เวลานี้ศาลสวรรค์มั่งคั่งมากหรือไม่
ในห้องลับภายในยอดเขาหยกน้อย เวลานี้หลี่ฉางโซ่วมองดูกองศิลาวิญญาณระดับสูงที่แผ่พุ่งลมปราณออกมาบนแหวนที่เทพเฒ่าจันทรามอบให้เขา แล้วจู่ๆ เขาก็ดูเหมือนยาจกขึ้นมากะทันหัน
“ไม่เหมือนกัน เราแตกต่างกัน…”
หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ
ด้วยกองศิลาวิญญาณนี้ เขาย่อมสามารถซื้อวัสดุล้ำค่าจำนวนมากจากเมืองที่อยู่ภายนอกสำนักเซียนและใช้สร้างรากฐานค่ายกลให้แข็งแกร่งขึ้น ทั้งยังใช้มันเสริมความแข็งแกร่งให้กับค่ายกลของยอดเขาหยกน้อยได้
แล้วแผนการปรับปรุงค่ายกลของหลี่ฉางโซ่วเมื่อก่อนหน้านี้นั้นก็จะสามารถดำเนินการได้สำเร็จถึงหนึ่งในสาม!
ทว่าต้นทุนเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่สมเหตุสมผลนัก
เขาสามารถใช้ศิลาวิญญาณระดับสูงกองนี้เป็นทุนเริ่มต้นได้อย่างสมบูรณ์
ข้าควรซื้อสมุนไพรในเมือง และนำมันกลับมาหลอมโอสถ จากนั้นก็ใช้โอสถแลกกับสมบัติและศิลาวิญญาณ และด้วยวิธีนี้ ข้าก็จะสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง!
ไม่มีพ่อค้าคนกลางที่จะมาแบ่งเอาผลกำไรบางส่วนไป!
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ขมวดคิ้วและใคร่ครวญ…
มันจะอันตรายเกินไปสำหรับเขาที่จะทำมันโดยใช้ร่างหลักซึ่งเป็นร่างกายของเขาเอง มีคนนับไม่ถ้วนที่ตกตายไปเพราะศิลาวิญญาณเพียงสองสามก้อน ดังนั้นเขาควรชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียให้ชัดเจน
แต่หากตุ๊กตากระดาษสามารถทำงานอันตรายเหล่านี้ได้ เช่นนั้นก็ย่อมแตกต่างไป…
มันจะเทียบเท่ากับการทำเงินโดยไม่มีความเสี่ยง
หากเป็นเช่นนั้นจริง เขาจะสามารถทำทั้งสองสิ่งไปพร้อมกันได้
เขาสามารถให้อาจารย์ของเขาไปรับโอสถเซียนจากหอไป่ฝานและสะสมสมุนไพร
และในอีกทางหนึ่ง เขาก็จะใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เก็บสมุนไพรและขายโอสถในเมืองภายนอกสำนักได้…
ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากที่จะทำเงินและช่วยให้เขาได้รับสมบัติเซียนมากกว่าสิบชิ้นภายในห้าสิบปี!
และในเวลาเพียงเจ็ดสิบถึงแปดสิบปี เขาก็จะสามารถสะสมสมบัติได้มากกว่าครึ่งที่จำเป็นสำหรับ ‘ระบบป้องกันแบบผสม’ ที่เขาวางแผนเอาไว้สำหรับยอดเขาหยกน้อย!
ด้วยวิธีนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะได้รับ ‘ความมั่งคั่ง’ ที่เขาขาดแคลนมากที่สุดเท่านั้น แต่ยังสามารถดูแลอาจารย์และศิษย์น้องหญิงของเขาได้อีกด้วย…
แต่ปัญหาคือ เขาจะปล่อยตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ไปที่เมืองได้อย่างไร
มันค่อนข้างลำบากสำหรับศิษย์รุ่นเยาว์ที่จะออกไป
อย่างไรก็ตาม อาจารย์ของเขาไม่ได้อยู่ภายในขอบเขตของกฎสำนักเพราะเขากลายเป็นปรมาจารย์เซียนแล้ว และเขาย่อมสามารถออกไปด้วยเหตุผลใดก็ได้
เซียนจั๋วก็ยังนับเป็นเซียนเช่นกัน
ข้าควรให้อาจารย์นำตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของข้าออกไป และเมื่อเขาอยู่ห่างจากค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาแล้ว ร่างตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็จะสามารถไปที่เมืองเพื่อทำการค้าขายได้อย่างง่ายดาย…
และขั้นตอนแรกก็จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์
จากนั้นต่อไปก็จะเป็นปัญหาสำคัญ นั่นคือ ขีดจำกัดทักษะเวทของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์
ประตูของสำนักตู้เซียนอยู่ใกล้กับเมืองหลินไห่ ซึ่งค่อนข้างมีชื่อเสียงในดินแดนเทวะบูรพา แม้จะอยู่ห่างออกไปเพียงสองหมื่นลี้… ซึ่งหลี่ฉางโซ่วสามารถควบคุมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ได้ไกลที่สุดในระยะห่างออกไปเพียงหนึ่งพันลี้เท่านั้น…
ด้วยทักษะเวทของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ในยามนี้ พวกมันยังไม่อาจไปถึงเมืองที่ใกล้ที่สุดได้
โลกบรรพกาลช่างกว้างใหญ่นัก…
ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า ดินแดนนี้กว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดเพียงใด เมื่อมังกรโบราณ หงส์ กิเลนและสัตว์อื่น ๆ อีกหลายร้อยเผ่าพันธุ์เจริญรุ่งเรือง!
กลับมาสู่เรื่องธุรกิจกันเถิด
หลี่ฉางโซ่วนั่งครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานานกว่าครึ่งวัน เขาทำการคำนวณอย่างละเอียด วางแผน และประเมินความเสี่ยงของ ‘ธุรกิจยา’ และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้
เขาต้องทำงานหนักแล้วจะร่ำรวย!
เขาต้องปรับปรุงทักษะเวทของเขา!
หากเหล่าเซียนปรารถนาจะทำสิ่งที่ดี พวกเขาจะต้องได้รับประโยชน์จากมันก่อน
หลังจากสร้างความก้าวหน้ากับบรรลุเวทหลีกลมเร้นกายและหลีกลี้อัคคีซ่อนกายแล้ว เขาก็จะมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงทักษะเวทของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์!
หากเขาต้องการให้ร่างหลักของเขาอยู่บนภูเขาในสำนัก ตุ๊กตากระดาษจะต้องไปที่เมืองภายนอกสำนักเพื่อดำเนินกิจการ และเขาจะต้องปรับปรุงทักษะเวทของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์
และมันจะต้องเป็นการปรับปรุงที่ไม่ธรรมดาด้วย!
หลักการของการทำตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์คือการจัดเก็บพลังศักดิ์สิทธิ์และพลังเซียนเอาไว้ในตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์
การเปลี่ยนแปลงตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ให้กลายเป็นมนุษย์นั้น ความจริงแล้วคล้ายกับวิธีปิดตา เนื่องจากตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เป็นวัสดุพิเศษ มันจึงมีพลังวิญญาณของตัวมันเอง ซึ่งสามารถทำปลอมแปลงให้เป็นเสมือนจริงได้
หลังจากที่หลี่ฉางโซ่วกลายเป็นเซียนแล้ว ทักษะเวทของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของเขาก็สมบูรณ์แบบมากขึ้นเรื่อยๆ และภายในขอบเขตของสัมผัสเซียนรับรู้ เขาก็สามารถแบ่งกระแสจิตส่วนหนึ่งไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ได้
ในเวลานี้ เมื่อหลี่ฉางโซ่วไม่ได้ควบคุมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ พวกมันก็จะเป็นเสมือนสิ่งมีชีวิตที่สามารถทำตามคำสั่งง่ายๆ ของผู้ที่ใช้ทักษะเวทได้
ตัวอย่างเช่น สามารถทำงานบ้าน เช่น กวาด กำจัดวัชพืช นวด เต้นรำ ทำการต่อสู้ง่ายๆ และทำหน้าที่บางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้
แต่สิ่งที่หลี่ฉางโซ่วต้องการในยามนี้ไม่ใช่ผลเหล่านี้
เขาต้องการให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์วิวัฒน์ไปสู่การจำแลงกายด้วยวิธีการที่ใช้เกณฑ์ต่ำที่สุดและง่ายที่สุด!
มันเทียบเท่ากับการสร้าง ‘ร่างกระดาษ’ บางอย่างที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เขาสามารถเก็บส่วนหนึ่งของพลังเซียนเอาไว้ในตัวพวกมันและควบคุมพวกมันได้ตามต้องการ
ตราบใดที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สามารถปลดปล่อยพลังของเขาได้หนึ่งในสิบส่วน หรือครึ่งหนึ่งของความแข็งแกร่ง นั่นก็นับว่าเพียงพอที่จะใช้มันแล้ว
“การทำเช่นนี้ ต้องใช้กฎห้ามในการหลอมสมบัติและอาวุธเวทอย่างแน่นอน…” หลี่ฉางโซ่วพึมพำกับตัวเอง
แต่คราวนี้เขาต้องรีบสรุปแผนการ และไม่นานนัก เขาก็ตัดสินใจเกี่ยวกับแผนการฝึกบำเพ็ญในอีกสิบปีข้างหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว
เขาต้องการจะฝึกฝนการหลอมและจัดการกับทักษะเวท!
ต้องเรียนรู้ หากไม่รู้ ก็เพียงแค่ศึกษา หากไม่เข้าใจ ก็เพียงแค่เฝ้าดู
ขณะนี้เขามีอายุขัยที่เพียงพอแล้ว และถึงเวลาที่ต้องเริ่มการปรับปรุงเครื่องมือ
“มุ่งเน้นศึกษากฎห้ามที่ทำให้สบายใจก่อนดีกว่า”
จากนั้น เขาก็หันกลับมามองแหวน…
ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงว่าเขารู้สึกขอบคุณเทพเฒ่าจันทราเพียงใดที่ให้การสนับสนุนที่แข็งแกร่งเพื่อสร้างยอดเขาหยกน้อย!
นอกจากศิลาวิญญาณระดับสูงแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ยังเห็นกองขวดกระเบื้องและน้ำเต้าจำนวนมากที่เต็มไปด้วยเม็ดโอสถ
ยิ่งกว่านั้น พวกมันยังล้วนเป็นโอสถที่ให้ผลคล้ายกับสุรามังกรพิษ…
กล่าวได้เพียงว่าช่างคู่ควรตามที่เทพเฒ่าจันทราคาดหวังไว้ เม็ดโอสถที่เขาให้นั้นค่อนข้างพิเศษจริงๆ
เดิมทีหลี่ฉางโซ่วอยากจะเผาเม็ดโอสถเหล่านี้ด้วยเพลิงสมาธิแท้ทันที แต่ขณะนี้เขายังลังเล
มันทำให้สิ้นเปลืองเกินไป
พวกมันทั้งหมดเหล่านี้ล้วนเป็นโอสถทิพย์ที่เทพเฒ่าจันทราได้หลอมขึ้นมาเพื่อเป็นพรประเสริฐสำหรับผู้บำเพ็ญชายทั้งหลาย!
พวกมันสามารถช่วยรักษาการครองคู่และช่วยให้ชีวิตคู่มีความสุข
ทั้งเซียนและมนุษย์สามัญล้วนสามารถใช้พวกมันได้
จากนั้นเขาก็หยิบขวดกระเบื้องเปล่าออกมาและจำแนกโอสถเหล่านี้ออกเป็นหมวดหมู่ต่างๆ ก่อนจะเผาขวดกระเบื้องและปรับแต่งลมปราณของเทพเฒ่าจันทรา
“ข้าจะเก็บพวกมันเอาไว้เป็นของขวัญในอนาคต หรือจะแลกเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น…”
หากพวกมันเป็นที่นิยม เขาก็สามารถลองวิเคราะห์สูตรย้อนกลับและหาวิธีหลอมโอสถทิพย์เหล่านั้น จากนั้นเขาก็จะสามารถผลิตได้ในปริมาณมากและขายทำกำไรได้อย่างมหาศาล!
“หึ ไม่ใช่เรื่องดีเลยที่จะตาบอดเพียงเพราะความมั่งคั่ง ความร่ำรวยมหาศาลเป็นเพียงสิ่งช่วยให้ฝึกบำเพ็ญเต๋าดีขึ้นเท่านั้น ซึ่งเต๋าก็เป็นรากฐานของผู้บำเพ็ญ”
หลังจากสวดสั่งสอนตัวเองแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็อดจะหัวเราะออกมาไม่ได้เช่นกัน
จากนั้น เขาก็ย้ายสิ่งของทั้งหมดที่อยู่ในแหวนไปยังคลังเวทจัดเก็บหลักทั้งสามของเขาและปิดผนึกแหวนนั้น…
หลังจากศึกษาการสนทนาระหว่างเขากับเทพเฒ่าจันทราที่เขาจำได้นั้นอย่างรอบคอบถี่ถ้วนหลายครั้ง และเมื่อแน่ใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดในการแสดงออกและคำพูดของเขาแล้ว เขาก็วางเรื่องนี้ไว้ชั่วคราว
ยังมีเวลาอีกสักระยะก่อนที่เขาจะต้องไปศาลสวรรค์ เพราะในขณะนี้ อาจารย์ของเขายังไปไม่ถึงขอบเขตเซียนเสิ่น จึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเกินไป
หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ออกจากห้องลับใต้ดินอย่างเงียบ ๆ และลอยออกจากยอดเขาหยกน้อยไปด้วยเมฆาขาวของเขา
……