ่า นับจากนี้ต่อไป ข้าก็ไม่อาจเชิดหน้าเมื่ออยู่นอกสำนักได้อีกแล้ว
ไม่นานหลังจากนั้น ฉีหยวนก็นึกถึงภาพเมื่อยามที่ศิษย์ของเขาคุกเข่าลงต่อหน้าเขาและยื่นโอสถเซียนนี้ให้เขา
ช่างมันเถิด ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความหวังดีที่หลี่ฉางโซ่วพยายามอย่างยิ่งยวด
ในฐานะอาจารย์ของเขา ข้าเอาแต่คิดถึงอุดมคติของการตายภายใต้ทัณฑ์สวรรค์ แต่กลับละเลยความพยายามของศิษย์ทั้งสองที่ต้องการให้ข้ารอดชีวิต
มันต้องไม่ใช่เรื่องง่ายที่หลี่ฉางโซ่วจะได้โอสถเม็ดนี้มา เขาต้องบากบั่นมากแน่นอน เขาเพิ่งทะลวงผ่านคืนกลับอนัตตาในดินแดนเทวะอุดร ข้าจะปล่อยให้ความพยายามของเขาสูญเปล่าไปได้อย่างไร
ข้าเป็นเซียนจั๋ว แล้วอย่างไร
อย่างน้อยหนทางข้างหน้าก็ยังไม่ได้ถูกปิดผนึก มันยังดีกว่าเซียนกุ่ยหรือการที่วิญญาณของข้าต้องถูกทำลายไป และข้ายังสามารถปกป้องศิษย์ที่ดีทั้งสองคนของข้าได้ต่อไปในภายหน้า เท่านี้ก็ย่อมเพียงพอแล้ว
ดังนั้นฉีหยวนจึงประสานมือคารวะเต๋าให้หลี่ฉางโซ่ว
และก็มีคนมากมายจากที่ต่างๆ มาแสดงความยินดีกับฉีหยวน
ฉีหยวนตกตะลึงในตอนแรกก่อนที่จะคุ้นเคยกับมัน จากนั้นเขาก็ประสานมือคารวะและทักทายทีละคน รวมถึงพูดคุยกับสหายเก่าที่ไม่ได้ติดต่อกันมาเป็นเวลานานแล้วของเขา
เซียนจั๋วก็เป็นเซียนเช่นกัน ข้ายังสามารถมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขเพลิดเพลินไปได้อีกหลายหมื่นปี ทั้งยังสามารถฝึกบำเพ็ญอย่างหนักเพื่อกลายเป็นเซียนเสิ่น และรับศิษย์ได้มากขึ้นอีกสักสองสามคน ส่งต่อการสืบทอดของยอดเขาหยกน้อย ซึ่งทั้งหมดนี้จะนำความรุ่งโรจน์มาสู่ยอดเขาหยกน้อยของข้า!
แล้วฉีหยวนก็ค่อยๆ แย้มยิ้มออกมา
ในขณะนี้ฉีหยวนซึ่งกำลังถูกล้อมรอบด้วยฝูงชนที่มาแสดงความยินดี จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงศิษย์คนโตของเขา…
“ท่านอาจารย์ หากมีคนถามว่าท่านกินโอสถชนิดใดช่วยแก้ปัญหาการเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์ ท่านก็บอกพวกเขาได้ว่ามันคือโอสถสลายเซียนขอรับ…
สูตรการหลอมโอสถนี้สามารถหาพบได้ มันถูกบันทึกเอาไว้บนหนังแกะที่อยู่ในชั้นวางตำราชั้นที่สองในมุมตะวันตกเฉียงเหนือของหอพระสูตรเต๋าชั้นนอกขอรับ
หลังจากนั้นหากมีคนถามท่านอาจารย์ว่า ท่านยังมีโอสถสลายเซียนเหลืออยู่หรือไม่ ท่านก็สามารถให้สัญญาได้สูงสุดถึงสามคน นั่นเป็นจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อให้แน่ใจว่าคนเหล่านั้นจะกลายเป็นเซียนได้ และคนเหล่านั้นต้องเป็นผู้ที่สนิทกับท่านและต้องการโอสถสลายเซียนจริงๆ…
โอสถนี้ยากมากที่จะหลอมขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้นมันยังสามารถวางยาพิษผู้เป็นเซียนได้โดยตรง ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาได้ง่ายขอรับ”
ฉีหยวนตกตะลึงก่อนจะมองไปที่ศิษย์สองคนของเขาท่ามกลางฝูงชน และพยักหน้าให้พร้อมด้วยรอยยิ้มอย่างรวดเร็วเพื่อบ่งบอกว่าเขาได้จดจำคำแนะนำของหลี่ฉางโซ่วเอาไว้แล้ว
หลี่ฉางโซ่ววางใจที่สามารถเอาหินก้อนสุดท้ายในใจออกไปได้แล้ว เขารู้สึกโล่งอก สดชื่นและอารมณ์ดีอย่างยิ่ง ก่อนจะหันไปยิ้มให้หลิงเอ๋อร์แล้วพูดว่า “ศิษย์น้อง เจ้าอยู่ที่นี่ก่อนนะ หากอาจารย์อยากเชิญคนมาดื่มชาสนทนา อย่าลืมดูแลพวกเขาให้ดีด้วย”
หลันหลิงเอ๋อร์รีบเอ่ยถามว่า “ศิษย์พี่ ท่านจะไปที่ใดกัน ท่านจะไม่อยู่ร่วมฉลองแสดงความยินดีกับท่านอาจารย์หรือเจ้าคะ”
หลี่ฉางโซ่วแย้มยิ้มพลางกล่าวตอบว่า “ข้าจะไปพักสักหน่อยในระหว่างที่รอให้อาจารย์ทำในสิ่งที่ท่านต้องทำจนเสร็จ ตามประเพณีของสำนักการกลายเป็นเซียนนั้นเป็นเรื่องใหญ่ จะมีผู้คนจำนวนมากมาแสดงความยินดีกับท่านอาจารย์ เราจึงไม่จำเป็นต้องกังวล”
“เจ้าค่ะ!” หลันหลิงเอ๋อร์ตอบกลับเสียงเบาแล้วกล่าวต่อว่า “ศิษย์พี่ ท่านรีบไปพักผ่อนเถิด ช่วงที่ผ่านมานี้ท่านทำงานหนักมาตลอด ข้าจะคอยดูแลท่านอาจารย์เองเจ้าค่ะ!”
ดังนั้นในขณะที่มีเซียนจำนวนมากไปที่ยอดเขา หลี่ฉางโซ่วก็แอบหนีกลับไปที่หอโอสถของเขาเงียบๆ
เขาไม่ได้เปิดใช้ค่ายกลขนาดใหญ่ที่วางไว้รอบๆ หอโอสถ เพียงแค่เปิดใช้ค่ายกลภายในระยะรัศมีหนึ่งร้อยจั้งเท่านั้น
เขาย้ายเก้าอี้โยกมาอยู่หน้าหอโอสถ และนั่งลงบนเก้าอี้พลางมองออกไปที่ป่าและผืนน้ำในบริเวณใกล้เคียง พร้อมทั้งโยกเก้าอี้ไปมาเบาๆ แล้วหลับตาลง
หลังจากทำงานอย่างหนักมาเป็นเวลานาน ในที่สุดท่านอาจารย์ก็ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้แล้ว
หลังจากสังเกตประสบการณ์ในการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ของอาจารย์ในครั้งนี้ ข้าก็รู้สึกเข้าใจการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้ดีขึ้น และเมื่อข้าสะสมความเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ จนสมบูรณ์แล้ว ข้าก็จะมั่นใจในการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ของข้าได้มากขึ้น จากนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องระงับฐานพลังของข้าเอาไว้อีกต่อไป และเริ่มเสี่ยงในการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้
อย่างไรก็ตามข้าก็ไม่อาจข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ภายในสำนักได้ ไม่เช่นนั้นการที่ข้าทุ่มเทฝึกบำเพ็ญอย่างหนักเพื่อสั่งสมฐานพลังในช่วงหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมาให้เป็นไม้ตายของข้า จะต้องถูกเปิดเผยออกมาอย่างน้อยครึ่งหนึ่งอย่างแน่นอน
แต่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ก็นับว่าความแข็งแกร่งของอาจารย์ก่อนที่เขาจะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์นั้นแย่มากทีเดียว เพราะโอสถสลายเซียนสามารถสลายร่างและวิญญาณของเขาได้แทบจะในทันที…
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็หลับตาลงร้องเพลงเซียนเบาๆ มันเป็นเพลงเซียนที่เขาได้ยินในยามที่อาจารย์ของเขากลายเป็นเซียน และในไม่ช้าเขาก็เข้าสู่ห้วงแห่งการรู้แจ้งที่อยู่ระหว่างกึ่งหลับกึ่งตื่น
บัดนี้เขาได้ควบคุมการหายใจในขณะที่ผสานจิตวิญญาณของเขาไปกับสวรรค์และปฐพี
บงกชเก้ากลีบลอยออกมาจากอกของเขา มันดูสดใสและเต็มไปด้วยชีวิตชีวาเสมือนจริง ในขณะที่บนฐานบงกชดอกนั้นได้รองรับเต๋าซึ่งหลี่ฉางโซ่วตระหนักรู้เอาไว้ ทุกอย่างล้วนดูลึกลับทว่าเป็นธรรมชาติซึ่งยากจะอธิบายออกมาเป็นวาจาได้
จากนั้นบงกชขนาดเล็กดอกนี้ก็ค่อยๆ จางหายไปกับสายลม อย่างไรก็ตาม มันเป็นเฉกเช่นเดียวกับแม่เหล็ก เพราะเวลานี้มันได้ดึงบงกชจำนวนมากออกมาจากส่วนต่างๆ ทั่วร่างของหลี่ฉางโซ่ว จากนั้นบงกชเหล่านี้ก็ลอยวนไปรอบกายเขา ขณะที่เปลือกตาที่ปิดลงมากึ่งหนึ่งของหลี่ฉางโซ่วเผยให้เห็นถึงความสงบสุข
แต่หลี่ฉางโซ่วได้สติกลับมารู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว ปัดบงกชที่อยู่รอบๆ ออกไปและรีบผนึกลมปราณของเขาซึ่งเกือบจะถูกเปิดเผยออกมาเอาไว้อย่างรวดเร็ว
หอโอสถนี้ไม่ปลอดภัยนัก หากเขาต้องการฝึกฝน เขาจะต้องไปที่ห้องลับใต้ดิน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ปรมาจารย์ระดับเซียนเทียนที่แข็งแกร่งอย่างปรมาจารย์หว่างฉิงนั้นอาจกวาดล้างยอดเขาหยกน้อยได้ด้วยเพียงสัมผัสเซียนรับรู้
จากนั้นเขาก็เอนหลังลงบนเก้าอี้แล้วพักสักครู่
ทันใดนั้นก็มีเมฆขาวลอยมาจากทะเลสาบที่อยู่ด้านหน้าภูเขา
หลี่ฉางโซ่วลืมตาขึ้นเพื่อสังเกตดูทันที และเมื่อเห็นนักพรตเต๋าร่างเตี้ยบนเมฆขาว เขาก็ปิดค่ายกลรอบๆ หอโอสถแล้วลุกขึ้นยืนเพื่อต้อนรับเขา
“ศิษย์ขอคารวะท่านอาจารย์ลุงจิ่วอูขอรับ”
จิ่วอูดุด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์ของเจ้ากำลังจัดงานเลี้ยงและต้อนรับแขก แต่เจ้ากลับแอบมานอนอยู่ที่นี่ บัดนี้ขาเรียวเล็กของศิษย์น้องหญิงของเจ้าคงแทบหักเพราะต้องวิ่งไปทั่วแล้ว!”
“ศิษย์ไม่ใคร่ชอบผู้คนมากนัก จึงทำได้แค่ให้ศิษย์น้องหญิงของข้าทำงานอย่างขยันขันแข็งขึ้นเท่านั้น” หลี่ฉางโซ่วตอบยิ้มๆ แล้วรอให้จิ่วอูเข้ามาใกล้หอโอสถก่อนที่เขาจะเปิดใช้งานค่ายกลรอบๆ พวกเขาอีกครั้ง หลี่ฉางโซ่วผายมือแล้วกล่าวเชื้อเชิญว่า “เชิญท่านอาจารย์ลุงเข้าไปนั่งด้านในเถิดขอรับ”
“ไม่จำเป็น ยามนี้ข้าไม่มีเวลา ข้ากำลังจะออกเดินทางในเร็วๆ นี้แล้ว จึงมาที่นี่เพื่อบอกเจ้าสองเรื่อง” จิ่วอูพลันโบกมือก่อนจะหยิบม้วนตำราหยกออกมาจากแขนเสื้อแล้วโยนให้หลี่ฉางโซ่วทันที
จิ่วอูรีบกล่าวด้วยความภูมิใจว่า “ดูสิ ดูสิว่านี่คืออะไร แล้วอย่าบอกนะว่าอาจารย์ลุงเอาแต่ดื่มสุราของเจ้า เป็นดั่งสหายร่วมดื่มกินโดยไม่ให้ประโยชน์อันใดแก่เจ้าเลย!”
หลี่ฉางโซ่วชะงักงัน
สหายร่วมดื่มกินหรือ พวกเราเพียงแค่ดื่มสุราด้วยกันแค่เจ็ดหรือแปดครั้งเท่านั้นในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ และทุกครั้งที่อาจารย์ลุงผู้นี้มา ข้าก็นำสุราแห่งแม่น้ำฮวงโหที่ทำให้อาจารย์อาจิ่วจิ่วมาให้เขาดื่ม!
หลี่ฉางโซ่วถือม้วนตำราหยกเอาไว้ในมือซ้าย แล้วปล่อยให้มันลอยไปอยู่ด้านข้างของเขา ก่อนจะแผ่พลังปราณสัมผัสรับรู้ออกไปสำรวจมัน
หือ? พระสูตรนิรกรรมเล่มที่หนึ่งหรือ
……………………………………………