นักพรตเต๋าชราหยวนเจ๋อมองไปที่ผู้อาวุโสสำนักตู้เซียนสองคนที่ด้านข้าง แล้วผู้อาวุโสทั้งสองก็พยักหน้าเห็นด้วย
พวกเขายังอยากดูว่าค่ายกลด้านนอกหอโอสถของยอดเขาหยกน้อยนั้นจะล้ำลึกมากเพียงใด…
พวกเขาได้บังเอิญค้นพบอัจฉริยะค่ายกลและจบลงด้วยการประลองฝีมือกับเขา!
หลังจากนี้ข้าต้องบอกผู้คนในหอไป่ฝานให้ใส่ใจและให้ความสำคัญกับการฝึกบำเพ็ญของฉางโซ่วในเรื่องนี้
“ไป ไป” นักพรตเต๋าชราหยวนเจ๋อโบกมือ แล้วหานจื่อกับสตรีน้อยอีกคนก็จับมือกันและร่อนลงไปในค่ายกลนั้น
หลังจากนั้นชั่วครู่…
สตรีน้อยสองคนในขอบเขตเซียนหยวนต่างก็มองไปที่ป้ายไม้ แล้วพลันตกตะลึงจนหน้าเสียกะทันหัน
มันเขียนว่า ‘ท่านหลงทางหรือไม่’
หานจื่อกระซิบเสียงเบา “ชายผู้ที่สร้างค่ายกลนี้อวดดีเกินไปจริงๆ!”
“มีป้ายไม้อยู่ข้างหลัง”
“มาดูกันว่าเขายังมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรซ่อนไว้ในแขนเสื้ออีก ไปกันเถิด!”
วันนี้มีแขกรับเชิญในห้องรับรองแขกกลางแจ้งมากกว่าที่เคยมีมาในช่วงสิบปีที่ผ่านมารวมกัน…
……
ในหอโอสถ หลี่ฉางโซ่ว ซึ่งเฝ้าสังเกตดูเรื่องทั้งหมดนี้ด้วยสัมผัสเซียนรับรู้ของเขา พลันถอนหายใจในใจอย่างเงียบๆ เขายังคงแสร้งทำเป็นอยู่ในการปิดด่านและพยายามจะทะลวงฝ่าด่านขอบเขตพลัง
โชคดีที่เขามอบความลับสำคัญของค่ายกลห่วงโซ่พันธนาการให้แก่สำนักผ่านจิ่วอูไปแล้วเมื่อก่อนหน้านี้ และเขายังได้รับเตาหลอมโอสถจากสำนักเป็นรางวัลอีกด้วย
นั่นคืออันตรายที่ซ่อนเร้นสุดท้ายที่ถูกเขากำจัดออกไปล่วงหน้าด้วยตัวเอง
เพียงแต่ว่าหลังจากวันนี้ คาดว่าค่ายกลรอบๆ หอโอสถของข้านี้ จะกลายเป็นจุดดึงดูดของสำนัก…
โครงการสงวนไว้สำหรับยอดเขาหยกน้อย การผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ในค่ายกลเขาวงกต!
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยเหตุการณ์นี้และเหตุการณ์ก่อนหน้าทั้งหมด ‘ศิษย์ชั้นเยี่ยม’ ของเขาก็ดึงดูดความสนใจมากเกินไป
เรื่องนี้ทำให้หลี่ฉางโซ่วปวดหัวจริงๆ…
ภาพลักษณ์ของศิษย์ที่โดดเด่นนั้นอ่อนด้อยยิ่ง เขาทนรอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว!
คราวนี้ข้าจะใช้โอกาสนี้ เปิดเผยความแข็งแกร่งของระดับต้นกล้าอมตะด้อยมาตรฐาน ไม่เช่นนั้นสถานการณ์จะผิดปกติเกินไป และคงอธิบายได้ยากขึ้น
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดในใจอย่างรวดเร็ว
การปลอมตัวเป็นเรื่องของความสมดุลในทุกด้าน เราต้องปฏิบัติอย่างเหมาะสมเพื่อให้ผู้คนรู้สึกว่าสามารถดูรายละเอียดของเขาได้อย่างรวดเร็ว และนั่นเป็นการปลอมตัวในระดับที่สูงขึ้น
วิธีที่เขาจัดการกับจิ่วอูในตอนนั้น คือการเปิดโปงจิ่วอูเล็กน้อยเพื่อให้จิ่วอูคิดว่ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา…
ครั้งนี้ ข้าทำได้แค่ใช้ความคิดนี้ต่อไปเพื่อจัดการกับเหล่าปรมาจารย์ในสำนัก และบางที ข้าก็อาจได้ประโยชน์มากมาย…
บัดนี้ข้าสามารถเปิดเผยขอบเขตพลังของระดับ’กึ่ง’ ต้นกล้าอมตะเท่านั้น และสามารถเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเขาไปยังระดับขอบเขตพลังของข้าเองซึ่งจะช่วยปกปิดความผิดปกติอื่นๆ
ข้าอยากให้พวกเขารู้สึกว่า คุณสมบัติของข้าไม่ได้เลวร้าย และไม่แปลกที่ข้าจะสร้างอะไรได้มากมายถึงระดับนี้…
หลังจากนั้นข้าต้องใช้เวลาอีกสองสามปีในการสร้างเสถียรภาพ จากนั้นก็ฝ่าจุดตีบตันและกลับไปเป็นศิษย์ที่โดดเด่น และสำนักก็จะไม่สนใจศิษย์ของยอดเขาหยกน้อยอย่างข้ามากนัก
หากข้าเปิดเผยไพ่เด็ดบางอย่างของข้าออกไป ข้าก็จะสร้างมันขึ้นมาชดเชยใหม่ในอนาคต
หากไพ่ใบอื่นๆ ทั้งหมดของข้าถูกเปิดเผย ก็จะลำบากทีเดียว…
คราวหน้า ข้าต้องระวังให้มากกว่านี้
ไพ่เด็ดที่เขาซ่อนไว้อย่างหนักนั้น มีไว้เพื่อให้เขารับมือกับอันตรายทุกประเภทและเอาตัวรอดได้ดีขึ้น
ไม่ว่าเขาจะเปิดเผยมันเพียงเล็กน้อยหรือไม่ มันก็ยังคงเป็นการสูญเสีย
บัดนี้ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ต้องบอกว่าตอนที่ข้าอยู่ก้นทะเล…ข้าน่าจะใช้ผงเสื่อมสติบางอย่างทำให้อ๋าวอี่เสียสติสักหน่อย!
รับรองว่าข้าจะใช้นิดหน่อยเท่านั้นจริงๆ!
เวลาผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม…
ขณะนี้ แสงอาทิตย์ยามอัสดงแผ่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า สาดแสงสว่างบนใบหน้าเหี่ยวย่น ทำให้มองเห็นใบหน้าของผู้อาวุโสสำนักตู้เซียนแต่ละคนเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใสราวกับดอกเบญจมาศ
ทันใดนั้นก็มีผู้บำเพ็ญของเกาะเต่าทองสองคนและผู้อาวุโสสำนักตู้เซียนสามคนมาถึงที่นี่
บัดนี้ ในหัวใจของผู้อาวุโสของสำนักตู้เซียนล้วนยกย่องหลี่ฉางโซ่วและจิ่วจิ่วมาก และพวกเขายังยกย่องจิ่วอูที่คิดค้นวิธีนี้เพื่อปัดเป่าอ๋าวอี่ออกไปได้
ช่างเป็นการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาดอย่างยิ่ง
หนึ่งในผู้อาวุโสจากสำนักตู้เซียนจึงได้เริ่มก้าวไปข้างหน้า แล้วลูบเคราของเขาพลางยิ้มและกล่าวว่า
“ศิษย์สำนักตู้เซียนของข้า หลี่ฉางโซ่วได้ออกแบบค่ายกลนี้มาอย่างพิถีพิถัน เขาใช้เคล็ดวิชาการสร้างค่ายกลห่วงโซ่พันธนาการที่เขาศึกษามาหลายปี จากนั้นศิษย์หลานของข้า ปรมาจารย์จิ่วจิ่ว ซึ่งเป็นเซียนเสิ่น จึงจัดวางพวกมัน…
…แม้ว่าพวกมันจะเป็นค่ายกลพื้นฐานทั้งหมด แต่จริงๆ แล้ว พวกมันจะสามารถถูกจัดวางได้เฉพาะด้วยระดับเซียนเสิ่นขึ้นไปเท่านั้น จึงเป็นเรื่องปกติที่องค์ชายอ๋าวอี่ และเซียนสตรีทั้งสองจะไม่อาจผ่านพ้นไปได้”
“ดี!”
นักพรตเต๋าชราหยวนเจ๋อถอนหายใจและกล่าวว่า “ข้าจะพาพวกเขาทั้งสามคนออกมา ในครั้งนี้ศิษย์น้องอ๋าวอี่ต้องแพ้อีกครั้ง”
หลังจากกล่าวจบ หยวนเจ๋อก็ลอยลงไปขณะไพล่มือไว้ข้างหลัง
ด้วยความสามารถของเซียนเทียนนั้น เขาสามารถระเบิดและทำให้รากฐานค่ายกลพังทลายลงด้วยพลังเซียนของเขา ทว่ามันน่าละอายเกินกว่าจะทำเช่นนั้นได้
นักพรตเต๋าชราหยวนเจ๋อเฝ้าดูอยู่ข้างนอกมาเป็นเวลานานครึ่งวันแล้ว เขาก็ตระหนักว่าเขาได้คิดหาวิธีที่จะทำลายค่ายกลได้แล้ว และในเวลานี้เขาก็มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เขาจึงคิดจะช่วยผู้บำเพ็ญทั้งสองนางแห่งเกาะเต่าทอง
คราวนี้ศิษย์น้องของเขาต้องอับอายจริงๆ แต่พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะทำอะไรได้
ทว่า…
สิ่งที่นักพรตเต๋าชราหยวนเจ๋อคาดไม่ถึงคือ…
หลังจากนั้นชั่วครู่…
เขาก็เห็นป้ายไม้ที่เขียนข้อความเอาไว้ว่า ‘ท่านหลงทางหรือไม่’
แล้วนักพรตเต๋าชราระดับเซียนเทียนก็อดจะถอนหายใจยาวออกมาไม่ได้ ในขณะที่เขาคิดว่าค่ายกลนี้มีความลึกลับซ่อนอยู่จริงๆ
เขาหันกลับมาพลางขมวดคิ้ว และพยายามทำลายค่ายกลต่อไป ในขณะที่เหล่าเซียนเทียนสองสามคนบนเมฆต่างมองหน้ากันโดยไม่อาจเอ่ยวาจาใด
เมื่อหลี่ฉางโซ่ว กลับมาจากการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์นั้น ความจริงแล้ว เขาได้แอบปรับเปลี่ยนค่ายกลชั้นนอกอย่างลับๆ อย่างไรก็ตาม เขาได้เปลี่ยนรากฐานของพวกมันเพียงบางส่วนเท่านั้น
มันง่ายมากที่นักพรตเต๋าชราเซียนเทียนหยวนเจ๋อจะใช้กำลังทำลายค่ายกล แต่เขาก็ยังโกรธอยู่เล็กน้อยและเร่งจะทำลายค่ายกลซึ่งที่จริงแล้วเป็นค่ายกลห่วงโซ่พันธนาการแบบปิด…
ในทางหลักการแล้ว วิธีเดียวที่จะทำลายค่ายกลคือทำด้วยกำลังบังคับให้เปิดออกและทำลายฐานรากของค่ายกลอันใดอันหนึ่ง
แต่เขาจะใช้กำลังบีบบังคับได้อย่างไร
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับระดับของทักษะการสร้างค่ายกลของผู้บำเพ็ญของเกาะเต่าทองของเขา!
มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีของนักพรตเต๋าชราหยวนเจ๋อ!
และเป็นอีกครั้ง…เวลาผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม…
เวลานี้ อ๋าวอี่และจิ่วอูต่างยืนตะลึงนิ่งงันจนหยั่งรากลงกับพื้นขณะที่เฝ้ามองดูนักพรตเต๋าเซียนเทียนเดินไปมาข้างหน้าพวกเขา
“ศิษย์พี่หยวนเจ๋อ!” อ๋าวอี่ตะโกนและก้าวไปข้างหน้า แล้วทันใดนั้นทิวทัศน์รอบตัวเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
นักพรตเต๋าชราหยวนเจ๋อยกแขนเสื้อขึ้นและปิดหน้าเมื่อได้ยินเสียงนั้น แต่ทันใดนั้นค่ายกลรอบตัวเขาก็เปลี่ยนไป และร่างของเขาก็หายไปจากสายตาของอ๋าวอี่อย่างรวดเร็ว
“นี่…” อ๋าวอี่จ้องเขม็งขณะที่สั่นไปทั่วทั้งร่าง
จิ่วอูรีบกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “องค์ชาย มันดึกแล้ว เหตุใดเราไม่ หือ?”
“ข้าทำลายค่ายกลนี้ได้อย่างแน่นอน! ข้าทำลายค่ายกลนี้ได้แน่นอน!”
อ๋าวอี่กรีดร้องพลางยกกระบี่ขึ้นแล้ววิ่งไปข้างหน้าในขณะที่ตัวสั่นไปทั้งร่าง
……
ขณะนี้ ในหอโอสถ เต็มไปด้วยแสงดาว
หลี่ฉางโซ่วเพ่งสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาตรงไปที่เหล่าเซียนเทียนที่กำลังจะเคลื่อนตัวไปในอากาศและดูเหมือนว่า พวกเขาจะต้องการเข้าสู่ค่ายกลเพื่อสัมผัสประสบการณ์…
เหตุใดข้าไม่จัดการเก็บของคืนนี้ แล้วพาอาจารย์และศิษย์น้องหญิงหนีไป
แน่นอนว่า ข้าควรหนีไป
คราวนี้ ข้าไม่อาจอยู่ในสำนักตู้เซียนได้อีกต่อไปแล้ว!
แน่นอนว่า นี่เป็นเรื่องตลก เขาทำงานอย่างหนักเพื่อจัดการยอดเขาหยกน้อยมาหลายปีแล้วและเห็นได้ชัดว่ามันเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างปลอดภัย
ทันใดนั้น ก็มีเสี้ยวสัมผัสเซียนรับรู้สายหนึ่งตกลงมาจากฟากฟ้าและจับจ้องไปที่ร่างกายของหลี่ฉางโซ่วซึ่งรบกวนจิตใจของเขาเล็กน้อย
การรบกวนนี้มีน้อยมาก
หลี่ฉางโซ่ว เข้าใจว่านี่คือปรมาจารย์ในสำนักกำลังปลุกเขาขึ้นมา แต่พวกเขาก็กลัวว่าจะส่งผลต่อสภาวะจิตใจของเขา…
พวกเขาช่างเอาใจใส่ศิษย์เป็นอย่างยิ่ง
ในเวลานี้ หลี่ฉางโซ่ว ลืมตาของเขาขึ้นมาในขณะที่อยู่ในความงุนงง มันเหมือนกับภาพเหตุการณ์ที่เขาตื่นขึ้นในระหว่างการฝึกบำเพ็ญ
เป็นเสียงของปรมาจารย์หว่างฉิงที่ดังก้องอยู่ในหูของเขา “หยุดฝึกบำเพ็ญ จงปล่อยให้คนในค่ายกลเป็นอิสระออกมาก่อน ในครั้งนี้ เมื่ออ๋าวอี่มาหาเจ้าเพื่อต่อสู้กับเจ้า เขาเป็นเซียนหยวนแล้ว เขาอาจระงับขอบเขตพลังของเขาและทำร้ายเจ้าในภายหลัง เจ้าไม่จำเป็นต้องชนะ แต่เจ้าก็ไม่อาจแพ้เร็วเกินไปในขณะที่อยู่ในสำนักเซียนของเจ้าเองได้”
หลี่ฉางโซ่วรีบลุกขึ้นแล้วกล่าวขึ้นกลางอากาศว่า “ศิษย์น้อมรับบัญชาขอรับ”
ระงับขอบเขตพลังของเขาเพื่อต่อสู้กับข้าหรือ
จากนั้นเขาก็รีบเดินไปที่ประตูหอโอสถและมองไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วขณะที่แอบตัดสินใจอย่างลับๆ พร้อมกับกำหมัดแน่น!
ข้าจะทุ่มสุดตัว!
บัดนั้นจี้หยกพลันหมุนไปเล็กน้อย และลมพัดผ่านป่าอย่างแผ่วเบา
แล้วจากนั้น หลี่ฉางโซ่ว ก็บินขึ้นไปที่หน้าหอโอสถ และค่อยๆ ลอยขึ้นไปในอากาศ และขอบเขตพลังคืนกลับอนัตตาขั้นเจ็ดของเขาก็ถูกเปิดเผยออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย!
มันดูเหมือนว่าเพิ่งจะทะลวงขอบเขตนี้ขึ้นมา ซึ่งยังไม่เสถียรเล็กน้อย…
ขณะนี้ ทั้งในอากาศและในป่า เหล่าผู้อาวุโสทั้งหมด เหล่าเซียนและเซียนสตรีทั้งสองของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย จิ่วอู อ๋าวอี่ และ ผู้อาวุโสเซียนเทียนล้วนมองไปที่เขาพร้อมๆ กัน…
บัดนี้ สายตาทุกคู่ในสำนัก ล้วนจับจ้องไปที่หลี่ฉางโซ่ว
สิ่งนี้ทำให้หลี่ฉางโซ่ว รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่เขาก็ทำได้เพียงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาชีวิตรอดจากปัญหาวุ่นวายนี้
แล้วจิ่วอูก็เตือนเขาอย่างรวดเร็วว่า “เจ้าไม่ได้ปกปิดขอบเขตพลังของเจ้า!”
หลี่ฉางโซ่วผงะงัน ทว่าเขาก็โค้งคำนับให้และกล่าวกับจิ่วอูว่า
“ศิษย์ผู้น้อยของยอดเขาหยกน้อย หลี่ฉางโซ่ว ข้าขอน้อมพบท่านผู้อาวุโส อาจารย์ลุงและอาจารย์อา และผู้อาวุโสทุกท่านขอรับ”