ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – ตอนที่ 50.1 สถานที่สำหรับการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ในยามรุ่งอรุณ หลันหลิงเอ๋อร์ซึ่งหลับสนิทอยู่ก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยพลังมหาศาล

ก่อนที่นางจะฟื้นตัวตื่นเต็มที่ นางก็ได้ยินจิ่วจิ่วร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าเพิ่งได้ทะลวงผ่านจุดตีบตันของข้าไปได้! หลิงเอ๋อร์น้อย อย่าลืมบอกศิษย์พี่ของเจ้าด้วยนะ ข้าจะกลับไปปิดด่านบำเพ็ญเพียรก่อน!”

“เอ๋…หือ? ท่านทะลวงผ่านจุดตีบตันได้หลังจากตื่นนอนหรือเจ้าคะ” หลันหลิงเอ๋อร์ตอบด้วยท่าทางมึนงง ครั้นเมื่อลืมตาขึ้น นางก็เห็นจิ่วจิ่วกำลังมองหารองเท้าของนางไปทั่วพื้น

ครั้งนี้อาจารย์อาจิ่วตื่นเต้นยิ่งนักที่ขอบเขตพลังของนางได้ขยับขึ้นไปอย่างมั่นคงอีกครั้งเพื่อไปสู่ขอบเขตเซียนเทียน จากนั้นนางก็รีบออกจากกระท่อมมุงจากและกระโดดขึ้นไปบนน้ำเต้าก่อนจะมุ่งหน้าไปยังยอดเขาพิชิตสวรรค์อย่างรวดเร็ว

“อย่าลืมบอกให้ศิษย์พี่ของเจ้ารู้ด้วยว่า ข้าจะช่วยเขาหลอมโอสถเมื่อข้าออกมาจากการปิดด่านแล้ว…”

หลันหลิงเอ๋อร์ยังงุนงงอยู่ที่ข้างเตียงไปชั่วขณะหนึ่ง และหลังจากหาวสองครั้งแล้ว นางก็เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง

ครั้นเมื่อนึกถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจารย์อาของนางทำเมื่อวันก่อนนี้ หลันหลิงเอ๋อร์ก็แย้มยิ้มแล้วถอนหายใจเบาๆ ออกมา

ช่างสบายใจไร้กังวลจริงๆ หลังจากกลายเป็นเซียนแล้ว

“ศิษย์น้องหญิง”

ทันทีที่ได้ยินข้อความเสียงเข้ามาในหู หลันหลิงเอ๋อร์ก็ตอบออกไปในทันใดว่า “ข้าอยู่นี่แล้วเจ้าค่ะ!”

หลี่ฉางโซ่วยังคงกล่าวผ่านการส่งข้อความเสียงต่อไปอีกว่า “ข้าได้ยินสิ่งที่ท่านอาจารย์อากล่าวแล้ว ข้าจะต้องปิดด่านบำเพ็ญเพียรเป็นเวลาสามเดือน และอีกสามเดือนหลังจากนั้นอาจจะต้องออกไปภายนอก เจ้าต้องการโอสถใดหรือไม่ ในครั้งนี้ข้าจะใช้เวลาราวสามถึงห้าปีจึงจะกลับมาอีกครั้ง”

ศิษย์พี่…ท่านจะออกไปรับทัณฑ์สวรรค์หรือเจ้าคะ

ในคราแรกนั้น หลันหลิงเอ๋อร์เบิกบานใจยิ่งนัก ทว่าหลังจากนั้นนางก็มุ่ยปากอย่างไม่พอใจ

แน่นอนว่านางย่อมปีติยินดียิ่งนักที่ศิษย์พี่ของนางจะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ แต่ก็ไม่มีความสุขนักเพราะเขาจะกลับมาหลังจากนี้อีกสามถึงห้าปี นับตั้งแต่นางขึ้นมาอยู่บนยอดเขา ศิษย์พี่ก็ไม่เคยจากนางไปนานถึงเพียงนี้

“ข้าไม่ประสงค์สิ่งใดเจ้าค่ะ ศิษย์พี่ ท่านแค่ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะเจ้าคะ” หลันหลิงเอ๋อร์กระซิบตอบแผ่วเบา

จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาตามการส่งข้อความเสียง แล้วหลี่ฉางโซ่วก็กล่าวเตือนนางว่า “ข้าจะปลุกท่านอาจารย์ก่อนจะจากไปและขอไม่ให้เขาปิดด่านบำเพ็ญเพียรไปอีกหลายปีหลังจากนี้ จงจำไว้ว่าอย่าเที่ยววิ่งเล่นไปทั่ว เจ้าต้องจำสิ่งที่ข้าพร่ำสอนเจ้าไปก่อนหน้านี้ตลอดเวลา และต้องระวังตัว อย่าได้ประมาทจนปล่อยให้ผู้ใดทำร้ายเจ้าได้”

“ข้าเข้าใจแล้วศิษย์พี่ ยังไม่สายเกินไปที่ท่านจะพูดเช่นนี้หลังจากที่ท่านออกมาจากการปิดด่านนะ” หลันหลิงเอ๋อร์กลอกตาก่อนจะถามว่า “เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านจะหนีหายไปเลยเจ้าคะ”

หลี่ฉางโซ่วหัวเราะอยู่ในหอโอสถและไม่ส่งเสียงอีกต่อไป

จากนั้นเขาก็ก้มมองลงไปยังแสงสีฟ้าที่ปรากฏขึ้นมาในฝ่ามือของเขา

เขาไม่ได้คาดหวังว่าคืนกลับเต๋าวิถีขั้นที่เก้าของเขาจะมาเร็วกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้มากเช่นนี้

เวลานี้ดูเหมือนว่าขอบเขตเต๋าของเขาจะ…มีการเติบโตอย่างรวดเร็วราวกับดอกเห็ดที่ผุดขึ้นมามากมายหลังสายพิรุณโปรย มันมีความต้องการที่จะทะยานขึ้นไปตลอดเวลา ทว่าโชคดีที่เขายังสามารถระงับได้

หลังจากบรรลุขอบเขตคืนกลับเต๋าวิถีขั้นเก้าแล้ว ก็เป็นไปได้มากว่า เขาจะต้องเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์

เช่นนั้นก็จะต้องใส่การข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เอาไว้ในกำหนดการเดินทางของเขาด้วย

หลี่ฉางโซ่วตัดสินใจมานานแล้วว่าจะออกไปเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์เพราะไม่ต้องการเปิดเผยขอบเขตพลังการฝึกฝนของเขา และไม่ต้องการให้ผู้ใดได้เห็นการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ของเขา

เพราะการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เป็นเรื่องของเขาเอง และค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาก็จะไม่มีผลใดๆ เลย

การหาที่หลบซ่อนภายนอกเพื่อข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ของเขา จะไม่แตกต่างไปจากปัจจัยด้านความปลอดภัยของสำนักมากนัก

แต่หากต้องการออกจากสำนักได้สำเร็จอย่างราบรื่น เขาก็ต้องใช้ความพยายามบ้าง

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ถอนหายใจเบาๆ

“โชคดีที่ยังมีโอกาส”

……

สำนักตู้เซียนมีกฎที่เข้มงวดซึ่งส่วนใหญ่จะมุ่งเป้าไปยังศิษย์ที่ยังไม่บรรลุเซียนด้วยการจำกัดคำพูดและการกระทำของบรรดาศิษย์เหล่านั้น เพื่อเป็นการดูแลและกระตุ้นให้พวกเขาฝึกฝน รวมถึงปกป้องพวกเขาให้ได้รับความปลอดภัยตลอดเวลา

หลี่ฉางโซ่วเป็นผู้บำเพ็ญที่โดดเด่นในขอบเขตคืนกลับอนัตตาขั้นสองของสำนักตู้เซียน ดังนั้นจึงมีข้อจำกัดค่อนข้างเข้มงวดในการออกไปภายนอก

นี่จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาเลือกเดินทางไปหาประสบการณ์ในดินแดนเทวะอุดรเพื่อค้นหาสมุนไพร

ในการออกจากสำนักเพื่อข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์คราวนี้ หลี่ฉางโซ่วได้เตรียมเหตุผลที่จะไปแจ้งหอไป่ฝานเพื่อขอออกไปภายนอก ซึ่งบรรดาศิษย์ทั้งหลายจะมีโอกาสได้กลับบ้านเกิดและไปเยี่ยมหลุมศพบรรพบุรุษได้หนึ่งครั้ง

เนื่องจากเมื่อก้าวเข้าสู่สำนักเซียน ก็จะไม่ได้เชื่อมโยงกับโลกมนุษย์อีกต่อไป ดังนั้นจึงควรตัดขาดสัมพันธ์ไปอย่างสิ้นเชิง

ทว่าหัวใจมนุษย์นั้นเติบโตจากเนื้อหนังในขณะที่หัวใจเต๋าก็ยังมีความทุกข์ยากในโลกมนุษย์เช่นกัน

บรรพบุรุษของเผ่าพันธุ์มนุษย์เคารพยกย่องในความจงรักภักดี มารยาท และความกตัญญูกตเวทีเพื่อใช้สั่งสอนผู้คน แม้ผู้บำเพ็ญจะหลุดพ้นจากโลกมนุษย์ แต่พวกเขาก็ไม่อาจไม่กตัญญูต่อบิดามารดาที่เลี้ยงดูพวกเขาได้ ดังนั้นพวกเขาก็ควรไปเยี่ยมหลุมฝังศพและบูชาสักการะพวกท่าน

ในด้านนี้สำนักตู้เซียนก็ได้เรียนรู้มาจากหลายสำนักใหญ่ในดินแดนเทวะมัชฌิมาและนำมาปฏิบัติได้ดีมาก

หลังจากมีศิษย์ใหม่ที่มาจากโลกมนุษย์เข้าสู่สำนัก ผู้ดูแลสำนักชั้นนอกจะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้โดยเฉพาะ ทุกๆ สิบปีพวกเขาจะไปดูแลบิดามารดาของศิษย์ใหม่โดยมอบทรัพย์สินทั้งทองคำและเงิน รวมถึงโอสถเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยและเครื่องรางให้แก่พวกเขาเพื่อการดำรงชีวิตและหลีกเลี่ยงภัยพิบัติต่างๆ ของพวกเขา และยังบอกกับพวกเขาว่าศิษย์เหล่านั้นเป็นอย่างไรในสำนัก ทว่าจะไม่ช่วยยืดอายุขัยของพวกเขาให้ยืนยาวขึ้น

ชีวิตและความตายล้วนถูกลิขิตเอาไว้แล้ว โชคชะตาก็ย่อมมีจำกัด สำนักตู้เซียนก็ไม่ต้องการสร้างกรรมที่ไม่จำเป็นมากเกินไปด้วยเช่นกัน ชีวิตและความตายได้รับการแก้ไข และโชคชะตามีจำกัด และประตูอมตะไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับเหตุและผลที่ไม่จำเป็นมากเกินไป

หลังจากที่บิดามารดาของศิษย์สิ้นชีวิตแล้ว พวกเขาก็จะแจ้งให้ศิษย์ได้รับรู้และอนุญาตให้พวกเขากลับไปบ้านเกิดเมื่อใดก็ได้เป็นเวลาสามปีเพื่อกราบไหว้บิดามารดาของพวกเขา และนับตั้งแต่นั้นมาพวกเขาก็จะได้ตัดขาดจากการเชื่อมโยงใดๆ กับโลกมนุษย์ไปอย่างสิ้นเชิง

เมื่อสิบแปดปีที่แล้ว หลี่ฉางโซ่วได้รับแจ้งจากสำนักว่าทั้งบิดามารดาของเขาในโลกมนุษย์ได้ล่วงลับไปแล้ว

ภายใต้การดูแลของสำนักตู้เซียน บิดามารดาของเขาซึ่งเป็นคนเลี้ยงสัตว์ธรรมดาในชนเผ่าเร่ร่อนของดินแดนเทวะทักษิณก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้มากกว่าหนึ่งร้อยปีโดยไม่มีความเจ็บป่วยหรือภัยพิบัติใดๆ ในชีวิต

สำหรับบิดามารดาของเขาในช่วงชีวิตนี้ หลี่ฉางโซ่วไม่ได้มีความทรงจำมากนัก อย่างไรก็ตามเขาถูกท่านอาจารย์พาขึ้นมาบนภูเขาตั้งแต่ยังเยาว์วัย และเขาก็สมัครใจขึ้นไปบนภูเขาด้วยตัวเองเพื่อแลกเปลี่ยนกับเสื้อผ้าและอาหารตลอดชีวิตสำหรับพวกเขา ทำให้พวกเขาไม่ต้องวิตกกังวลใดๆ ไม่ต้องเผชิญกับความเจ็บป่วย อีกทั้งยังประสบกับภัยพิบัติลดน้อยลง

เมื่อเขาได้รับแจ้งจากสำนัก หลี่ฉางโซ่วก็อยากจะไปเยี่ยมหลุมศพของพวกเขาทันที ทว่าเขาต้องระงับชั่วคราวเนื่องจากต้องเตรียมการออกไปภายนอกเพื่อข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ด้วย

แต่มีปัญหานิดหน่อย

ในตลอดระยะเวลาสามปีแห่งการดูแลหลุมฝังศพ หากผู้ดูแลสำนักชั้นนอกเดินทางออกไปปฏิบัติภารกิจภายนอกและผ่านบ้านเกิดของศิษย์ในช่วงสามปีที่ศิษย์ไปเยี่ยมหลุมศพของบิดามารดาของพวกเขา ผู้ดูแลสำนักเหล่านั้นก็จะต้องไปดูสถานการณ์ของศิษย์ว่าเป็นอย่างไร

หลี่ฉางโซ่วได้เตรียมการเกี่ยวกับประเด็นนี้เช่นกัน เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกผู้อาวุโสแห่งหอไป่ฝานมาตั้งแต่ช่วงต้นๆ โดยเฉพาะ ‘ผู้อาวุโส’ ที่ดูแลกิจการของบรรดาลูกศิษย์นั้นคุ้นเคยกันดีมาก

เขาเป็นแฟนพันธุ์แท้ของปลาวิญญาณ

ผู้อาวุโสคนนี้ต่างจากผู้อาวุโสคนอื่นๆ

ผู้อาวุโสส่วนใหญ่ของหอไป่ฝานล้วนเป็นเซียนเสิ่น ตัวอย่างเช่น ผู้อาวุโสเก่อซึ่งรับผิดชอบเรื่องงานทั้งภายในและภายนอกสำนัก

บรรดาผู้อาวุโสที่แท้จริงของสำนักตู้เซียนล้วนกำลังฝึกบำเพ็ญในยอดเขาต่างๆ โดยไม่ได้สนใจไต่ถามถึงเรื่องเล็กน้อย พวกเขาจะไม่สามารถได้รับการยกย่องเช่นนี้ได้ เว้นแต่พวกเขาจะอยู่ในขอบเขตเซียนเทียน

…….

สามเดือนต่อมา…

ขณะนี้หลี่ฉางโซ่วตะโกนปลุกท่านอาจารย์ซึ่งปิดด่านฝึกบำเพ็ญอยู่ และบอกว่าตนเองต้องกลับไปเยี่ยมหลุมศพบิดามารดาที่บ้านเกิด อาจารย์จะต้องดูแลศิษย์น้องหญิงของเขาให้มากขึ้น

แน่นอนว่านักพรตเต๋าชราฉีหยวนย่อมอนุญาตให้เขาไป เขาไม่ได้คิดมากในเรื่องนี้ และยังชี้ชวนให้หลี่ฉางโซ่วละวางจากความกังวลทางโลกและการเชื่อมโยงที่เขามีกับโลกมนุษย์เสียตั้งแต่เนิ่นๆ และมุ่งมั่นอยู่กับวิถีเซียน

ทว่าในทางตรงข้าม หลันหลิงเอ๋อร์กลับทนไม่ได้ที่จะแยกจากเขาจึงเอ่ยถามเบาๆ ว่า “ข้า…ไปที่นั่นเพื่อดูแลหลุมฝังศพพร้อมกับศิษย์พี่ด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ…”

“ลองเดาสิ” หลี่ฉางโซ่วแย้มยิ้ม แล้วหลันหลิงเอ๋อร์ก็คอตกเมื่อรู้คำตอบในทันที

นางยังคงไม่ปรารถนาจะแยกจากเขา

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็จับปลาวิญญาณสองสามตัวจากทะเลสาบ และใส่ไว้ในแขนเสื้อก่อนจะขึ้นบนเมฆขาวแล้วบินไปที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์

ในขณะนั้น หลันหลิงเอ๋อร์ก็ยืนอยู่ที่ด้านข้างของทะเลสาบและมองดูแผ่นหลังศิษย์พี่ของนางอย่างเงียบๆ ขณะที่ภาวนาในใจว่า ขอให้ท่านเอาชนะและข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้โดยสวัสดิภาพ ก่อนจะกลับไปที่กระท่อมมุงจากของนางเพื่อฝึกฝนหลังจากใช้เวลาอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานกว่าครึ่งวัน

…………………………..

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท