ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – ตอนที่ 86.2 หากข้าเป็นตัวการในการลอบโจมตี… (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

โหย่วฉินเสวียนหย่ากะพริบตา และในขณะที่นางกำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง หลิงเอ๋อร์ก็ส่งเสียงเบาๆ และกระโดดไปที่เตาแล้ว

จู่ๆ ก็มีเปลวไฟพุ่งออกมาจากปลายนิ้วของหลิงเอ๋อร์ และทันใดนั้นก็ปรากฏไฟขึ้นที่ใต้เตา

และพร้อมด้วยการดีดนิ้วของนาง ปลาวิญญาณก็กระโดดออกมาจากทะเลสาบราวกับว่ามันจะกระโดดขึ้นไปลงบนเขียง

แล้วหลิงเอ๋อร์ก็หยิบกริชเวทที่คมกริบออกมา มันเป็นกริชที่ใช้ขจัดความเค็มของปลา นางตบปลาวิญญาณจนหมดสติ จากนั้นก็เริ่มง่วนกับมันอย่างชำนาญ…

โหย่วฉินเสวียนหย่าเดินไปมาอย่างอยากรู้อยากเห็น และลืมเรื่องสำคัญไปชั่วคราว

หลังจากนั้นครึ่งชั่วยามต่อมา…

“ดูดีจัง”

“ศิษย์พี่หญิงลองดูสิเจ้าคะ ทักษะของข้าไม่ด้อยไปกว่าศิษย์พี่หรอกนะ”

“อืม…กลิ่นหอมมาก!”

โหย่วฉินเสวียนหย่าถือตะเกียบหยกคู่หนึ่งในขณะที่ดวงตาของนางเป็นประกายวาววับ

หลิงเอ๋อร์นำโต๊ะเตี้ยที่อยู่ข้างๆ ออกมาแล้วหยิบไหสุราที่ไม่ทำให้คนมึนเมาออกมา จากนั้นนางและโหย่วฉินเสวียนหย่าก็เพลิดเพลินกับปลาและเครื่องดื่มริมทะเลสาบ

ไม่นาน ก็มีเมฆขาวออกมาจากยอดเขาตันติ่ง…

หลิงเอ๋อร์มองไปที่ความสูงของเมฆขาวและกล่าวทันทีว่า “ศิษย์พี่กลับมาแล้ว ศิษย์พี่หญิง ท่านมีเรื่องสำคัญจะคุยกับข้าและศิษย์พี่หรือไม่เจ้าคะ”

“ใช่” ทันใดนั้น โหย่วฉินเสวียนหย่าก็รีบวางตะเกียบลงและลุกขึ้นยืนเพื่อต้อนรับเขา

คราวนี้ หลี่ฉางโซ่วไม่ได้ซ่อนตัว และขับเคลื่อนเมฆมาลอยอยู่เหนือพวกนาง

“ศิษย์พี่! ศิษย์พี่โหย่วฉินมารอท่านอยู่สักพักแล้วเจ้าค่ะ!” หลิงเอ๋อร์ตะโกนบอก

“ศิษย์พี่ฉางโซ่ว” โหย่วฉินเสวียนหย่าทักทายอย่างสุภาพขณะที่โค้งคำนับให้หลี่ฉางโซ่ว

“ศิษย์น้องโหย่วฉิน เจ้าไม่ต้องมากพิธีหรอก” หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับตอบเพื่อคืนมารยาท “ไม่รู้ว่าเจ้ามาหาด้วยเหตุใดหรือ”

โหย่วฉินเสวียนหย่ามองหลี่ฉางโซ่ว และเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับเรื่องค่ายกลเคลื่อนย้ายชีพจรปฐพี จากนั้น นางก็กล่าวว่า “หากมีศัตรูภายนอกโจมตีสำนัก และค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาตกอยู่ในอันตราย ศิษย์พี่ฉางโซ่ว และศิษย์น้องหลิงเอ๋อร์ พวกท่านต้องรีบมุ่งหน้าไปที่หอไป่ฝานทันที มีเส้นทางหนีอยู่ที่นั่น”

“พวกเรายังไม่ได้เป็นเซียน หากพวกเราอยู่ที่นี่ ก็รังแต่จะทำให้เหล่าผู้อาวุโสในสำนักพะวักพะวนเป็นห่วงและไม่มีสมาธิในการต่อสู้อย่างเต็มที่”

หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วและถามว่า “ศิษย์น้องโหย่วฉิน เจ้าได้บอกเรื่องนี้กับบรรดาศิษย์ของยอดเขาต่างๆ แล้วหรือไม่”

“ไม่เจ้าค่ะ…”

โหย่วฉินเสวียนหย่ารู้สึกกระดากอายเล็กน้อย “ข้า…ตัดสินใจมาที่ยอดเขาหยกน้อยก่อนเจ้าค่ะ”

นางกล่าวต่อ “ข้าคิดว่า ข้าจะสามารถขอให้ท่านช่วยข้าไปตามยอดเขาต่างๆ กับข้าเพื่อหารือเรื่องนี้กับบรรดาศิษย์คนอื่นๆ ในรุ่นเดียวกันได้”

หลิงเอ๋อร์กะพริบตาโดยไม่เอ่ยอะไรอีก

หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจด้วยความโล่งอกในใจแล้วเตือนว่า “เจ้าควรเปลี่ยนวิธีการบอกข่าวกับพวกเขา และอย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องค่ายกลเคลื่อนย้ายชีพจรปฐพี”

“ศิษย์น้องโหย่วฉิน เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าจำนวนศิษย์ในรุ่นนี้อาจเข้าร่วมสำนักมาได้เพียงสิบถึงหนึ่งร้อยปีเท่านั้น”

“หากศัตรูภายนอกจงใจวางสายลับไว้ท่ามกลางพวกเขา เช่นนั้นจะไม่เป็นการไปบอกข่าวพวกเขาอย่างชัดเจน ซึ่งจะไม่เท่ากับเป็นการตัดเส้นทางหลบหนีสำหรับบรรดาศิษย์เมื่อศัตรูภายนอกเข้าโจมตีสำนักหรอกหรือ”

โหย่วฉินเสวียนหย่าชะงักงัน จากนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า “สิ่งที่ท่านพูดมานั้นมีเหตุผล ศิษย์พี่ฉางโซ่ว แต่หากท่านไม่ไว้ใจผู้อื่น แล้วท่านจะโน้มน้าวให้พวกเขาเชื่อได้อย่างไรเจ้าคะ”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ความเชื่อใจควรจะมาก็ต่อเมื่อเจ้ารู้จักใครสักคนดีเท่านั้น หากเจ้าไม่รู้จักพวกเขาดีพอ เจ้าจะเชื่อพวกเขาได้อย่างไร เรารู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ และใจมนุษย์ย่อมยากแท้หยั่งถึง”

เขากล่าวต่ออีกว่า “นอกจากนี้ ศิษย์น้องโหย่วฉิน แล้วเหตุใดเจ้าจึงคิดว่าจะไม่มีใครในสำนักของเรากลัวตายและเต็มใจที่จะยอมจำนนต่อศัตรูเพื่อความอยู่รอด”

“แต่…”

โหย่วฉินเสวียนหย่าเงียบงันไปพักหนึ่ง นางไม่รู้ว่าจะหาเหตุผลใดมาโต้แย้ง พร้อมทั้งครุ่นคิดในใจอย่างต่อเนื่อง

หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “พวกเรารู้สึกขอบคุณสำนัก แต่มันก็เป็นแค่พวกเราเท่านั้น พวกเราไม่อาจขอให้คนอื่นเป็นเหมือนพวกเรา เต๋าแห่งฟ้าดินมาจากหัวใจ เต๋าจะเหมาะสมหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับใจมนุษย์เองด้วย น้องโหย่วฉิน เจ้าจะเห็นได้ว่าในโลกนี้ไม่มีคนสองคนที่มีเต๋าเหมือนกันทุกประการ ไม่มีแม้แต่อาจารย์และศิษย์ของเขา”

ในขณะนั้น โหย่วฉินเสวียนหย่าก็กล่าวว่า “ข้ารู้แจ้งแล้วเจ้าค่ะ…”

โหย่วฉินเสวียนหย่าโค้งคำนับให้หลี่ฉางโซ่วอย่างซาบซึ้ง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความชื่นชมขณะกล่าวเบาๆ ว่า “มันเป็นความผิดของข้าเองที่ประมาท ขอบคุณศิษย์พี่ฉางโซ่วที่เตือนข้าเจ้าค่ะ”

“ศิษย์พี่ โปรดสอนข้าว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรดีเจ้าคะ”

“ศิษย์น้องหญิง ไม่ต้องมากพิธีหรอก” หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับตอบนาง แต่แอบสรุปในใจ

ในการจัดการกับคนอย่างตัวอันตรายผู้นี้ การให้เหตุผลกับนางนั้นได้ผลอย่างน่าประหลาด…

หลี่ฉางโซ่วยิ้มแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าอยากแจ้งให้ศิษย์ของยอดเขาต่างๆ รับรู้ล่วงหน้า เหตุใดเจ้าไม่เปลี่ยนคำพูดของเจ้า แค่บอกให้พวกเขารีบไปที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์เพื่อซ่อนตัว หากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นในสำนัก”

“และเมื่อถึงเวลานั้น เจ้าจะนำทางพวกเขาไปที่หอไป่ฝานซึ่งมันจะดีกว่าที่จะให้ทุกคนรีบไปที่หอไป่ฝานพร้อมๆ กัน”

ดวงตาของโหย่วฉินเสวียนหย่าเป็นประกายขณะกล่าวเบาๆ ว่า “นั่นสิเจ้าคะ หากไม่ใช่เพราะคำแนะนำของศิษย์พี่…”

“ศิษย์น้องหญิงโหย่วฉิน เจ้าเพียงแค่กังวลเล็กน้อย ไม่เช่นนั้น ความคิดเช่นนี้เจ้าก็นึกออกได้”

หลี่ฉางโซ่วตัดบทอย่างแนบเนียนก่อนจะทำท่าทางเชิญชวน “เราไม่ควรปล่อยให้เรื่องนี้ล่าช้าไป ศิษย์น้องหญิงโหยวฉิน เราช้าต่อไปอีกไม่ได้แล้ว”

“เจ้าค่ะ ” โหย่วฉินเสวียนหย่าพยักหน้าเบาๆ แล้วโค้งคำนับให้หลี่ฉางโซ่ว จากนั้นจึงรีบขับเคลื่อนเมฆไปยังยอดเขาพิชิตสวรรค์

แน่นอนว่า นางได้ไปหารือเรื่องนี้กับผู้อาวุโสแห่งหอไป่ฝานเพื่อเตือนพวกเขาไม่ให้ปล่อยข่าวให้รั่วไหลออกไป

หลังจากได้ยินคำแนะนำของศิษย์พี่ฉางโซ่ว…

เป็นไปได้มากว่า…มีสายลับอยู่จริง!

ในเวลานี้ ที่ริมทะเลสาบ หลิงเอ๋อร์กะพริบตาให้หลี่ฉางโซ่วในขณะที่หลี่ฉางโซ่วยิ้มให้นางแล้วขับเคลื่อนเมฆไปที่หอโอสถ

ไม่นานหลังจากนั้น

ขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วนั่งอยู่ที่โต๊ะในห้องลับใต้ดินของหอโอสถ

เขาเล่นกับแหวนขุมทรัพย์ซึ่งมีตราประทับของเจ้าสำนักที่ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนเพิ่งมอบให้เขาขณะที่จ้องไปที่แผนที่ภูมิประเทศที่เขาวาดเอาไว้ก่อนหน้านี้บนโต๊ะเรียบตรงหน้าของเขา

มีสมุนไพรพิษจำนวนมากอยู่ในแหวน มันน่าจะเป็นรางวัลจากสำนักที่มอบให้กับผู้อาวุโสว่านหลินหยุน

เขาได้รับยาพิษและยาสลบจำนวนหนึ่งจากผู้อาวุโสว่านหลินหยุนอีกครั้ง…

หลี่ฉางโซ่วจึงตัดสินใจตอบแทนคืนความเมตตานี้ด้วยการตัดสินใจใช้ยาพิษชุดนั้นเพื่อเป็น ‘กองทุนสาธารณะ’ โดยใช้ยาพิษเหล่านี้กับยามที่กำลังแอบเฝ้าดูอยู่ลับๆ

บัดนี้…

หลี่ฉางโซ่วเคาะนิ้วของเขาลงบนโต๊ะและเริ่มวิเคราะห์

หากข้าเป็นคนผู้นั้น ข้าจะเลือกลอบโจมตีฉับพลันจากทิศทางใด

ครึ่งปีต่อมา ห่างออกไปทางตะวันตกเฉียงเหนือสามพันลี้จากสำนักตู้เซียน

ในขณะนั้น ก็มีเงาสีดำบินเข้ามาใกล้พื้นดินและพุ่งผ่านหุบเขาแห้งแล้งรกร้างไปอย่างรวดเร็ว แต่คนเหล่านั้นล้วนไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีใยแมงมุมอยู่บนหินที่ด้านข้างของหน้าผา ซึ่งลอยอยู่เบาๆ ในสายลม

และในเวลาเดียวกัน พวกมันก็เคลื่อนตัวไปยังป่าทึบที่อยู่ห่างออกไปสามร้อยลี้

ขณะนั้น กล่องไม้ที่ฝังอยู่ใต้ต้นไม้ถูกผลักเปิดออกเบาๆ และตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ถูกคลุมด้วยผ้าก็กระโดดออกมาและใช้เวทหลีกรุกข์เร้นกายเพื่อเจาะเข้าไปใน…ลำต้นของต้นไม้โบราณที่อยู่ข้างๆ ทันที

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท