ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – ตอนที่ 74.2 ข้าจะทุ่มสุดตัว! (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

นักพรตเต๋าชราหยวนเจ๋อมองไปที่ผู้อาวุโสสำนักตู้เซียนสองคนที่ด้านข้าง แล้วผู้อาวุโสทั้งสองก็พยักหน้าเห็นด้วย

พวกเขายังอยากดูว่าค่ายกลด้านนอกหอโอสถของยอดเขาหยกน้อยนั้นจะล้ำลึกมากเพียงใด…

พวกเขาได้บังเอิญค้นพบอัจฉริยะค่ายกลและจบลงด้วยการประลองฝีมือกับเขา!

หลังจากนี้ข้าต้องบอกผู้คนในหอไป่ฝานให้ใส่ใจและให้ความสำคัญกับการฝึกบำเพ็ญของฉางโซ่วในเรื่องนี้

“ไป ไป” นักพรตเต๋าชราหยวนเจ๋อโบกมือ แล้วหานจื่อกับสตรีน้อยอีกคนก็จับมือกันและร่อนลงไปในค่ายกลนั้น

หลังจากนั้นชั่วครู่…

สตรีน้อยสองคนในขอบเขตเซียนหยวนต่างก็มองไปที่ป้ายไม้ แล้วพลันตกตะลึงจนหน้าเสียกะทันหัน

มันเขียนว่า ‘ท่านหลงทางหรือไม่’

หานจื่อกระซิบเสียงเบา “ชายผู้ที่สร้างค่ายกลนี้อวดดีเกินไปจริงๆ!”

“มีป้ายไม้อยู่ข้างหลัง”

“มาดูกันว่าเขายังมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรซ่อนไว้ในแขนเสื้ออีก ไปกันเถิด!”

วันนี้มีแขกรับเชิญในห้องรับรองแขกกลางแจ้งมากกว่าที่เคยมีมาในช่วงสิบปีที่ผ่านมารวมกัน…

……

ในหอโอสถ หลี่ฉางโซ่ว ซึ่งเฝ้าสังเกตดูเรื่องทั้งหมดนี้ด้วยสัมผัสเซียนรับรู้ของเขา พลันถอนหายใจในใจอย่างเงียบๆ เขายังคงแสร้งทำเป็นอยู่ในการปิดด่านและพยายามจะทะลวงฝ่าด่านขอบเขตพลัง

โชคดีที่เขามอบความลับสำคัญของค่ายกลห่วงโซ่พันธนาการให้แก่สำนักผ่านจิ่วอูไปแล้วเมื่อก่อนหน้านี้ และเขายังได้รับเตาหลอมโอสถจากสำนักเป็นรางวัลอีกด้วย

นั่นคืออันตรายที่ซ่อนเร้นสุดท้ายที่ถูกเขากำจัดออกไปล่วงหน้าด้วยตัวเอง

เพียงแต่ว่าหลังจากวันนี้ คาดว่าค่ายกลรอบๆ หอโอสถของข้านี้ จะกลายเป็นจุดดึงดูดของสำนัก…

โครงการสงวนไว้สำหรับยอดเขาหยกน้อย การผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ในค่ายกลเขาวงกต!

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยเหตุการณ์นี้และเหตุการณ์ก่อนหน้าทั้งหมด ‘ศิษย์ชั้นเยี่ยม’ ของเขาก็ดึงดูดความสนใจมากเกินไป

เรื่องนี้ทำให้หลี่ฉางโซ่วปวดหัวจริงๆ…

ภาพลักษณ์ของศิษย์ที่โดดเด่นนั้นอ่อนด้อยยิ่ง เขาทนรอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว!

คราวนี้ข้าจะใช้โอกาสนี้ เปิดเผยความแข็งแกร่งของระดับต้นกล้าอมตะด้อยมาตรฐาน ไม่เช่นนั้นสถานการณ์จะผิดปกติเกินไป และคงอธิบายได้ยากขึ้น

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดในใจอย่างรวดเร็ว

การปลอมตัวเป็นเรื่องของความสมดุลในทุกด้าน เราต้องปฏิบัติอย่างเหมาะสมเพื่อให้ผู้คนรู้สึกว่าสามารถดูรายละเอียดของเขาได้อย่างรวดเร็ว และนั่นเป็นการปลอมตัวในระดับที่สูงขึ้น

วิธีที่เขาจัดการกับจิ่วอูในตอนนั้น คือการเปิดโปงจิ่วอูเล็กน้อยเพื่อให้จิ่วอูคิดว่ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา…

ครั้งนี้ ข้าทำได้แค่ใช้ความคิดนี้ต่อไปเพื่อจัดการกับเหล่าปรมาจารย์ในสำนัก และบางที ข้าก็อาจได้ประโยชน์มากมาย…

บัดนี้ข้าสามารถเปิดเผยขอบเขตพลังของระดับ’กึ่ง’ ต้นกล้าอมตะเท่านั้น และสามารถเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเขาไปยังระดับขอบเขตพลังของข้าเองซึ่งจะช่วยปกปิดความผิดปกติอื่นๆ

ข้าอยากให้พวกเขารู้สึกว่า คุณสมบัติของข้าไม่ได้เลวร้าย และไม่แปลกที่ข้าจะสร้างอะไรได้มากมายถึงระดับนี้…

หลังจากนั้นข้าต้องใช้เวลาอีกสองสามปีในการสร้างเสถียรภาพ จากนั้นก็ฝ่าจุดตีบตันและกลับไปเป็นศิษย์ที่โดดเด่น และสำนักก็จะไม่สนใจศิษย์ของยอดเขาหยกน้อยอย่างข้ามากนัก

หากข้าเปิดเผยไพ่เด็ดบางอย่างของข้าออกไป ข้าก็จะสร้างมันขึ้นมาชดเชยใหม่ในอนาคต

หากไพ่ใบอื่นๆ ทั้งหมดของข้าถูกเปิดเผย ก็จะลำบากทีเดียว…

คราวหน้า ข้าต้องระวังให้มากกว่านี้

ไพ่เด็ดที่เขาซ่อนไว้อย่างหนักนั้น มีไว้เพื่อให้เขารับมือกับอันตรายทุกประเภทและเอาตัวรอดได้ดีขึ้น

ไม่ว่าเขาจะเปิดเผยมันเพียงเล็กน้อยหรือไม่ มันก็ยังคงเป็นการสูญเสีย

บัดนี้ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ต้องบอกว่าตอนที่ข้าอยู่ก้นทะเล…ข้าน่าจะใช้ผงเสื่อมสติบางอย่างทำให้อ๋าวอี่เสียสติสักหน่อย!

รับรองว่าข้าจะใช้นิดหน่อยเท่านั้นจริงๆ!

เวลาผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม…

ขณะนี้ แสงอาทิตย์ยามอัสดงแผ่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า สาดแสงสว่างบนใบหน้าเหี่ยวย่น ทำให้มองเห็นใบหน้าของผู้อาวุโสสำนักตู้เซียนแต่ละคนเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใสราวกับดอกเบญจมาศ

ทันใดนั้นก็มีผู้บำเพ็ญของเกาะเต่าทองสองคนและผู้อาวุโสสำนักตู้เซียนสามคนมาถึงที่นี่

บัดนี้ ในหัวใจของผู้อาวุโสของสำนักตู้เซียนล้วนยกย่องหลี่ฉางโซ่วและจิ่วจิ่วมาก และพวกเขายังยกย่องจิ่วอูที่คิดค้นวิธีนี้เพื่อปัดเป่าอ๋าวอี่ออกไปได้

ช่างเป็นการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาดอย่างยิ่ง

หนึ่งในผู้อาวุโสจากสำนักตู้เซียนจึงได้เริ่มก้าวไปข้างหน้า แล้วลูบเคราของเขาพลางยิ้มและกล่าวว่า

“ศิษย์สำนักตู้เซียนของข้า หลี่ฉางโซ่วได้ออกแบบค่ายกลนี้มาอย่างพิถีพิถัน เขาใช้เคล็ดวิชาการสร้างค่ายกลห่วงโซ่พันธนาการที่เขาศึกษามาหลายปี จากนั้นศิษย์หลานของข้า ปรมาจารย์จิ่วจิ่ว ซึ่งเป็นเซียนเสิ่น จึงจัดวางพวกมัน…

…แม้ว่าพวกมันจะเป็นค่ายกลพื้นฐานทั้งหมด แต่จริงๆ แล้ว พวกมันจะสามารถถูกจัดวางได้เฉพาะด้วยระดับเซียนเสิ่นขึ้นไปเท่านั้น จึงเป็นเรื่องปกติที่องค์ชายอ๋าวอี่ และเซียนสตรีทั้งสองจะไม่อาจผ่านพ้นไปได้”

“ดี!”

นักพรตเต๋าชราหยวนเจ๋อถอนหายใจและกล่าวว่า “ข้าจะพาพวกเขาทั้งสามคนออกมา ในครั้งนี้ศิษย์น้องอ๋าวอี่ต้องแพ้อีกครั้ง”

หลังจากกล่าวจบ หยวนเจ๋อก็ลอยลงไปขณะไพล่มือไว้ข้างหลัง

ด้วยความสามารถของเซียนเทียนนั้น เขาสามารถระเบิดและทำให้รากฐานค่ายกลพังทลายลงด้วยพลังเซียนของเขา ทว่ามันน่าละอายเกินกว่าจะทำเช่นนั้นได้

นักพรตเต๋าชราหยวนเจ๋อเฝ้าดูอยู่ข้างนอกมาเป็นเวลานานครึ่งวันแล้ว เขาก็ตระหนักว่าเขาได้คิดหาวิธีที่จะทำลายค่ายกลได้แล้ว และในเวลานี้เขาก็มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เขาจึงคิดจะช่วยผู้บำเพ็ญทั้งสองนางแห่งเกาะเต่าทอง

คราวนี้ศิษย์น้องของเขาต้องอับอายจริงๆ แต่พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะทำอะไรได้

ทว่า…

สิ่งที่นักพรตเต๋าชราหยวนเจ๋อคาดไม่ถึงคือ…

หลังจากนั้นชั่วครู่…

เขาก็เห็นป้ายไม้ที่เขียนข้อความเอาไว้ว่า ‘ท่านหลงทางหรือไม่’

แล้วนักพรตเต๋าชราระดับเซียนเทียนก็อดจะถอนหายใจยาวออกมาไม่ได้ ในขณะที่เขาคิดว่าค่ายกลนี้มีความลึกลับซ่อนอยู่จริงๆ

เขาหันกลับมาพลางขมวดคิ้ว และพยายามทำลายค่ายกลต่อไป ในขณะที่เหล่าเซียนเทียนสองสามคนบนเมฆต่างมองหน้ากันโดยไม่อาจเอ่ยวาจาใด

เมื่อหลี่ฉางโซ่ว กลับมาจากการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์นั้น ความจริงแล้ว เขาได้แอบปรับเปลี่ยนค่ายกลชั้นนอกอย่างลับๆ อย่างไรก็ตาม เขาได้เปลี่ยนรากฐานของพวกมันเพียงบางส่วนเท่านั้น

มันง่ายมากที่นักพรตเต๋าชราเซียนเทียนหยวนเจ๋อจะใช้กำลังทำลายค่ายกล แต่เขาก็ยังโกรธอยู่เล็กน้อยและเร่งจะทำลายค่ายกลซึ่งที่จริงแล้วเป็นค่ายกลห่วงโซ่พันธนาการแบบปิด…

ในทางหลักการแล้ว วิธีเดียวที่จะทำลายค่ายกลคือทำด้วยกำลังบังคับให้เปิดออกและทำลายฐานรากของค่ายกลอันใดอันหนึ่ง

แต่เขาจะใช้กำลังบีบบังคับได้อย่างไร

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับระดับของทักษะการสร้างค่ายกลของผู้บำเพ็ญของเกาะเต่าทองของเขา!

มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีของนักพรตเต๋าชราหยวนเจ๋อ!

และเป็นอีกครั้ง…เวลาผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม…

เวลานี้ อ๋าวอี่และจิ่วอูต่างยืนตะลึงนิ่งงันจนหยั่งรากลงกับพื้นขณะที่เฝ้ามองดูนักพรตเต๋าเซียนเทียนเดินไปมาข้างหน้าพวกเขา

“ศิษย์พี่หยวนเจ๋อ!” อ๋าวอี่ตะโกนและก้าวไปข้างหน้า แล้วทันใดนั้นทิวทัศน์รอบตัวเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

นักพรตเต๋าชราหยวนเจ๋อยกแขนเสื้อขึ้นและปิดหน้าเมื่อได้ยินเสียงนั้น แต่ทันใดนั้นค่ายกลรอบตัวเขาก็เปลี่ยนไป และร่างของเขาก็หายไปจากสายตาของอ๋าวอี่อย่างรวดเร็ว

“นี่…” อ๋าวอี่จ้องเขม็งขณะที่สั่นไปทั่วทั้งร่าง

จิ่วอูรีบกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “องค์ชาย มันดึกแล้ว เหตุใดเราไม่ หือ?”

“ข้าทำลายค่ายกลนี้ได้อย่างแน่นอน! ข้าทำลายค่ายกลนี้ได้แน่นอน!”

อ๋าวอี่กรีดร้องพลางยกกระบี่ขึ้นแล้ววิ่งไปข้างหน้าในขณะที่ตัวสั่นไปทั้งร่าง

……

ขณะนี้ ในหอโอสถ เต็มไปด้วยแสงดาว

หลี่ฉางโซ่วเพ่งสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาตรงไปที่เหล่าเซียนเทียนที่กำลังจะเคลื่อนตัวไปในอากาศและดูเหมือนว่า พวกเขาจะต้องการเข้าสู่ค่ายกลเพื่อสัมผัสประสบการณ์…

เหตุใดข้าไม่จัดการเก็บของคืนนี้ แล้วพาอาจารย์และศิษย์น้องหญิงหนีไป

แน่นอนว่า ข้าควรหนีไป

คราวนี้ ข้าไม่อาจอยู่ในสำนักตู้เซียนได้อีกต่อไปแล้ว!

แน่นอนว่า นี่เป็นเรื่องตลก เขาทำงานอย่างหนักเพื่อจัดการยอดเขาหยกน้อยมาหลายปีแล้วและเห็นได้ชัดว่ามันเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างปลอดภัย

ทันใดนั้น ก็มีเสี้ยวสัมผัสเซียนรับรู้สายหนึ่งตกลงมาจากฟากฟ้าและจับจ้องไปที่ร่างกายของหลี่ฉางโซ่วซึ่งรบกวนจิตใจของเขาเล็กน้อย

การรบกวนนี้มีน้อยมาก

หลี่ฉางโซ่ว เข้าใจว่านี่คือปรมาจารย์ในสำนักกำลังปลุกเขาขึ้นมา แต่พวกเขาก็กลัวว่าจะส่งผลต่อสภาวะจิตใจของเขา…

พวกเขาช่างเอาใจใส่ศิษย์เป็นอย่างยิ่ง

ในเวลานี้ หลี่ฉางโซ่ว ลืมตาของเขาขึ้นมาในขณะที่อยู่ในความงุนงง มันเหมือนกับภาพเหตุการณ์ที่เขาตื่นขึ้นในระหว่างการฝึกบำเพ็ญ

เป็นเสียงของปรมาจารย์หว่างฉิงที่ดังก้องอยู่ในหูของเขา “หยุดฝึกบำเพ็ญ จงปล่อยให้คนในค่ายกลเป็นอิสระออกมาก่อน ในครั้งนี้ เมื่ออ๋าวอี่มาหาเจ้าเพื่อต่อสู้กับเจ้า เขาเป็นเซียนหยวนแล้ว เขาอาจระงับขอบเขตพลังของเขาและทำร้ายเจ้าในภายหลัง เจ้าไม่จำเป็นต้องชนะ แต่เจ้าก็ไม่อาจแพ้เร็วเกินไปในขณะที่อยู่ในสำนักเซียนของเจ้าเองได้”

หลี่ฉางโซ่วรีบลุกขึ้นแล้วกล่าวขึ้นกลางอากาศว่า “ศิษย์น้อมรับบัญชาขอรับ”

ระงับขอบเขตพลังของเขาเพื่อต่อสู้กับข้าหรือ

จากนั้นเขาก็รีบเดินไปที่ประตูหอโอสถและมองไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วขณะที่แอบตัดสินใจอย่างลับๆ พร้อมกับกำหมัดแน่น!

ข้าจะทุ่มสุดตัว!

บัดนั้นจี้หยกพลันหมุนไปเล็กน้อย และลมพัดผ่านป่าอย่างแผ่วเบา

แล้วจากนั้น หลี่ฉางโซ่ว ก็บินขึ้นไปที่หน้าหอโอสถ และค่อยๆ ลอยขึ้นไปในอากาศ และขอบเขตพลังคืนกลับอนัตตาขั้นเจ็ดของเขาก็ถูกเปิดเผยออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย!

มันดูเหมือนว่าเพิ่งจะทะลวงขอบเขตนี้ขึ้นมา ซึ่งยังไม่เสถียรเล็กน้อย…

ขณะนี้ ทั้งในอากาศและในป่า เหล่าผู้อาวุโสทั้งหมด เหล่าเซียนและเซียนสตรีทั้งสองของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย จิ่วอู อ๋าวอี่ และ ผู้อาวุโสเซียนเทียนล้วนมองไปที่เขาพร้อมๆ กัน…

บัดนี้ สายตาทุกคู่ในสำนัก ล้วนจับจ้องไปที่หลี่ฉางโซ่ว

สิ่งนี้ทำให้หลี่ฉางโซ่ว รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่เขาก็ทำได้เพียงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาชีวิตรอดจากปัญหาวุ่นวายนี้

แล้วจิ่วอูก็เตือนเขาอย่างรวดเร็วว่า “เจ้าไม่ได้ปกปิดขอบเขตพลังของเจ้า!”

หลี่ฉางโซ่วผงะงัน ทว่าเขาก็โค้งคำนับให้และกล่าวกับจิ่วอูว่า

“ศิษย์ผู้น้อยของยอดเขาหยกน้อย หลี่ฉางโซ่ว ข้าขอน้อมพบท่านผู้อาวุโส อาจารย์ลุงและอาจารย์อา และผู้อาวุโสทุกท่านขอรับ”

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท