ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – ตอนที่ 75.2 ท่าทีเริ่มแรก (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ในขณะนั้นหลี่ฉางโซ่วยังอยู่ใต้ดินเงียบๆ พลางมองหาโอกาสลอบโจมตี

เขาอาจจะแพ้หรือชนะได้ หลังจากเปรียบเทียบทั้งสองด้านแล้ว เขาก็รู้สึกว่า ความจริงแล้วไม่มีความแตกต่างอะไรกับตัวเขา

แต่สิ่งสำคัญคือ เขาจะแพ้และชนะอย่างไร

หากเขาเผชิญหน้ากับอ๋าวอี่แบบตัวต่อตัวและต่อสู้ในศึกครั้งยิ่งใหญ่ ศิษย์ในสำนักจะจดจำเหตุการณ์ และภาพลักษณ์ของเขา ไม่ว่าเขาจะแพ้หรือชนะ

อย่างไรก็ตาม หากเขาต้องอาศัยหลีกลี้ปฐพีซ่อนกายและยันต์ เขาก็จะไม่ต้องเผชิญหน้ากับอ๋าวอี่แบบตัวต่อตัว และมันจะไม่น่าเสียดายหากเขาจะพ่ายแพ้ ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็คิดว่าเขาไม่ได้เก่งกาจ และไม่อาจเป็นอะไรได้มากไปกว่านั้น…

ทว่าต้นกล้าอมตะด้อยมาตรฐานผู้เก่งกาจเรื่องการจัดวางค่ายกลและหลีกลี้ปฐพีซ่อนกาย ย่อมสร้างภาพลักษณ์ของเขาให้โดดเด่นขึ้นมาในทันที

ในสายตาของคนอื่นๆ แล้ว การชนะโดยใช้วิธีการดังกล่าวนั้น ถือเป็นเพียงกลอุบายที่ไม่มีผู้ใดจะมองว่าเขาเป็นประหนึ่งวีรบุรุษ

เอ่อ ในด้านลบนั้นอาจไม่ต้องเป็นเช่นนั้นเสมอไป นี่เป็นเพียงช่องโหว่และไม่ได้อยู่ในการพิจารณาของข้า

มันไม่สำคัญว่า เขาจะมีชื่อเสียงไม่ดีเพราะเรื่องนี้หรือไม่

สิ่งที่หลี่ฉางโซ่วต้องการคือให้เรื่องนี้สงบจบลงอย่างรวดเร็วเพื่อที่เขาจะได้ฝึกบำเพ็ญต่อไปได้ในขณะที่ชีวิตของเขากลับคืนสู่ความมั่นคงดั่งเดิมทันที!

ดังนั้น…ข้าขอโทษเถิดนะ เจ้ามังกรน้อย!

เปลวไฟยังคงปะทุลุกเป็นไฟอย่างต่อเนื่องจากชุดยันต์ค่ายกล ทำให้อ๋าวอี่อยู่ในสภาพที่น่าสงสาร แต่เขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บมากเกินไป

อ๋าวอี่รู้สึกกังวลและยังคงค้นหาหลี่ฉางโซ่วต่อไป

ในขณะนี้ ผืนดินสงบนิ่งราวกับมีลมปราณเอื่อยๆ…

อยู่ที่นั่น!

อ๋าวอี่รีบพุ่งไปข้างหน้าและปล่อยหมัดทันที แล้วจู่ๆ ก็มีหลุมหนึ่งปรากฏขึ้นบนพื้นจากการถูกหมัดกระแทกเข้าใส่ ทว่าไม่มีร่างของหลี่ฉางโซ่วปรากฏให้เห็นอยู่ข้างใต้

และในขณะนั้นก็มีมือขนาดใหญ่แอบยื่นออกมาจากพื้นดินด้านหลังอ๋าวอี่อย่างเงียบๆ มันติดอยู่กับยันต์ จึงไม่อาจมองเห็นได้ด้วยสัมผัสเซียนรับรู้ และในมือนั้นก็มีกริชคมอยู่ในมือ มันเป็นมือของหลี่ฉางโซ่วซึ่งเป็นกริชอาวุธเวท จากนั้นเขาก็เล็งไปที่ด้านหลังขาของอ๋าวอี่

ฉัวะ!

แล้วทันใดนั้น ศรโลหิตขนาดเล็กก็พุ่งออกมาในขณะที่อ๋าวอี่กระโดดขึ้นทันทีและหันศีรษะกลับไปมองมือใหญ่ที่ถอยกลับลงไปในพื้นทันที!

อ๋าวอี่สูดลมหายใจเข้าลึก แต่เขาก็พลาดอีกครั้งเมื่อพยายามตีฝ่ามือนั้นอย่างรวดเร็ว

เขาทำได้เพียงเบิกตากว้างและกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้ากะทันหัน!

ในเวลานี้ ยันต์ที่รอโจมตีมาเนิ่นนาน ได้ปลดปล่อยพลังออกมาพร้อมๆ กันโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว และกระดาษยันต์กระดาษสีเหลืองอีกหลายสิบชิ้นก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า พวกมันระเบิดลุกเป็นไฟบนท้องฟ้าและทำให้ร่างของอ๋าวอี่ล้มลงทันที!

คราวนี้ มีเปลวเพลิงแท้บางอย่างในคาถาที่เผาเนื้อของอ๋าวอี่ที่ลุกไหม้นั้น ร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยรอยไหม้เกรียม และบาดแผลไฟไหม้ที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก และมันก็ยิ่งทำให้เขาอยู่ในสภาพที่น่าอนาถมากขึ้นไปอีก…

มันคือเปลวเพลิงสมาธิแท้ที่มีพลังเหมาะสม ซึ่งหลี่ฉางโซ่วกระตุ้นขึ้นมาด้วยพลังวิญญาณของเขาเอง

ทันทีที่อ๋าวอี่ร่อนลงมาบนพื้น อีกฝ่ามือหนึ่งที่ไม่อาจถูกตรวจพบได้ด้วยพลังสัมผัสเซียนรับรู้ก็ยื่นออกมาจากมุมบอดเมื่อมองจากสายตาของอ๋าวอี่…

คราวนี้ ฝ่ามือนั้นถือกระบี่สั้นที่เป็นอาวุธเวท และเล็งไปที่หัวเข่าของอ๋าวอี่

ฉัวะ!

ฉับพลันนั้น ศรโลหิตที่สองก็พุ่งออกไป!

ในขณะนั้นก็มีเสียงหัวเราะของใครบางคนอยู่ที่หน้าห้องโถง…

อ๋าวอี่หันศีรษะและจ้องเขม็งไปที่หลี่ฉางโซ่วด้วยความโกรธ แล้วทันใดนั้น ฝ่ามือก็จมลงสู่พื้นทันทีโดยไม่มีหลี่ฉางโซ่วปรากฏให้เห็น!

อ๋าวอี่พลันขมวดคิ้วบนใบหน้างดงามละเอียดอ่อนของเขา เขาจับกลิ่นอายลมปราณที่เหลืออยู่บนพื้นและต่อยกระแทกพื้นด้วยหมัด จนเกิดหลุมลึกที่มีความลึกครึ่งจั้ง

ลานจัตุรัสด้านหน้าห้องโถงใหญ่ปูด้วยหินที่แข็งแรงและประณีตมาก

แม้ฐานพลังของเขาจะถูกปิดผนึก แต่เขาก็ยังสามารถสร้างหลุมได้ด้วยหมัดเดียว และความแข็งแกร่งของอ๋าวอี่เช่นนี้ ยังสร้างความประทับใจให้กับบรรดาเซียนของทั้งสองฝ่าย

ทว่ามันก็ไร้ประโยชน์

กลิ่นอายลมปราณที่หลงเหลืออยู่เหล่านี้ เดิมที ถูกหลี่ฉางโซ่วใช้เพื่อล่อศัตรู เมื่ออ๋าวอี่กระโจนใส่เขาทางด้านหน้า เขาก็จะลอบโจมตีจากทางด้านหลัง และบัดนี้ อ๋าวอี่ก็โกรธจัดจนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำได้เพียงต้องซ่อนกายอยู่ในอากาศ

อย่างไรก็ตาม ค่ายกลที่อยู่เหนือเขาพลันเปลี่ยนไป เสาเพลิงถล่มพังทลายลงมาจากฟากฟ้าแล้วกดทับอ๋าวอี่ลงไปที่พื้นอีกครั้ง!

ทันทีที่ร่างของอ๋าวอี่ตกลงบนพื้น ก็ดูเหมือนว่า ขาของเขาจะตกลงไปในหล่ม และพื้นดินก็แข็งตัวทันที ในขณะที่เขาถูกตรึงเอาไว้กับที่!

คำว่า ‘ข้าอาจจะไม่ชนะ’ ซึ่งหลี่ฉางโซ่วกล่าว พลันสะท้อนอยู่ในใจของอ๋าวอี่ แล้วจู่ๆ เขาก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้…

การต่อสู้ในวันนี้ แตกต่างจากงานชุมนุมกวาดล้างปีศาจ บัดนี้ พวกเขาอยู่บนพื้นดินที่ ไม่ใช่ ‘ดิน’ ที่เกิดขึ้นจากแท่นดอกบัววารีในเวลานั้น!

ศิษย์ของสำนักตู้เซียนคนนี้สามารถใช้เวทที่เขาเชี่ยวชาญที่สุดได้ หลีกลี้ปฐพีซ่อนกาย!

ต้องยอมรับว่าหลีกลี้ปฐพีซ่อนกายนี้ทรงพลังยิ่ง!

ทว่า!

“ฮ่า!”

อ๋าวอี่ตะโกนออกมาขณะที่เขาผนึกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้น เปลวไฟน้ำแข็งลึกลับรอบๆ ตัวเขาก็ถูกควบแน่นเป็นเงาร่างของมังกรคราม!

เงาร่างของมังกรแผดเสียงออกไปทั่วทุกทิศทุกทางและระเบิดพื้นอย่างไม่เลือกที่ เศษหินปลิวกระเด็นไปทั่วทุกที่ และภาพทั้งแสงและเงานั้นก็ขยายใหญ่เต็มที่ในทันที!

ชั่วขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วที่ซ่อนตัวอยู่ใต้พื้นดิน ก็ยังอดจะร้องอุทานออกมาไม่ได้เมื่อเห็นเช่นนี้…

องค์ชายมังกรผู้นี้รู้จักสิบแปดฝ่ามือปราบมังกร!?!

เขาจะไม่ถูกบิดาราชามังกรของเขาดุว่าเป็นเจ้าลูกชั่วผู้กบฏทุรยศจริงๆ หรือ

ในช่วงเวลานี้ มันน่าจะมีดนตรีประกอบ…

และที่หน้าห้องโถง บัดนี้ ผู้อาวุโสส่วนใหญ่ของสำนักตู้เซียนล้วนมีสีหน้าหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเผยให้เห็นทันที

แน่นอนว่า พวกเขาย่อมรู้สึกว่ามันคงไม่ดีที่หลี่ฉางโซ่วจะใช้เวทหลบหนีเพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้ ซึ่งดูไม่สวยงามนัก

อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าองค์ชายน้อยไม่อาจทำอะไรศิษย์ของเขาได้ บัดนี้หลี่ฉางโซ่วอยู่ในสถานะคว้าชัยได้แน่แล้ว และเหล่าผู้อาวุโสก็รู้สึกว่านั่นเป็นสิ่งดี

ในขณะนี้ มีผู้อาวุโสที่รับผิดชอบในฝ่ายกิจการภายในเพียงไม่กี่คนของสำนักเท่านั้นที่รู้สึกปวดใจ…

เพราะมันต้องใช้วัสดุล้ำค่ามากมายในการซ่อมลานจัตุรัสนี้!

มาดูกันเถิด!

ชั่วขณะนั้น ร่างเงามังกรของอ๋าวอี่กำลังฟาดกวาดกระแทกทุกอย่างที่ขวางหน้า

และท่ามกลางฝุ่นควันนั้น ฝ่ามือของหลี่ฉางโซ่วก็พุ่งออกมาจากด้านหลังของอ๋าวอี่เงียบๆ ซึ่งคราวนี้ เขาถือกระบี่ยาวสามฉื่อ…

เขาเล็งที่ต้นขาของอ๋าวอี่ก่อนจะแทงออกไปข้างหน้าอีกครั้ง

ตึ้ง!

แต่คราวนี้เขาไม่ได้ยิงศรโลหิตออกไป!

อ๋าวอี่หันศีรษะและจ้องมองอย่างโกรธจัด ในขณะที่ชั้นเกล็ดมังกรปรากฏขึ้นบนต้นขาของเขา และเท้าของเขาก็ถูกดึงขึ้นจากพื้น!

อย่างไรก็ตาม ยันต์ที่อยู่ด้านบนก็เริ่มระเบิดการโจมตีอย่างไม่เลือกหน้าอีกครั้งจนทำให้อ๋าวอี่ไม่มีเวลาแม้แต่จะคิด

ช่วงเวลานี้ หลี่ฉางโซ่วยังซ่อนกายอยู่ใต้พื้นดินและรอคอยอย่างเงียบๆ เพื่อรอโอกาสโจมตีครั้งต่อไป เขาแอบควบคุมค่ายกลยันต์และเติมยันต์ที่จำเป็นสำหรับการสร้างค่ายกลลงไปอย่างต่อเนื่อง…

ฉับพลันนั้น ค่ายกลยันต์บนท้องฟ้าก็กลายเป็นรูปร่างของงูก่อนที่จะกลายเป็นรูปเลขแปด และในเวลาต่อมา พวกมันก็รวมตัวเป็นลูกไฟเวทและเสาเพลิงหนา ทำให้อ๋าวอี่ดูน่าสงสารอย่างยิ่ง…

ทันทีที่ร่างของอ๋าวอี่ตกลงบนพื้น ฝ่ามือที่ไม่อาจถูกตรวจจับได้ด้วยพลังปราณสัมผัสรับรู้และสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาก็ออกมาจากมุมบอดในสายตาของเขา มันถือกริช กระบี่สั้น และกระบี่ยาว ซึ่งทั้งหมดล้วนพุ่งแทงเข้าไปที่น่องของเขาอย่างต่อเนื่อง

อ๋าวอี่ยังคงคำราม แต่เขาก็ไร้ความสามารถและไม่อาจทำอันใดได้ จนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากระเบิดโทสะเดือด

หลี่ฉางโซ่วลอบโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทำให้มีบาดแผลเล็กๆ มากมายที่ขาของอ๋าวอี่

และชั่วขณะหนึ่งนั้น เหล่าศิษย์ของสำนักตู้เซียนต่างก็พากันระเบิดเสียงหัวเราะสนุกสนานอย่างมีความสุข

เดิมที โหย่วฉินเสวียนหย่ากังวลใจนัก แต่ในเวลานี้นางก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้

ในยามนั้น ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่หว่างฉิงที่ไร้รอยยิ้มอยู่เสมอและไม่เคยเผยอารมณ์ใดๆ เลย ก็หันกลับมามองที่ผนังในห้องโถง ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ทว่าไหล่ของเขาก็สั่นเป็นบางครั้ง…

และหลังจากนั้นไม่นาน ร่างของอ๋าวอี่ก็ไหม้เกรียมในขณะที่หอบหนักตลอดเวลา และเส้นผมยาวของเขาก็หลุดลุ่ยสยายลงมาบนไหล่ของเขา

ในขณะที่ค่ายกลใช้พลังของมัน ร่างของเขาก็ถูกเสาเพลิงกดลงไปกับพื้นอีกครั้ง แต่เขาบังคับยันตัวเองไม่ให้ล้มลง…

ในขณะนั้น ก็มีเงาดำปรากฏขึ้นมาจากพื้นดินทางด้านหลังของอ๋าวอี่

และจู่ๆ ก็มีลมปราณเย็นยะเยียบแผ่กระจายออกมาจากลานต่อสู้

ทุกคนล้วนรู้ว่าเงาดำนั้นก็คือการกลับมาของฝ่ามือที่ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งอย่างแน่นอน ทว่า…ในเวลานี้…

ลำแสงเย็นยะเยือกพุ่งออกมาจากฝุ่นควัน ทว่าแท้จริงแล้ว มันคือหนาม ไม่ ไม่ใช่หนามอันเดียว แต่มีหนามแหลมมากมายนับไม่ถ้วน!

คราวนี้ เขาถือคทาอาวุธเวทอยู่ในฝ่ามือของเขา!

ทันใดนั้น ฝ่ามือถือคทายื่นออกมาจากพื้น มันเล็งไปที่ตำแหน่งที่จุดอ่อนแอที่สุดทางด้านหลังของอ๋าวอี่แล้วโน้มตัวไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ…

ในขณะนี้ อ๋าวอี่กำลังค้นหาไปทั่วทุกที่ เขาอยู่ในความงุนงงสับสนจนไม่ทันสังเกตเห็นอันตรายที่กล้ำกรายใกล้เข้ามา…

ทันใดนั้น บรรดาผู้ชมต่างก็พากันเบิกตากว้าง

บรรดาศิษย์ทั้งหลาย โหย่วฉินเสวียนหย่า หานจื่อ โหรวโหรว และเหล่าศิษย์หญิงคนอื่นๆ ของสำนักตู้เซียนล้วนปิดซ่อนหน้าของพวกนางและไม่กล้ามองพวกเขาอีก

ทว่ามีผู้บำเพ็ญสองคนจากเกาะเต่าทองที่โกรธจัดจนมือของพวกเขาสั่น

ในเวลาเดียวกันนั้น ลูกกระเดือกของเหล่าศิษย์ชายหลายคนพลันสั่นกระเพื่อมรุนแรง พวกเขาสาบานในใจว่าพวกเขาจะไม่มีวันทะเลาะกับหลี่ฉางโซ่วแห่งยอดเขาหยกน้อยในอนาคตอย่างแน่นอน!

“ตกลง! พวกเรายอมแพ้! ”

ฉับพลันนั้น นักพรตเต๋าชราหยวนเจ๋อก็ร้องตะโกนออกมาอย่างอับจนหนทาง แล้วทันใดนั้น คทาก็หายวับไปกับพื้นในทันที

บัดนั้น อ๋าวอี่ก็หันศีรษะไปมองหยวนเจ๋อด้วยความงงงวย แต่แล้วก็ก้มศีรษะลงแล้วถอนหายใจ

เขาไม่มีทางทำอะไรกับหลีกลี้ปฐพีซ่อนกายได้จริงๆ

และจากนั้น อ๋าวอี่ก็รู้สึกโล่งใจ เขาถอยหลังกลับไปสองก้าวในสภาพที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและหดหู่ใจ ลมปราณของเขาพลุ่งพล่านขณะที่นั่งลงไปกับพื้น…

มันเป็นความจริง…

เขาแพ้จริงๆ…

เขา…

และในขณะนั้น จู่ๆ ก็มีมือสีขาวขนาดใหญ่ยื่นออกมาจากด้านข้างแล้วเอื้อมไปทางอ๋าวอี่

ทันใดนั้น อ๋าวอี่ก็เงยหน้าขึ้นและเห็นใบหน้าอ่อนโยนของหลี่ฉางโซ่ว

“คราวนี้ ถือว่าพวกเราเสมอกันได้หรือไม่ หากพวกเราเผชิญหน้ากันโดยตรง ข้าย่อมไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ได้อย่างแน่นอน ข้าทำได้เพียงใช้วิธีลับๆ ล่อๆ ร้ายกาจเช่นนี้ เพราะนี่คือ สำนักตู้เซียนของข้า ข้าเพียงทำได้ดีที่สุดเท่านั้น ข้าไม่อาจปล่อยให้สำนักเสียหน้าได้ ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ และขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องขุ่นเคือง”

อ๋าวอี่ปากคอสั่น และทันใดนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มแข็งๆ ออกมาขณะที่ดวงตาของเขาพลันแดงก่ำ

ไม่ใช่ว่ามนุษย์ทุกคนจะเป็นเหมือนพวกปีศาจหน้าเย็นชาและหัวโบราณเหล่านั้น…

ยังมีคนอ่อนโยนอย่างหลี่ฉางโซ่วเช่นกัน…

และชั่วขณะนั้น อ๋าวอี่ก็เอื้อมมือออกไปและคว้าจับฝ่ามือที่ยื่นเหยียดออกมาให้ของหลี่ฉางโซ่วในขณะที่ลุกขึ้นยืน

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท