พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – บทที่ 1977 เหี้ยมโหดจนทนมองไม่ได้

บทที่ 1977 เหี้ยมโหดจนทนมองไม่ได้

ปั้ง! หมัดกับหางมังกรชนปะทะกัน หางมังกรที่เลี้ยวเข้ามาหดกลับไปในชั่วพริบตาเดียว เกล็ดย้อนสะเทือนแตกเป็นวงกว้าง

เฮยทั่นที่หัวทิ่มแผ่นน้ำแข็งตาถลน รู้สึกว่าร่างกายครึ่งหนึ่งเป็นอัมพาต จินตนาการหมายถึงว่าเหมียวอี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมขนาดนี้

มันไม่มีทางยอมแพ้ ชั่วพริบตาที่หดหางกลับไป มันก็โผล่หัวขึ้นมาจากแผ่นน้ำแข็ง ดีดตัวออกมาแนวโค้ง แล้วเอาหัวพุ่งชนไปหาเหมียวอี้

ก้อนน้ำแข็งพุ่งขึ้นฟ้า เหมียวอี้พลิกมือคว้าไว้ แกะก้อนน้ำแข็งที่ใหญ่เท่าห้องครึ่งห้องออกมา แล้วอาศัยแรงชนปะทะพุงขึ้นไปพร้อมกับก้อนน้ำแข็ง

เฮยทั่นที่สั่นหัวส่ายหน้าก็พุ่งขึ้นฟ้า ไล่ตามเหมียวอี้ไป

เหมียวอี้คลายมือออก ชั่วพริบตาที่ตกลงพื้น ก็อาศัยแรงจากการใช้เท้ายัน เตะให้ก้อนน้ำแข็งขนาดเท่าครึ่งห้องพุ่งขึ้นฟ้าอีกครั้ง ส่วนตัวเองก็ชนเข้าไปหาเฮยทั่นที่พุ่งเข้ามาโดยตรง

ชั่วขณะที่ข้างบนพุ่งข้างล่างชน เฮยทั่นก็ตะกายกรงเล็บอย่างแรง เหมียวอี้ใช้หมัดรับมือกับกรงเล็บที่กวาดเข้ามา

ปั้ง! เสียงสะเทือนดังชัดเจน กรงเล็บมังกรอ่อนยวบลงไปหนึ่งข้อนิ้ว ถูกหมัดชกขาดแล้ว กรงเล็บมังกรที่กวาดเข้ามาก็สะเทือนจนเล็งพลาดเช่นกัน

อาศัยแรงชนปะทะแบบนี้ เหมียวอี้พลิกตัวพุ่งไปหาหัวมังกร เฮยทั่นใช้กรงเล็บจิกข้างกวาดเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ส่วนเหมียวอี้ก็โบกแขนปล่อยอีกหมัด

ปั้ง! กรงเล็บมังกรที่สะเทือนออกข้อนิ้วหักอีกนิ้วหนึ่งแล้ว โดนชกจนนิ้วหัก

นิ้วทั้งสิบไวต่อความรู้สึกมาก เฮยทั่นเจ็บจนแทบน้ำตาไหล แต่ยังไม่ยอมแพ้ รีบสะบัดหัวมังกร หลบหลีกการพัวพันจากเหมียวอี้ ส่ายหางทะยานขึ้นฟ้า แล้วสะบัดหางตบอย่างแรงอีกครึ่ง

ร่างมังกรขนาดมหึมาของมันจะตอบสนองรวดเร็วเท่าเหมียวอี้ได้อย่างไร เหมียวอี้ปล่อยหมัดขึ้นฟ้าอีกหมัด ถล่มโจมตีไปที่หางมังกร

จนกระทั่งตอนนี้ ร่างของเฮยทั่นกับเหมียวอี้นับว่าแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิงแล้ว เฮยทั่นรีบบินหนีบนฟ้า มีเจตนาจะหลบเหมียวอี้ ให้เหมียวอี้ตกลงจากที่สูง มันรู้ว่าอยู่ที่นี่เหมียวอี้เหาะไม่ได้

ใครจะคิดว่าจะมีเสียงระเบิดดัง ก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ตกลงจากฟ้าระเบิดออกกลางอากาศ โดนเหมียวอี้ใช้สองเท้าถีบจนระเบิด เขาอาศัยแรงถีบนี้ ท่ามกลางฉากหลังก้อนน้ำแข็งระเบิดราวกับดอกไม้บาน เงาคนคนหนึ่งพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาเดียวก็ปีนขึ้นมาบนหางมังกรที่กำลังหลบหนีแล้ว

เหมียวอี้ที่ถลันตัวเหยียบลงบนหางมังกรยังไม่ได้ลงมืออีก แต่เหยียบหลังมังกรแล้ววิ่งตะบึง วิ่งไปที่หัวมังกร

เฮยทั่นดิ้นรนสุดชีวิตอยู่กลางอากาศ บนร่างกายถึงขนาดมีสายฟ้าไหลเวียน ใต้เท้าเหมียวอี้ที่ร่ายอิทธิฤทธิ์วิ่งกลับเหมือนมีตะปูงอกออกมา ต่อให้เฮยทั่นบิดตัวแต่ก็สลัดไม่หลุด เงาคนพุ่งโจมตีอยู่ท่ามกลางสายฟ้า ฉวยโอกาสกระโดดออกจากร่างมหึมาที่กำลังบิดม้วน แล้วยื่นมือคว้าเขาบนหัวมังกร

ชั่วพริบตาที่จับเขาได้ เหมียวอี้ก็อ้อมขึ้นไปหัวหัวมังกรแล้ว แล้วชกหมัดบนกระดูกหัวมังกรอย่างแรง กระดูกที่นูนออกมาก็คือจุดที่แข็งแรงทนทานที่สุดบนตัวเฮยทั่น

ปั้งๆๆๆ…

เหมียวอี้รัวหมัดสิบกว่าหมัดในชั่วพริบตาเดียว ชกจนเฮยทั่นแทบจะตาถลนออกมา มันแลบลิ้นใหญ่ตวัดมั่วๆ หนวดมังกรที่เหมือนหนวดปลาหมึกสองเส้นแทงไปที่เหมียวอี้ ส่วนเหมียวอี้ก็ลงหมัดหนัก คลายมือออกจากเขา ใช้หมัดสองข้างพร้อมกัน ถล่มไปยังหนวดมังกรสองเส้นที่แทงเข้ามา หนวดมังกรที่สะบัดออกมาอ่อนยวบลงในชั่วพริบตาเดียว

หางมังกรตวัดเข้ามา เหมียวอี้ยื่นมือคว้าเขาเอาไว้พร้อมสะบัดตัวหมุนอ้อมหนึ่งรอบ รีบโจมตีออกมาหนึ่งหมัด ทำให้หางมังกรสะเทือนออกไปอีกครั้ง คนก็หมุนอ้อมกลับมาที่หัวมังกรแล้วเช่นกัน จากนั้นถลันก้าวเข้าไปที่ปากมังกร ช้อนทวนเกล็ดย้อนขึ้นมาแทงลงไปอย่างแรง

ฉึก! หัวทวนแหลมคมแทงทะลุขากรรไกรบนหัวมังกร มองจากในปากเฮยทั่นสามารถเห็นหัวทวนแทงเข้ามา ทั้งยังมีเลือดสดพุ่งออกมาด้วย

“อ๋าว…” เฮยทั่นเจ็บจนคำรามกลางอากาศ ราวกับเป็นบ้าไปแล้ว มันบิดตัวอย่างบ้าคลั่งอยู่บนฟ้า ต้องการจะสะบัดเหมียวอี้ออก

ทว่าทวนเกล็ดย้อนมีตะขอเกี่ยวอยู่ที่ขากรรไกรบนของมัน เหมียวอี้ใช้มือข้างหนึ่งประคองทวนไว้ ปล่อยให้มันบิดม้วนตามใจ เขายืนอยู่บนขากรรไกรบนของมันอย่างมั่นคง ไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด

“ลงไป!” เหมียวอี้ตะคอก แล้วถือทวนเกล็ดย้อนขึ้นมา

พอดึงตะขอขึ้นมา เฮยทั่นก็เจ็บจนหุบปากไม่ลง ไม่กล้าบุ่มบ่ามขยับตัวอีกแล้ว เหาะลงไปบนพื้นแต่โดยดี

สัตว์ขนาดใหญ่ตกลงมาจากฟ้า ชั่วพริบตาที่หัวเฮยทั่นหมอบลงพื้น ทั้งร่างมังกรก็สะบัดขึ้นมาในแนวขวางกลางอากาศ

เหมียวอี้ใช้สองมือกุมทวนเอาไว้ แล้วควงแขนสะบัดอย่างบ้าคลั่ง ทวนเกล็ดย้อนเล็กๆ ด้ามหนึ่งห้อยสะบัดอยู่บนร่างมังกรยาวสิบจั้ง เสียงดังสะเทือนเลือนลั่น ร่างมังกรกระแทกลงบนพื้น ผิวน้ำแข็งขนาดใหญ่สะเทือนถล่ม ร่างมังกรจมลงไปใต้ดิน บนผิวน้ำแข็งมีรอยเลือด

เฮยทั่นไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดแล้ว มันกลอกลูกตาที่ไร้แวว โดนจมตีจนสลบแล้ว

แกร๊ก! ตะขอบนหัวทวนเกล็ดย้อนในปากเฮยทั่นพลิกรวมเป็นหนึ่ง เหมียวอี้ที่ยืนบนก้อนน้ำแข็งหักกำลังมองต่ำและดึงทวนออกมา เลือดกระเด็นตามขึ้นมาหนึ่งดอก เอาทวนเกล็ดย้อนกลับมาปักบนพื้น มองเฮยทั่นที่อยู่ข้างล่างอย่างเยียบเย็น “ยังจะสู้อีกมั้ย?”

ก้อนน้ำแข็งที่ปลิวว่อนรอบๆ เริ่มตกลงพื้นราวกับฝน

เฟิ่งกับหวงที่อยู่การต่อสู้อยู่นอกรังหงส์มองหน้ากันเลิกลั่ก พวกนางเห็นการประมือกันเมื่อครู่นี้ชัดเจน ไม่ได้รู้สึกว่าเหมียวอี้มีพลังแข็งแกร่งสักเท่าไร แต่ลักษณะการรุกโจมตีที่ห้าวหาญนั้นทำให้คนตกตะลึงจริงๆ อยู่ภายใต้สถานการณ์ที่เหาะไม่ได้ แต่กลับกล่าถ่อขึ้นไปสู่กับเฮยทั่นบนฟ้า

พวกนางเหมือนจะรู้สึกว่าเมื่อครู่นี้เหมียวอี้มีปณิธานกล้าแกร่ง ต่อให้ตัวเองจะอยู่ในสภาพเสียเปรียบ แต่เขาก็จะต้องโจมตีจนเฮยทั่นหมอบให้ได้ บางทีอาจจะเป็นเหมือนที่เขาเพิ่งพูดเมื่อครู่นี้ กวาดล้างสิ่งสกปรกในบ้าน!

แต่ดูแล้วถึงแม้จะลงมือค่อนข้างโหดเหี้ยม แต่กลับไม่เหมือนต้องการจะสังหารเฮยทั่น

เฮยทั่นที่ได้สติกลับมาเงยหัวขึ้นมาช้าๆ รู้สึกว่ากระดูกจะแตกทั้งตัว กล่าวบนเสียงครางว่า “ท่านสวมเกราะรบมีอาวุธ นับว่ามีความสามารถอะไร ข้าไม่มีเกราะรบและอาวุธ ท่านมีอานุภาพของอาวุธช่วยเสริม ข้าก็ต้องเสียเปรียบอยู่แล้ว”

เหมียวอี้พยักหน้าเบาๆ เขามองออก ว่าเจ้าเวรนี่ไม่ยอมแพ้จากใจ จึงไม่พูดพร่ำทำเพลง เก็บทวนเกล็ดย้อนกลับมา แล้วกางแขนสองข้าง เก็บเกราะรบเอาไว้แล้ว สวมนชุดลำลองทั้งตัวยืนอยู่อย่างนั้น มองอย่างเหยียดหยาม “ข้าสู้มือเปล่า เจ้าพอใจหรือยัง? ถ้าลุกขึ้นมาได้ก็มาอีก”

เมื่อเห็นเขาท่าทางดูมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เฮยทั่นก็กลัวนิดหน่อย เพียงแต่มีสาวน้อยสองคนมองอยู่ ถึงจะสู้แพ้แต่ห้ามแพ้คน

“อ๋าว…” เฮยทั่นเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า ฝืนสะบัดร่างกายให้เสริม เอาตัวออกจากก้อนน้ำแข็งที่ทำไว้ ลอยขึ้นฟ้าอย่างช้าๆ มองเหมียวอี้อย่างระแวดระวัง เริ่มบินอ้อมเหมียวอี้ หาโอกาสลงมือ แต่กลับช้าไม่กล้าลงมืออีก เป็นเพราะโดนโจมตีจนกลัวแล้วจริงๆ โดนโจมตีจนเจ็บแล้วด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะมีผู้หญิง สองคนที่ตัวเองชอบดูอยู่ มันคงไม่เล่นด้วยตั้งนานแล้ว

เหมียวอี้ที่รออยู่ครู่หนึ่งกลับทนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว รอบกายพลันปรากฏคลื่นล่องหน

เฮยทั่นรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ รีบบินหนีไปไกล ต้องการจะรักษาระยะปลอดภัย

เหมียวอี้หันหน้าช้าๆ กลับไปมองมัน

เฮยทั่นหวาดระแวงทันที จู่ๆ ก็ตะปบกรงเล็บไปบนผิวน้ำแข็ง เอาหัวทิ่มเข้าไปในรอยแยกของน้ำแข็ง ร่างมหึมาไถลราวกับงู เจาะเข้าไปใต้พื้นแล้ว

บนพื้นทุ่งน้ำแข็งมีเสียงดังแกร๊กๆ ไม่หยุด มีรอยแยกไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่าเฮยทั่นกำลังเลื้อยอยู่ใต้นั้น

เหมียวอี้ที่หันมองซ้ายขวาอย่างช้าๆ มีสีหน้าเรียบเฉย แต่กลับยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน ใช้ความนิ่งสงบรับมือความเปลี่ยนแปลง

ทุ่งน้ำแข็งพลันตกอยู่ในความเงียบ

บึ้ม! จู่ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังมาก ผิวน้ำแข็งใต้เท้าเหมียวอี้ระเบิดออก หัวเฮยทั่นชนโผล่ขึ้นมา

แทบจะเป็นชั่วพริบตาเดียวกับตอนที่ผิวน้ำแข็งระเบิดออก เหมียวอี้เด้งขึ้นฟ้านำไปก่อนแล้ว ร่ายอิทธิฤทธิ์ดีดตัวขึ้นไปสูงหลายสิบจั้ง

เหมียวอี้ที่พลิกตัวอยู่กลางอากาศโบกมือชี้ กระบี่ล่องหนขนาดใหญ่พลันก่อตัว ยิงออกมาอย่างรวดเร็ว

เฮยทั่นสะบัดหางกลางอากาศ ต้องการจะปัดกระบี่บินเล่มนั้น แต่กลับไม่ได้ป้องกันกระบี่ที่โดนตบระเบิด กระบี่พลันระเบิดกลายเป็นเปลวเพลิงล่องหน ชั่วพริบตาเดียวก็ลามไปที่หางของมันแล้ว

“อ๋าว!” เฮยทั่นร้องคำรามด้วยความหวาดกลัวไม่หยุด บิดตัวอย่างบ้าคลั่งแต่มิอาจหลุดพ้นจากเปลวเพลิงล่องหนนั้นได้ บึ้ม โหม่งหัวกระแทกลงไปใต้ชั้นน้ำแข็งอีกครั้ง หนีเข้าไปอย่างรวดเร็ว

เหมียวอี้ที่ตกลงมาอาศัยก้อนน้ำแข็งที่ปลิวขึ้นมา ถลันตัวไปทางซ้ายทีขวาที เอาเท้าเหยียบลงมาข้างล่างตลอดทาง สุดท้ายก็มายืนอยู่บนพื้นอย่างมั่นคง

ก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่หลายก้อนรอบๆ ร่วงกระแทกพื้นแล้ว

เหมียวอี้ยื่นฝ่ามือออกมา นิ้วทั้งห้ากำหมัดอย่างช้าๆ

ความเคลื่อนไหวใต้ดินพลันเปลี่ยนเป็นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผิวน้ำแข็งแตกระแหงไปทั่ว เห็นหัวเฮยทั่นพุ่งออกมาเป็นระยะ แล้วก็เห็นเฮยทั่นโผล่หางออกมาเป็นระยะอีก พลิกตัวดิ้นรนอยู่ใต้ดินสุดชีวิตๆ ทุ่งน้ำแข็งถูกมันทำลายจนยับเยินเป็นแถบๆ

ปั้ง! ทันใดนั้นเฮยทั่นก็โผล่ขึ้นมาจากพื้นทั้งตัว กลิ้งบนพื้นพลางร้องอย่างน่าอนาถ “ไม่สู้แล้ว ไม่สู้แล้ว ข้ายอมแพ้แล้ว…”

เห็นได้ชัดว่าบนตัวมันถูกเปลวเพลิงล่องหนคลุมไว้ชั้นหนึ่ง ทั้งตัวมีควันดำลอยขึ้นมา

เหมียวอี้ถลันตัวมาตรงหน้ามัน ใช้มือข้างหนึ่งคว้าเขาของมันไว้ แล้วใช้สองแขนดึงมังกรยักษ์ขึ้นมา ควงร่างมหึมาของเฮยทั่นทุ่มพื้นทางซ้ายทีขวาที ก้อนน้ำแข็งกระเด็นกระดอนไปทั่วทิศ

เฟิ่งกับหวงทนมองไม่ได้แล้ว เหี้ยมโหดจนทนมองไม่ได้!

แกร๊งๆๆ…

ทุ่มซ้ำไปซ้ำมาสิบกว่ารอบ จนเฮยทั่นไร้แรงต่อต้านโดยสิ้นเชิง เหมียวอี้ถึงได้หยุด

เฮยทั่นที่นอนเป็นอัมพาตอยู่บนพื้นราวกับงูตายตัวหนึ่ง นอนราบบนพื้นไม่กระดิกกระเดี้ย

เปลวเพลิงล่องหนกลุ่มหนึ่งหลุดออกจากตัวเฮยทั่น กรอกเข้ามาในตัวเหมียวอี้แล้ว จมหายเข้าไปในร่างกายของเหมียวอี้อย่างรวดเร็ว

เหมียวอี้ใช้สายตาเย็นเยียบชำเลืองเฮยทั่นที่ไหม้เกรียมทั้งตัวราวกับขาดใจไปแล้ว จากนั้นหันตัวช้าๆ เดินออกไป เดินตรงไปข้างกายสองพี่น้อง แล้วหยุดกุมหมัดคารวะ “บ้านประสบโชคร้าย เลยเกิดเศษสวะแบบนี้ขึ้น ให้ทั้งสองท่านเห็นเรื่องน่าขบขันแล้ว”

หวงยิ้มเจื่อน กางแขนสองข้างโอบกอดทุ่งน้ำแข็ง เห็นเพียงบนทุ่งน้ำแข็งมีสิ่งที่ควรจะลอยลอยขึ้นมา สิ่งที่ควรจะจมก็จมลงไป ไม่นานก็กลับมาราบเรียบเหมือนเดิม เพียงแต่มีเจ้าตัวดำๆ นอนแน่นิ่งอยู่บนทุ่งน้ำแข็ง

แขกกับเจ้าบ้านคุยกันอีกพักหนึ่ง จากนั้นก็ต่างคนต่างไปทำงานของตัวเอง

เหมียวอี้เดินเข้าไปในจุดลึกของทุ่งน้ำแข็ง แล้วเริ่มเก็บตัวฝึกตนที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์

ส่วนเฮยทั่น หลังจากเหมียวอี้ซ้อมมันอย่างโหดเหี้ยมยกหนึ่ง ก็ไม่สนใจมันอีก ไม่ช่วยรักษาให้มันด้วย ปล่อยให้มัน ‘ตาย’ อยู่อย่างนั้น เป็นเพราะมันจัญไรจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีแนวโน้มจะหันหลังให้เจ้านาย ถ้าไม่ลงโทษหนักๆ สักครั้งก็คงแย่ ครั้งนี้ต้องการให้เฮยทั่นได้รับบทเรียนยาวๆ ให้เฮยทั่นยอมรับความจริงให้ชัดเจน อย่านึกว่ากลายเป็นมังกรแล้วจะทำตามอำเภอใจได้

หลังจากนั้นสามวันเต็มๆ เฮยทั่นถึงได้ลุกขึ้นมาจากอาการบาดเจ็บ ไปยังสถานที่เก็บตัวฝึกตนของเหมียวอี้ เดินกะเผลกไปมาอยู่หน้าโพรงน้ำแข็ง โดนซ้อมจนยอมศิโรราบโดยสิ้นเชิง อยากจะต่อสู้อย่างไรอีกฝ่ายก็จัดให้อย่างนั้น ตั้งแต่ต้นจนจบมันโดนโจมตีจนไม่เหลือแรงโต้ตอบ ถ้าเหมียวอี้จะฆ่ามัน มันก็คงถูกฆ่าไปแล้ว!

เฮยทั่นที่รังแกแม้แต่ตาเฒ่าเทพมังกร เดิมทีรู้สึกว่าตัวเองเจ๋งมาก สามารถไปไหนมาไหนที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ได้ตามอำเภอใจ ข่มเหงรังแกวิญญาณชั่วร้าย โดยทั่วไปไม่มีใครกล้ามีเรื่องด้วย รู้สึกว่าเหมียวอี้ก็ควบคุมตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ทั้งยังคิดจะใช้กำลังครอบครองเทพสตรีคู่นี้ ตอนนี้ห่อเหี่ยวโดยสิ้นเชิงแล้ว

เสียงของเหมียวอี้ดังออกมาจากถ้ำน้ำแข็ง “ยังโดนซ้อมไม่พอใจหรือไง? ไสหัวกลับไปฝึกตนที่ถ้ำมังกร ข้าขอเตือนเจ้าไว้นะ ข้าไม่สามารถพามังกรออกไปได้ ถ้าเจ้ายังกลายร่างเป็นคนไม่ได้ ก็เลิกคิดเลยว่าจะได้ออกไป ไสหัวไป!”

“ก็ได้!” เฮยทั่นตอบอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ แล้วทะยานตัวขึ้นฟ้าเหาะไปทางถ้ำมังกร

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา!

เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’

เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น

เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง

ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง!

หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน

แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น

ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด

ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท