หลังจากข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์แล้ว ก็คือเซียนหยวน
เขาใช้เวลาเพียงหนึ่งร้อยยี่สิบสามปีในการบรรลุเซียน ความสามารถเช่นนี้ถือเป็นต้นกล้าอมตะสูงสุดที่เหนือกว่าบรรดาเซียนรุ่นเยาว์ทั้งหมดแล้ว!
ฉีหยวนขมวดคิ้วอีกครั้งแล้วกล่าวว่า “แล้วเหตุใดเจ้าถึงต้องปกปิดขอบเขตพลังของเจ้าเล่า จะเป็นการดีกว่าหรือไม่ที่จะเปิดเผยออกมาเพื่อจะได้รับการดูแลปกป้องจากสำนัก”
“ท่านอาจารย์ โลกนี้ช่างยากลำบากนัก และใจมนุษย์ย่อมยากแท้หยั่งถึงขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวกระซิบเบาๆ ว่า “ลองคิดดู เมื่อข้าอยู่ที่ขอบเขตคืนกลับอนัตตา ข้ามักจะทำตัวเหมือนอยู่ขอบเขตสร้างปราณวิญญาณเทพ หากมีคนอยากกำจัดข้า ย่อมแน่นอนว่า พวกเขาจะพิจารณาและจัดการโจมตีเหมือนกับที่พวกเขาจัดการกับผู้บำเพ็ญขอบเขตสร้างปราณวิญญาณเทพ และจากนั้นก็มีโอกาสสูงที่อีกฝ่ายจะเผยช่องโหว่บางอย่างออกมาและศิษย์ก็จะมีโอกาสรอดชีวิตได้มากขึ้นขอรับ”
“ข้าอยากให้ท่านเข้าใจในความจริงข้อนี้ด้วยขอรับ”
นักพรตเต๋าชราฉีหยวนพยักหน้าและครุ่นคิด เขารู้สึกอยู่เสมอว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เขาไม่อาจบีบนิ้วทำนายดูได้
หลี่ฉางโซ่วกล่าวต่อว่า “หากศิษย์แสร้งทำตัวเป็นเพียงมีคุณสมบัติเข้าใกล้ต้นกล้าอมตะในสำนัก เงินสนับสนุนรายเดือนจะได้รับนั้นก็จะน้อยกว่าต้นกล้าอมตะเหล่านั้นเพียงสองในสิบส่วนเท่านั้นเองขอรับ”
“และยังมีข้อดีว่า คนอื่นจะไม่รู้ถึงความสามารถและไม่รู้จักชื่อเสียงของข้า ดังนั้นจึงไม่มีใครจะคิดร้ายต่อข้าได้”
“ท่านอาจารย์ ลองคิดดู หากยอดเขาหยกน้อยสร้างต้นกล้าอมตะได้ คนอื่นๆ จะต้องอิจฉา และหากเป็นหัวหน้าศิษย์ ก็อาจต้องตกเป็นเป้าหมายของยอดเขาอื่นๆ อีกด้วยขอรับ…”
“นอกจากนี้ แม้จะมีการแข่งขันเพื่อแย่งชิงทรัพยากรการฝึกบำเพ็ญระหว่างยอดเขา แต่สุดท้ายแล้ว รายได้ที่ได้จากสำนักก็ยังมั่นคง”
ฉีหยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าช้าๆ
เมื่อก่อนเขารู้สึกเสมอว่าวิถีทางคดเคี้ยวของศิษย์คนโตของเขาล้วนเป็นหลักการคดโกง บัดนี้ ศิษย์คนโตแข็งแกร่งกว่าตัวเขาแล้ว และจู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าอันที่จริง หลักการเหล่านี้…มันก็มีเหตุผลจริงๆ…
ฉีหยวนลูบเคราของเขาพลางถอนหายใจและกล่าวว่า “นั่นก็เป็นความจริงที่ข้าไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน”
ทันใดนั้นหลี่ฉางโซ่วก็เลิกคิ้ว เขาไม่คิดว่าท่านอาจารย์ของเขาจะเข้าใจง่ายกว่าที่คิด…
แค่กๆ เขาเกลี้ยกล่อมท่านอาจารย์ของเขาได้ง่ายกว่าที่คาดคิดเอาไว้
“ท่านอาจารย์ สิ่งที่ศิษย์อยากจะบอกท่านในวันนี้ คือทางออกที่ท่าน ศิษย์น้องหญิง และศิษย์จะได้รับในอนาคตขอรับ”
“ทางออก?”
ฉีหยวนไม่รู้ว่าจะหัวเราะไม่ได้หรือร้องไห้ไม่ออกแล้วดุว่า “เจ้ากำลังพูดเรื่องใด ทางออกอะไร มันดีกว่าหรือไม่ที่เราจะฝึกฝนในสำนักและสนุกกับตัวเองทุกวัน หรือเจ้าคิดว่าสำนักไม่ดีเพียงพอสำหรับเซียนเช่นเจ้าอีกต่อไป”
“แน่นอนว่า สำนักดีต่อเรามากขอรับ ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ หากสำนักมีปัญหา ข้าย่อมจะช่วยเหลือทั้งสำนัก และในอนาคต หากสามารถแก้แค้นได้ ข้าก็จะแก้แค้นให้อย่างแน่นอน”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวเคร่งขรึม “แต่ท่านอาจารย์ ท่านไม่อยากมีชีวิตยืนยาวอยู่อีกต่อไปหรือขอรับ”
“แน่นอน นี่ย่อมเป็นสิ่งที่ข้าต้องการอย่างแน่นอน” ฉีหยวนถอนหายใจและกล่าวต่อ “แต่เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องอาจารย์ อาจารย์พอใจกับความจริงที่ว่าข้าสามารถกลายเป็นเซียนจั๋วและมีโอกาสที่จะฝึกฝนเซียนเสิ่น…”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ มีวิธีที่ท่านจะสามารถยืดอายุขัยของท่านหลังจากที่ไปถึงเซียนเสิ่นได้ และนอกจากนี้ มันยังเป็นประโยชน์ต่อข้าและศิษย์น้องหญิงมากมายในอนาคตขอรับ”
“ดีสำหรับเจ้าและหลิงเอ๋อร์ด้วยหรือ ว่ามาสิ”
ทันใดนั้นหลี่ฉางโซ่วพลันชี้นิ้วของเขาไปที่โต๊ะและเขียนตัวอักษรขนาดใหญ่สองตัวลงไป
‘ศาลสวรรค์ แบบโบราณ!’
ฉีหยวนเฒ่าขมวดคิ้วและพึมพำกับตัวเอง
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจในใจเมื่อเห็นเช่นนี้
ท่านอาจารย์ของเขาน่าจะต่อต้าน ‘ที่พำนักสาธารณะ’ อย่างศาลสวรรค์ เช่นเดียวกับผู้บำเพ็ญส่วนใหญ่ที่ค่อนข้างต่อต้านมัน
แต่มันก็ช่วยไม่ได้ เพราะในท้ายที่สุดแล้ว การฝึกฝนบนภูเขานั้นไม่เสียค่าใช้จ่ายและง่ายดาย ทั้งยังดีกว่าการถูกสวรรค์สั่งการและควบคุม
หลี่ฉางโซ่วเตรียมข้ออ้างเอาไว้ล่วงหน้าแล้วเพื่อดูว่าจะเกลี้ยกล่อมให้อาจารย์ของเขาไปศาลสวรรค์ได้หรือไม่
หากอาจารย์ไม่ต้องการขึ้นไปสวรรค์ หลี่ฉางโซ่วก็จะไม่บังคับ คราวนี้เขาแค่ลองเสี่ยงโชคดูก่อน…
“ท่านอาจารย์…”
ขณะที่หลี่ฉางโซ่วกำลังจะเอ่ย แต่ทันใดนั้นฉีหยวนก็กล่าวด้วยความไม่เข้าใจว่า
“แล้วที่นี่มีประโยชน์อะไรกับอายุขัยของข้าหรือ”
หือ?
หลี่ฉางโซ่วตกตะลึง “ท่านอาจารย์ ท่านไม่รู้ประโยชน์ของสถานที่แห่งนี้หรือขอรับ”
“ข้าได้ยินคนพูดถึงว่าหลังจากสงครามจอมเวท-ปีศาจ ก็มีปราชญ์เทพสองสามคนตั้งสถานที่นั้นบนศาลปีศาจที่พังทลาย” ฉีหยวนขมวดคิ้วและกล่าวต่อว่า “แต่ข้าไม่เคยได้ยินรายละเอียดมาก่อนเลย”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันใด…
ในเวลานี้ ความรู้สึกถึงการดำรงอยู่ของศาลสวรรค์…ช่างยั่วใจเหลือเกิน!
“ท่านอาจารย์ เช่นนั้น โปรดฟังศิษย์อธิบายให้ละเอียดขอรับ”
ฉีหยวนพยักหน้าทันทีและฟังคำอธิบายของหลี่ฉางโซ่วด้วยความสนใจ
จากนั้นครึ่งวันต่อมา
หลี่ฉางโซ่วเดินเอามือไพล่หลังขณะกลับไปที่หอโอสถพร้อมด้วยกล่องเล็กๆ ที่อาจารย์ของเขานำกลับมาด้วย
เขาไม่คาดคิดว่าอาจารย์ของเขาจะยอมรับข้อเสนอที่จะไปทำงานในศาลสวรรค์ ยิ่งไปกว่านั้น ท่านยังค่อนข้างอยากรู้ และมีแรงจูงใจที่จะฝึกบำเพ็ญให้มากขึ้นเพื่อบรรลุสู่เซียนเสิ่นได้ในอนาคตอีกด้วย…
บัดนี้เมื่อคิดให้รอบคอบแล้ว ตั้งแต่ที่อาจารย์ของเขากลายเป็นเซียนจั๋วแล้ว แท้จริงแล้วเขาค่อนข้างแปลกแยกจากสำนัก
หากอาจารย์สามารถบุกทะลวงสู่เซียนเสิ่นได้โดยเร็วที่สุดและกลายเป็นเจ้าหน้าที่เล็กๆ หรือรับตำแหน่งเล็กๆ ในศาลสวรรค์ อาจารย์ก็จะผ่อนคลายสบายมากขึ้น…
และจากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็มอบโอสถให้อาจารย์ของเขาเอาไว้มากมายเพื่อช่วยเพิ่มระดับการฝึกฝนของเขา
เขาเป็นจั๋วเซียนอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องนี้มากเกินไป ศักยภาพการพัฒนาในอนาคตของเขามีจำกัด และใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะใช้โอสถเพื่อฝึกบำเพ็ญ
เมื่ออาจารย์ไปถึงเซียนเสิ่นแล้ว ข้าก็จะสามารถใช้ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับเทพเฒ่าจันทราเพื่อให้อาจารย์ได้เป็นเจ้าหน้าที่ด้านเอกสารในศาลสวรรค์ และนั่นคงไม่ใช่ปัญหา..
ขั้นตอนที่สองของแผนการนั้นค่อนข้างง่าย
และต่อไปก็ขึ้นอยู่กับว่าท่านอาจารย์จะสามารถบุกเข้าไปในเซียนเสิ่นได้เมื่อใด ซึ่งคาดว่าคงต้องใช้เวลาอีกเป็นพันปี
หรือแม้กระทั่งสองพันปี…
อย่างไรก็ตาม มันจะต้องเป็นวิธีที่แน่นอนก่อนที่มหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพจะเกิดขึ้น!
การฝึกฝนที่จะบรรลุขึ้นเป็นเซียนเทียนของจั๋วเซียนนั้นยากกว่าหยวนเซียนมาก ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะไม่ได้รับโอกาสจากทัณฑ์สวรรค์ทั้งหมด
แล้วก่อนหน้านั้นข้าควรจะสร้างบ้านที่รักษาความปลอดภัยสูงสุดเอาไว้นอกสำนักดีหรือไม่
หลี่ฉางโซ่วค่อยๆ ครุ่นคิดในใจ
เผื่อว่าก่อนที่พวกเขาทั้งอาจารย์และศิษย์ทั้งสามจะไปรายงานตัวที่ศาลสวรรค์ และสำนักตู้เซียนตกอยู่ในอันตรายที่จะถูกกวาดล้าง เขาก็จะยังมีสถานที่พักอยู่ร่วมกับอาจารย์และศิษย์น้องหญิงของเขา…
หลังจากเดินเล่นในป่ามาระยะหนึ่ง หลี่ฉางโซ่วก็ตัดสินใจล้มเลิกความคิดนั้นไว้ชั่วคราว
สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือการจัดเตรียมค่ายกลฟื้นสภาพที่ซับซ้อนของยอดเขาหยกน้อยให้พร้อม
อันที่จริงเขาไม่มีวัสดุล้ำค่ามากมายที่จะใช้สร้างบ้านที่ปลอดภัยซึ่งมีค่ายกลสมบูรณ์
แล้วทันทีที่เขาเดินกลับไปที่ห้องยา สัมผัสเซียนรับรู้ของหลี่ฉางโซ่วก็ตรวจจับร่างของจิ่วอูที่บินมาได้
ท่านอาจารย์ลุงจิ่วอูได้ช่วยข้าไว้มากจริงๆ เมื่ออ๋าวอี่มาเยี่ยมข้าอย่างกะทันหันในครั้งนี้ ไม่ว่าเขาจะช่วยเหลือหรือไม่ก็ตาม ข้าก็ต้องขอบคุณเขาจริงๆ
ดูเหมือนนักพรตเต๋าร่างเตี้ยคนนี้จะอารมณ์ดี เขาเข้าไปในค่ายกลแยกตัวด้านนอกยอดเขาหยกน้อย และระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ศิษย์หลานฉางโซ่ว เดาสิว่าอาจารย์ลุงเอาอะไรมาให้เจ้า ครั้งนี้ เจ้าจัดการกับผู้บำเพ็ญของเกาะเต่าทองได้ดี ทางสำนักจึงมอบรางวัลมากมายให้เจ้า!”
ขณะกล่าว นักพรตเต๋าร่างเตี้ยยืนอยู่บนก้อนเมฆและโยนถุงเก็บสมบัติสองใบออกมาทันที “สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นวัสดุล้ำค่าสำหรับการจัดวางค่ายกล กล่าวได้ว่าสำนักสนับสนุนให้เจ้าศึกษาวิธีการสร้างค่ายกลต่อไป!”
ในขณะนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ใช้สัมผัสเซียนรับรู้เพื่อควบคุมถุงเก็บสมบัติ และตรวจสอบมันจากระยะไกลก่อนที่จะถือมันไว้ในมือของเขา
จิ่วอูไม่แปลกใจในเรื่องนี้อีกต่อไป เขาหยุดเมฆกลางอากาศห่างออกไปสิบจั้ง
หลี่ฉางโซ่วประสานมือโค้งคำนับแล้วกล่าวว่า “ขอบคุณท่านอาจารย์ลุง”
“เฮ้อ…ยังเร็วเกินไปที่จะขอบคุณพวกเรา”
จิ่วอูหยิบกระบี่สีขาวเงินออกมาแล้วโยนลงไปอย่างไม่ตั้งใจอีกครั้งและแสร้งทำเป็นไม่แยแส ขณะกล่าวอย่างเป็นกันเองว่า “นี่คือคำสั่งอนุญาตของเจ้าให้เข้าไปในหอพระสูตรเต๋าชั้นในได้ ข้าใช้ความพยายามเล็กน้อยเพื่อขอมันจากอีกฝ่ายหนึ่ง”
“ในโถงด้านในของหอพระสูตรเต๋ามีค่ายกลและคู่มือการหลอมที่มีเพียงเซียนเสิ่นเท่านั้นที่จะสามารถอ่านได้ เป็นอย่างไรบ้าง”
“หือ?”
“เอ่อ?”
จิ่วอูก็ขยิบตาขณะกล่าว
หัวใจของหลี่ฉางโซ่วเต้นผิดจังหวะขณะคว้ากระบี่สีขาวเงินเอาไว้ในมือทันทีแล้วจึงเล่นพลิกเหวี่ยงมันกลับไปกลับมาสองครั้งพลางหยักยิ้มมุมปากของเขาเล็กน้อย
ในครั้งนี้เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับประโยชน์เช่นนี้มาก่อน!
มันเป็นเพียงความสูญเสียเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเปิดเผยการฝึกฝนของเขาและดึงดูดความสนใจก่อนหน้านี้
ณ จุดนี้ ดูเหมือนว่า เขาจะทำกำไรได้จริงๆ!
“ท่านอาจารย์ลุง เข้ามานั่งคุยกันก่อนสิขอรับ”
“ไม่ ไม่” จิ่วอูโบกมือและถอนหายใจ “อา ข้าจะเป็นทาสแล้ว มันเหนื่อยมาก ในไม่ช้า ข้าก็ต้องออกไปอีกครั้งแล้ว เจ้าก็รีบๆ กลายเป็นเซียนในเร็วๆ นี้ซะ และเจ้าก็จะได้เป็นผู้ดูแลระดับบริหารของสำนักเช่นกัน แล้วเจ้าจะรู้ว่างานนี้เหนื่อยมากเพียงใด”
หัวใจของหลี่ฉางโซ่วเต้นแรงผิดจังหวะขณะถามว่า “ท่านอาจารย์ลุงจะออกไปทำอะไรหรือขอรับ”
จิ่วอูยิ้มและกล่าวว่า “ดูเหมือนว่า ดินแดนเทวะมัชฌิมาจะจัดงานประชุมสำนักเซียนสำหรับสามสำนักบำเพ็ญเต๋า คาดว่าจะจัดขึ้นในอีกห้าสิบหรือหนึ่งร้อยปีนับจากนี้ ข้าจะต้องไปเข้าร่วมกับผู้อาวุโสอีกสองคนทันทีเพื่อไปหารือรายละเอียดกับเหล่าสำนักบำเพ็ญใหญ่ในนามของสำนักตู้เซียน”
“อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับสำนักบำเพ็ญใหญ่เหล่านั้น สำนักตู้เซียนของเราก็ยังเล็กเกินกว่าจะพูดมากได้ ดังนั้นเราจึงทำได้เพียงฟังสำนักเซียนอื่นๆ เท่านั้น”
งานประชุมสามสำนักบำเพ็ญเต๋าหรือ
อันใด อันใดกันนั่น
มันเกี่ยวข้องกับมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพหรือไม่
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่า จิ่วอูจะรีบร้อนมาก หลังจากเตือนให้เขาฝึกฝนอย่างถูกต้องแล้ว เขาก็รีบหันหลังกลับและเตรียมจากไปในทันที
หลี่ฉางโซ่วเงยหน้าขึ้นและรีบกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ลุง โปรดช้าก่อนขอรับ!”
เอาง่ายๆ นะ ความจริงแล้ว เขาน่าจะตะโกนว่า ‘หยุด’ แทน