หลี่ฉางโซ่วเพียงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นการลอบพบกันลับๆ ของผู้อาวุโสกั๋ว และปีศาจอีกา
เพราะเขารู้มาตั้งแต่ชาติก่อนแล้วว่า สิ่งที่ซับซ้อนที่สุดเป็นอันดับสองของโลกนี้คือ หัวใจมนุษย์
แต่มันย่อมไม่สมเหตุสมผลที่จะบอกว่าร่างที่ปรากฏขึ้นกลางดึกนั้นเป็น ‘ปีศาจอีกา’
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วเพียงใช้ใยแมงมุมสองตาและพลังสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาเพื่อสังเกตสถานที่นั้นจากระยะไกล
นอกจากจะรู้ว่า ‘สิ่งนั้น’ อยู่ในขอบเขตพลังเซียนเสิ่นระดับต้นแล้ว เขาก็ยังไม่อาจตัดสินได้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้บำเพ็ญปีศาจหรือไม่
อาจเป็นไปได้ว่าอีกาในตอนนี้เป็นเพียงภาพลวงตาและเป็นวิธีการเปลี่ยนรูปประเภทหนึ่ง
ผู้อาวุโสกั๋วก้มศีรษะลงและรายงานอยู่ครู่หนึ่งในขณะที่ร่างนั้นพยักหน้าอย่างรวดเร็วแล้วโยนเหรียญทองสองเหรียญและกระดาษยันต์ลงไปบนพื้น จากนั้นก็กลายร่างเป็นอีกาอีกครั้ง และบินจากไปเงียบ ๆ แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตา…
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอย่างรอบคอบอยู่ครู่หนึ่ง เพื่อความปลอดภัยของเขาแล้ว เขาจึงไม่ได้ติดตามเรื่องนี้ต่อ
หลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วยาม หลี่ฉางโซ่วก็ใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายหนีออกจากป่าที่อยู่ห่างออกไปนับร้อยลี้และแอบไปที่ใต้ดินของวิหารแห่งนั้นเงียบๆ
หากมองจากอีกมุมมองหนึ่ง ‘น่าตื่นตกใจ ในยามราตรี ท่านเทพแห่งท้องทะเลแอบย่องเข้าไปในวิหารของเขาและยื่นมือเข้าไปยุ่งกับนักพรตของวิหาร!’ ช่างเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นระทึกใจนัก
เขายังต้องพิจารณาถึงความเป็นไปได้ว่า อีกฝ่ายหนึ่งจะเผยตัวให้เขาเห็นเพื่อจงใจหลอกล่อเขาให้เข้าไปติดกับดัก ดังนั้น ในเวลานี้ หลี่ฉางโซ่วจึงระมัดระวังการกระทำของเขาเป็นอย่างยิ่ง
เขาไม่ได้ปรากฏตัวโดยตรง แต่อยู่ใต้ดิน และใช้เล็บเพื่อโปรยผงสลายพลังเซียนบนพื้นเบาๆ และทำให้ผู้อาวุโสกั๋วที่กำลังหลับใหล หลับสนิทขณะที่ถือเหรียญทอง และจากนั้นเขาก็หมดสติไป
หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ทำพิธีกรรมด้วยเชือกที่บางพอๆ กับเส้นผมออกมา
เชือกนั้นยืดออกไปเองและคืบคลานออกมาจากพื้นอย่างเงียบๆ ก่อนจะเข้าพันรอบหน้าผากของผู้อาวุโสกั๋ว
ทักษะการค้นหาวิญญาณ กลยุทธ์ฝันหมอก
วิธีนี้อาจทำให้ผู้ถูกร่ายเวท ตกสู่ความฝันและเปิดเผยความทรงจำของเขาในความฝันอย่างเต็มที่ แต่ข้อเสียคือใช้ได้เฉพาะกับผู้ที่มีขอบเขตพลังด้อยกว่าเท่านั้น จึงเรียกได้ว่าเป็นวิธีย่อย
หลังจากนั้นไม่นาน หลี่ฉางโซ่วก็อ่านเรื่องราว ‘ชีวิตแสนลำเค็ญ’ ของผู้อาวุโสกั๋วจบ เขาก็ใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายเพื่อแอบหนีไปเงียบๆ โดยไม่อยู่ที่นี่นานมากเกินไป
ในเวลาเดียวกัน ยังมีอีกอย่างก่อนจะจากไปคือ เขาไม่ลืมที่จะโยนยาแก้เมาค้างออกไปให้สักเล็กน้อยซึ่งจะส่งผลให้พลังของผงสลายพลังเซียนเป็นกลางเพื่อให้ผู้อาวุโสกั๋วตื่นขึ้นตามปกติในวันพรุ่งนี้…
เวลานี้เขาเดินทางเงียบๆ อย่างไร้ร่องรอย
หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ค้นพบป่าภูเขารกร้างแห้งแล้งและทำให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์หยุดเคลื่อนไหวใต้ดินก่อนจะเริ่มแยกแยะข้อมูลมากมายที่ได้รับมาจากผู้อาวุโสกั๋ว
ผู้อาวุโสกั๋วผู้นี้…
ภายนอก เขาเป็นคนที่รับผิดชอบจุดธูปที่วิหารสำนักเทพทะเล ทว่าความจริงแล้ว เขาเป็นคนของทั้งเจ็ดสำนักที่อยู่ภายในระยะสามพันลี้ เช่น ‘สำนักเทพอีกา’ ‘สำนักบุรุษสตรี’ ‘สำนักเทพโบราณ’ ‘สำนักเพชฌฆาตใหญ่’ และอื่นๆ
หลี่ฉางโซ่ว เทพแห่งท้องทะเล รู้สึกว่า…ช่างน่าประทับใจยิ่งกับคนทรยศอย่างเขา
หากมีคนทรยศเช่นผู้อาวุโสกั๋วมากขึ้นกว่านี้ เช่นนั้น หลี่ฉางโซ่วยังต้องพยายามอย่างหนักเพื่อทำลายสำนักของเขาเองอีกหรือไม่
อีกาในตอนนี้คือทูตเทวะแห่งสำนักเทพอีกาซึ่งสั่งให้ผู้อาวุโสกั๋วเฝ้าตรวจสอบติดตาม ‘คนแปลกหน้า’ ที่มาปรากฏขึ้นที่นี่…
ความขัดแย้งระหว่างสำนักที่หลี่ฉางโซ่วสัมผัสได้ก่อนหน้านี้คือ สำนักเทพอีกาและสำนักเทพทะเลกำลังต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงเครื่องสักการะและอาณาเขตโดยสำนักเทพอีกาเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน
หลี่ฉางโซ่วต้องคิดพิจารณาถึงปัญหาที่ร้ายแรงมาก
แกนหลักของสำนักเทพทะเลทั้งหมดคือ ชาวบ้านในหมู่บ้านสง ซึ่งเต็มไปด้วยทูตเทวะและมีชาวบ้านที่แข็งแกร่งหลายร้อยคนกำลังวิ่งไปรอบๆ
พวกเขาใช้ทะเลเพื่อแสดงความดีงามของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ใช้กล้ามเนื้อเพื่อส่งเสริมหลักคำสอนของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล และใช้หมัดของพวกเขาเพื่อแสดงพลังของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล…
หลี่ฉางโซ่วไม่เคยสนใจสถานที่นั้นมาก่อน เขาไม่เคยปรากฏในความฝันของผู้ใดหรือเป็นผู้เผยแผ่ให้หลักคำสอนใดๆ มาก่อน
ชาวบ้านในหมู่บ้านสงเหล่านี้ อาศัยสิ่งใดไปต่อสู้กับสำนักเหล่านี้ที่มีทูตเทวะเซียนเสิ่น
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกมึนงงสับสนในเรื่องนี้ และอดสงสัยไม่ได้ว่ามีคนต้องการทำให้ท่านเทพแห่งท้องทะเลยิ่งใหญ่มากขึ้นก่อนที่จะฆ่าเขา!
ผู้อาวุโสกั๋วรู้ข้อมูลภายในของสำนักเทพทะเลมากมาย
แม้ผู้อาวุโสกั๋วจะเป็นเพียงคนหนึ่งที่ดูแลการจุดธูปที่วิหารและรับงานนอกเวลาถึงเจ็ดงาน แต่เขาก็ยังมีความทะเยอทะยานที่จะปีนป่ายไปถึงระดับสูงจนกลายเป็นทูตเทวะ!
ในเรื่องนี้…หลี่ฉางโซ่วอยากแสดงจิตวิญญาณของเขาสักครั้ง และเริ่มส่งเสริมผู้อาวุโสกั๋วผู้นี้ ทำให้เขาอยู่ในตำแหน่งที่ช่วยให้ทำลายสำนักเทพทะเลได้ง่ายขึ้น
แค่กๆ นี่ไม่ใช่เรื่องตลกอีกต่อไปแล้ว
หลี่ฉางโซ่วมุ่งหน้ามาที่นี่เพื่อจะปล่อยให้สำนักเทพทะเลล่มสลายไปตามธรรมชาติ เขาต้องการกำจัดกรรมนั้นและกวาดล้างอันตรายที่ซ่อนเร้นอยู่นี้
กระบวนการนี้ไม่อาจก่อให้เกิดสงครามระหว่างสำนักในโลกมนุษย์ได้ เขาไม่สามารถสร้างกรรมร้ายและยังต้องหลีกเลี่ยงการบรรลุผลตรงกันข้ามที่จะทำให้สำนักเทพทะเลเติบโตต่อไปอีก
ก่อนมาถึงที่นี่ หลี่ฉางโซ่วก็ได้คิดแผนการเอาไว้หลายอย่างแล้ว
และวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพมากที่สุดก็คือ การคิดหาวิธีที่จะทำให้เทพทะเลทักษิณพ่ายแพ้ ‘รัศมีแห่งเทพ’ ของเขา
นั่นจะทำให้ผู้แสวงบุญมนุษย์เหล่านี้รู้สึกว่าพวกเขาศรัทธาเทพที่ผิด
เขาจะทุ่มสุดตัวเลย!
ในเวลานี้ หลี่ฉางโซ่วได้เรียนรู้ว่า อีกเพียงสามวันต่อมา จะมีพิธีการเฉลิมฉลองเทพเจ้าแห่งท้องทะเลอย่างยิ่งใหญ่ใน ‘เมืองอันสุ่ย’
เนื่องจากผู้อาวุโสกั๋วมีหน้าที่เผาเครื่องหอมที่วิหารซึ่งอยู่ค่อนข้างไกล เขาจึงไปงานในคราวนี้ไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ตามข้อมูลที่ได้รับจากผู้อาวุโสกั๋ว จะมีคนสำคัญหลายคนของสำนักเทพทะเลและผู้แสวงบุญนับหมื่นมารวมตัวกันที่เมืองอันสุ่ยเพื่อจัดพิธีบูชาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลอันยิ่งใหญ่!
มันเป็นโอกาสที่ดียิ่ง และเมื่อถึงเวลานั้น หากหลี่ฉางโซ่วเอาชนะ ‘คนสำคัญ’ ของสำนักเทพทะเลได้ด้วยตนเองโดยที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของเขาปรากฏขึ้นและทำลายรูปปั้นที่นั่น…
นี่ย่อมพิสูจน์ได้ว่าเทพแห่งท้องทะเลไม่มีอยู่จริง
และหลังจากนั้น หากมีเหตุการณ์เดิมเกิดขึ้นอีกสักสองสามครั้ง สำนักเทพทะเลก็จะล่มสลายไปเองตามธรรมชาติ!
แม้แผนจะเรียบง่ายและไม่ต้องเผชิญกับปรมาจารย์คนใด แต่หลี่ฉางโซ่วก็ยังไม่กล้าประมาทแต่อย่างใด…
เขาจะต้องสอบสวน วางแผน พิจารณาและจัดเตรียมรายละเอียดอย่างรอบคอบ!
เมื่อลงมือโจมตี ข้าก็จะทำลายเทพทะเล!
และหลี่ฉางโซ่วก็เริ่มลงมือในคืนนั้น
เขาวนไปรอบอาณาเขตของสำนักเทพทะเลก่อนอย่างรวดเร็ว แล้วกวาดพลังสัมผัสเซียนรับรู้ออกไปตรวจสอบวิหารทุกแห่งของสำนักเทพทะเล
สองวันก่อนพิธีบูชาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล หลี่ฉางโซ่วก็มาถึงใกล้เมืองอันสุ่ย และตรวจสอบรายละเอียดของทูตเทวะที่นั่น นอกจากนี้ เขายังแอบพยายามทดสอบชาวบ้านในหมู่บ้านสงอย่างลับๆ อีกด้วย
ในเวลานี้ หลี่ฉางโซ่วแน่ใจแล้วว่า ‘ทูตเทวะ’ ของเขาเป็นคน ‘ธรรมดา’ มากที่สุดซึ่งมีพลังมากมาย และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีฐานพลังการฝึกฝน แต่ก็อยู่เพียงในขอบเขตหลอมรวมปราณ และขอบเขตสร้างปราณวิญญาณเทพเท่านั้น…
หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วยังคงตรวจสอบเพื่อค้นหาข้อบกพร่องในแผนของเขา
เพื่อป้องกันไม่ให้พิธีการเฉลิมฉลองเทพเจ้าแห่งท้องทะเลถูกสำนักเทพอีการบกวน เขาจึงได้ซ่อนตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ‘สวรรค์’ ทั้งสองตัวเอาไว้นอกเมืองอันสุ่ยซึ่งพร้อมที่จะโจมตีได้ตลอดเวลา
หากสำนักเทพอีกามาก่อปัญหา ก็ย่อมจะนำไปสู่ศึกสู้ระหว่างสำนักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และบางทีอาจมีการนองเลือด ซึ่งจะเป็นการเพิ่มกรรมร้ายให้ข้า เทพเจ้าแห่งท้องทะเลผู้นี้
ดังนั้น เขาต้องคอยระวังให้ดี
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็แอบตรวจสอบผู้บำเพ็ญที่อาจเกี่ยวข้องกับสำนักเทพทะเล
และในท้ายที่สุด เขาก็พบว่าธิดาแห่งทูตเทวะจากสำนักเทพทะเลได้ไปที่แดนอมตะทางตอนเหนือและกลายเป็นศิษย์ของเซียนผู้หนึ่ง นางน่าจะเป็นสตรีสาวจากหมู่บ้านสงที่เข้าสู่สำนักเซียนในดินแดนเทวะมัชฌิมา
และหลี่ฉางโซ่วก็อดนึกถึงเด็กสาวนาม สงหลิงลี่ซึ่งมีรูปร่างดุจหอคอยเหล็กไม่ได้…
แต่เขาก็มีเวลาน้อย ไม่อาจยืนยันได้
อย่างไรก็ตาม ศิษย์ที่เพิ่งเข้าร่วมสำนักเซียนมาเพียงสองสามปี ย่อมไม่อาจทำอะไรได้มากนัก…แม้เขาจะต้องพิจารณาถึงเรื่องนี้ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลมากจนเกินไป
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา หลี่ฉางโซ่วยังคงฉวยประโยชน์จากรายละเอียดและช่องโหว่เพื่อพยายามทำให้แผนการของเขาสมบูรณ์แบบ
เขาเตรียมการสำหรับสถานการณ์ทั้งหมดที่เขาพิจารณาได้อย่างระมัดระวัง
คราวนี้ มันน่าจะมั่นคง…
แค่กๆ จะพูดเรื่องแบบนี้เร็วเกินไปไม่ได้
ในขณะนี้ ข้าไม่อาจประมาทหรือมองข้ามความเป็นไปได้ที่ไร้สาระใดๆ ออกไป…
และในคืนก่อนพิธีเทพทะเลในเมืองอันสุ่ย
เวลานี้ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในลานเล็กๆ ที่เขาเช่าอยู่ กำลังดำดิ่งอยู่ในห้วงแห่งความคิด
พิธีถูกจัดขึ้นในช่วงเช้าตรู่ และการเฉลิมฉลองจะใช้เวลาหนึ่งวันและหนึ่งคืน
เวลานี้ เนื่องจากมีศิษย์ของสำนักเทพทะเลหลั่งไหลเข้ามาในเมืองอันสุ่ยมากเกินไป จึงมีผู้คนหนาแน่นมาก ทำให้ทั้งถนนและตรอกซอกซอยต่างๆ ล้วนคึกคักขึ้นมาเป็นพิเศษ
ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วยังตรวจไม่พบภัยคุกคามใดๆ ภายในรัศมีพันลี้
และหลังจากเฝ้าระวังอยู่ครึ่งคืน บัดนี้ มาถึงยามอรุณรุ่งดวงอาทิตย์กำลังขึ้นแล้ว
ในขณะนั้น เมืองนี้ล้วนเต็มไปด้วยเสียงอึกทึกท่ามกลางเสียงฆ้อง กลองลั่น และเสียงของผู้คน ทั้งยังมีผ้าหลากสีสันที่ถูกแขวนเอาไว้ทุกที่
รูปปั้นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลสูงสองจั้งถูกทูตเทวะที่แข็งแกร่งแปดคนของหมู่บ้านสง ย้ายออกไปจากวิหาร และเริ่มขบวนแห่ไปตามถนนเพื่อแสดงถึงการดำรงอยู่ของพวกเขา……
มีสานุศิษย์จำนวนนับไม่ถ้วนแห่กันมารายล้อมรูปปั้นนี้ และผู้คนทุกเพศวัยต่างก็รีบเคลื่อนเข้ามาถวายเครื่องสักการะบูชากัน
หลี่ฉางโซ่วสัมผัสได้ชัดเจนว่าบุญเครื่องสักการะของเขาเพิ่มขึ้นมาเพียงเล็กน้อย!
หากตอนนี้ ข้าเป็นเซียนต้าหลัวจิน บุญนี้ย่อมจะถูกหัวเราะเยาะอย่างแน่นอน
แย่จริง…หลี่ฉางโซ่วลอบถอนหายใจ แต่ไม่รู้สึกเสียดายเลย
เมื่อเทียบกับบุญแล้ว ชีวิตคือพื้นฐาน
ยังคงเป็นส่วนของงานเฉลิมฉลองที่พวกเขาจะเดินขบวนแห่ไปตามถนน และเมื่อวางรูปปั้นลงนอกเมือง เหล่าสานุศิษย์ก็มารวมตัวชุมนุมกัน…
และนั่นเป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่สุดที่เขาจะลงมือโจมตี!
หลี่ฉางโซ่วยังคงเฝ้าติดตามตรวจจับสภาพแวดล้อมของเขาต่อไป แม้เขาต้องการจะจัดการกับมนุษย์ แต่หลี่ฉางโซ่วก็ยังระวังอย่างยิ่ง
ในเวลาเดียวกันนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วก็ไม่อาจใช้พลังสัมผัสเซียนรับรู้ตรวจจับสถานที่ได้…
ทะเลทักษิณอยู่ห่างจากเมืองอันสุ่ยไปสองพันลี้
ในขณะนั้น มีเรือสมบัติที่ล้อมรอบด้วยแสงเซียน กำลังล่องลอยไปบนพื้นผิวทะเลอย่างนุ่มนวล เรือสมบัตินี้ดูเหมือนเปลือกหอย แต่จริงๆ แล้ว มันมีเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งร้อยจั้ง
ที่ขอบเรือสมบัตินี้ มีกลุ่มทหารเซียนมังกรจากวังมังกรทะเลทักษิณยืนอยู่
เพื่อสร้างความบันเทิงอย่างดีให้กับอ๋าวอี่ และหานจื่อ องค์ชายรองของวังมังกรทะเลทักษิณ อ๋าวโหมวได้ส่งองครักษ์ส่วนตัวของเขาไปเป็นผู้คุ้มกัน
มีเซียนมังกรวารีหลายร้อยตัวล้วนอยู่ในขอบเขตเซียนเสิ่นระดับสูง!
ทหารเซียนมังกรประเภทนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสิ่งที่เพิ่มพูนศักดิ์ศรีของวังมังกร
เป็นเรื่องยากที่ศาลสวรรค์จะรวบรวมเซียนเสิ่นจำนวนมากเพื่อมาใช้เป็นอาวุธได้
ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ อ๋าวโหมวได้พาอ๋าวอี่ และหานจื่อไปเที่ยวเล่นในทะเลทักษิณอย่างมีความสุข
พวกเขาเยี่ยมชมเกาะอมตะในทะเล และชื่นชมทัศนียภาพที่ก้นทะเล เยี่ยมชมสระสมบัติของวังมังกร และค้นหาดินแดนลึกลับของชนเผ่าทะเล
และหานจื่อก็อารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน
การได้เห็นอาจารย์ของนางที่เลี้ยงดูนางมาต้องโชคร้ายเช่นนั้น ทำให้นางต้องทนทุกข์ทรมานคล้ายกับความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนในครอบครัว ซึ่งต้องใช้เวลาสักระยะกว่าที่นางจะฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์ และขณะนี้ นางกำลังลอยอยู่ในทะเลเพราะรู้สึกเบื่อจริงๆ
ในเวลานี้ หานจื่อกำลังคุยเรื่องดนตรีกับเหล่านักดนตรีหญิงสองสามคนจากชนเผ่าทะเล ซึ่งอยู่ในขอบเขตเซียนหยวน
ขณะนี้กลุ่มสตรีสาวทะเลแสนสวยกำลังร่ายรำกันอย่างสง่างาม แต่องค์ชายรองทั้งสองแห่งวังมังกรกำลังยืนอยู่ที่หัวเรือและมองดูดินแดนทางเหนือโดยไม่ได้ชื่นชมท่วงท่าร่ายรำของสาวทะเลเหล่านี้…
ในเวลานี้ อ๋าวอี่ได้กล่าวถึงชะตากรรมของเผ่ามังกร และอ๋าวโหมวก็ถอนหายใจพลางกล่าวถึงความคิดเห็นของเขาเองอย่างน่าฟัง
ก่อนที่เขาจะอายุสิบขวบ อ๋าวอี่ก็รู้สึกว่าทุกคนล้วนมัวเมาในขณะที่เขามีสติ
เมื่ออ๋าวอี่อายุสิบเอ็ดหรือสิบสองปี เขาก็พบว่ามีคนมากมายรอบตัวเขาที่แกล้งทำเป็นมัวเมา
แต่ตอนนี้ อ๋าวอี่เข้าใจมานานแล้วว่า กลุ่มคนจำนวนมากมายนั้นล้วนตระหนักถึงปัญหาของเผ่ามังกร แต่พวกเขาไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย
ทว่าก็ยังมีคนที่ไม่ค่อยกังวลในเรื่องสำคัญนั้นมากเท่าใด พวกเขาเป็นมังกรที่ใช้ชีวิตอย่างมึนเมาและเพ้อฝันไปทั้งวันจริงๆ
และอ๋าวโหมวก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
อ๋าวอี่เอามือไพล่หลัง เขาเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์หล่อเหลา ดูเป็นผู้ใหญ่และมั่นคงหลังจากอ่อนใจไปกับความเป็นจริง
“เมื่อใดที่เผ่าพันธุ์ของเราจะทะยานเหนือเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าและผงาดขึ้นมาอย่างภาคภูมิท่ามกลางหลายร้อยเผ่าพันธุ์ได้อีกครั้ง”
“พี่รอง ท่านกังวลมากเกินไปแล้ว” อ๋าวโหมวยิ้มแล้วกล่าวว่า “มีชีวิตอยู่แบบนี้ไม่เหนื่อยหรือ คนรุ่นเก่าคงคิดถึงสิ่งที่เราคิดไว้นานแล้ว พวกเขาจะทำทุกอย่างที่ทำได้อย่างแน่นอน เราแค่อย่าไปกังวลอะไรอย่างไร้ประโยชน์”
“ข้าจะรู้ได้อย่างไร หากไม่พยายาม” อ๋าวอี่ถอนหายใจเบา ๆ และกำลังจะกล่าวต่อ ทว่าทันใดนั้นเขาก็เห็นเมฆลอยขึ้นมาจากทางทิศเหนือ
เมฆมีเสี้ยวลำแสงสีทองและจางหายไปในท้องฟ้าอย่างเงียบๆ…
อ๋าวอี่กล่าวว่า “มีอันใดกัน”
“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน” อ๋าวโหมวหันกลับมาแล้วตะโกนว่า “อัครเสนาบดีเต่า มาอธิบายเดี๋ยวนี้!”
เซียนเต่าที่รอคำสั่งอยู่ไม่ไกลก็รีบปรี่มาทันที เขาแบกกระดองเต่าเอาไว้บนหลังและพยุงตัวเองด้วยไม้เท้า ขณะมองไปข้างหน้าและตอบว่า “ทูลฝ่าบาท นั่นคือปรากฏการณ์ที่เกิดจากเมฆบุญ เมื่อมนุษย์บูชาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลในทะเลทักษิณ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สำนักเทพทะเลได้ปรากฏตัวขึ้นในทะเลทักษิณและพัฒนาไปอย่างรวดเร็วยิ่ง พวกเรายังแอบสอบสวนอยู่ลับๆ ข้าสงสัยว่า เทพแห่งท้องทะเลนั้นคือผู้ใดกัน”
“โชคดี และชะตาดีมาก…เยี่ยมมากจริงๆ”
ดวงตาของอ๋าวอี่เต็มไปด้วยอารมณ์ในขณะที่เขาฝืนยิ้มขื่น
ทว่าเมื่ออ๋าวโหมวเห็นเช่นนั้น เขาก็บันดาลโทสะทันที
“แม้แต่ข้า ที่เป็นองค์ชายผู้ยิ่งใหญ่แห่งวังมังกรทะเลทักษิณ ก็ยังไม่กล้าเรียกตัวเองว่าเทพแห่งท้องทะเลเลย! พวกเจ้า เปิดใช้งานกองทัพของเจ้า! แล้วตามข้าไปในที่ผิดปกตินั้นสิ! ข้าอยากไปดูว่าเทพแห่งท้องทะเลของสำนักเทพทะเลนี้เป็นผู้ใดกัน!
อัครเสนาบดีเต่าอยากพูดอะไรบางอย่าง ทว่ายังลังเล แต่เหล่าแม่ทัพของทหารเซียนมังกรวารีที่อยู่ใกล้เคียงต่างก็น้อมรับบัญชาพร้อมเพรียงกันแล้ว