ความจริงแล้ว แม้แต่หลี่ฉางโซ่ว ผู้เป็นเทพแห่งท้องทะเล ก็ยังรู้สึกว่าพิธีเทพแห่งท้องทะเลในเมืองอันสุ่ย…ทำได้ดีทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเป็นเรื่องยากมากที่จะรวบรวมเหล่าสานุศิษย์จำนวนมากเช่นนี้ได้ในสถานที่ชายแดนโลกมนุษย์ของทะเลทักษิณ
แม้จะมีคนจำนวนมากทั้งในและนอกเมืองจนดูวุ่นวายเล็กน้อยในคราแรก แต่ก็ไม่ได้ลุกลามจนกลายเป็นก่อจลาจลหรือก่อความไม่สงบใดๆ เกิดขึ้นในที่ใด เหล่าสานุศิษย์ต่างรักษาความสงบเรียบร้อยด้วยตัวของพวกเขาเองตามธรรมชาติ…
เพียงเรื่องนั้นอย่างเดียวก็หาได้ยากมากแล้ว
แต่มันก็ยังไม่ได้ทำให้หลี่ฉางโซ่วมีความประทับใจที่ดีต่อสำนักเทพทะเล…
อดีตหัวหน้าหมู่บ้านสง คือ หยางหยาง เป็นนักพรตชั้นสูงแห่งสำนักเทพทะเลคนปัจจุบัน ซึ่งสวมเสื้อคลุมหนังหมีสีดำ นั่งอยู่บนบัลลังก์ปิดทองที่ถูกชายฉกรรจ์สี่คนหามขึ้นบนเวที…
หัวหน้าหมู่บ้านสงแข็งแกร่งมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว และภาพเหตุการณ์นี้ก็ดูเหมือน วิญญาณหมีดำถูกหามออกจากเมือง!
หลี่ฉางโซ่วเงียบงัน…
เป็นไปตามคาด แน่นอนว่า เขาต้องทำลายสำนักเทพทะเลโดยเร็วที่สุด
ในเวลานี้ รูปปั้นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลได้ถูกย้ายไปอยู่บนเนินเขานอกเมือง ห่างจากตัวเมืองไปสิบลี้ เหล่าสานุศิษย์หลายแสนคนในเมืองล้วนตามออกมา
หลี่ฉางโซ่วยังคงกวาดพลังสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาออกไปครอบคลุมสถานที่นี้ต่อไปเงียบๆ และในไม่ช้าเขาก็ค้นพบภาพที่น่าสนใจบางอย่าง
ระหว่างทางนั้น มีเด็กสาวแสนงามกำลังจับมือกันร้องเพลง
ในขณะนั้น บรรดาชายหนุ่มที่แข็งแกร่งและเต็มไปด้วยพลังล้วนมีจิตใจสดใสเบิกบานเมื่อได้เห็นสตรีที่พวกเขาชื่นชอบ พวกเขาจะเข้าไปหาและกล่าวว่า พวกเขาจะอวดร่างกายที่แข็งแรงและกระชับแน่นไปตลอดทางเพื่อเป็นข้ออ้างในการอ่อยเหยื่อ
การเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่เช่นนี้ยังเป็นโอกาสดีที่ให้คนหนุ่มสาวจะได้ทำอะไรกัน แค่กๆ…ได้พบปะพูดคุย ทำความรู้จักและพัฒนาความสัมพันธ์รักชายหญิงต่อกัน
คนชราที่เดินได้ช้า ก็จะมีชายหนุ่มที่แข็งแรงคอยช่วยพยุงพวกเขาจากด้านข้าง
ส่วนเด็กๆ ที่ซุกซนก็ถูกผู้ใหญ่ของพวกเขากอดเอาไว้แน่น
ท่ามกลางฝูงชนนั้น จะมีสตรีบางคนในชุดกระโปรงยาวและมีท่าทางเคร่งขรึมอยู่ทั่วทุกหนทุกน
พวกนางโปรยกลีบบุปผาและใบไม้สีเขียวที่ปกคลุมไปด้วยน้ำค้างกระจัดกระจายอยู่ในท่ามกลางฝูงชน ซึ่งนั่นเป็นพรจากสำนักเทพทะเล
บรรดาสานุศิษย์ส่วนใหญ่ต่างร้องเพลงเผยแผ่ศาสนาด้วยรอยยิ้มขณะเดินไล่ตามหลังเทพเจ้าแห่งท้องทะเลไปด้วยกัน…
บรรยากาศของงานเฉลิมฉลองทั้งหมดล้วนเป็นไปอย่างกลมกลืนและอบอุ่น
เมื่อวางรูปปั้นเทพเจ้าลงอย่างมั่นคงแล้ว ทูตเทวะแห่งหมู่บ้านสงทั้งแปดต่างก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อที่ออกมามากจากความเหน็ดเหนื่อยและอ่อนเพลีย
พวกเขาปรับลมปราณให้สงบลงอย่างรวดเร็วและกางขาทั้งสองข้างในขณะที่เอาไพล่ไว้ข้างหลัง พวกเขายืนเรียงแถวอยู่ทั้งสองข้างซ้ายและขวาของรูปปั้น
มีชายร่างกำยำมากกว่าร้อยคนจากหมู่บ้านสง พวกเขาล้วนสวมเสื้อแขนสั้นสีดำ กางเกงขายาว ถือดาบขนาดใหญ่ ค้อนคู่ และอาวุธ ‘หนัก’ อื่นๆ ขณะล้อมรอบรูปปั้นนั้น…
“ได้เวลาแล้ว” หลี่ฉางโซ่วพึมพำกับตัวเอง
เขาค่อยๆ หายตัวไปจากลานเล็กๆ และใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายรีบไปที่รูปปั้นเทพเจ้า
ใกล้จะถึงเวลาแล้ว
พลังสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาจดจ่ออยู่กับเหล่าสานุศิษย์ที่กำลังวิ่งตรงไปที่เนินเขา และหลี่ฉางโซ่วทำได้เพียงกล่าวคำขอโทษในใจ
เขาไม่ใช่ปรมาจารย์ผู้สามารถปกป้องสถานที่ทั้งหมดได้ โลกบรรพกาลนั้นกว้างใหญ่และอันตรายเกินไป
บัดนี้ เขาไม่อาจแม้แต่จะรับผลอายุยืนของตัวเองได้ แม้เขาจะยังคงเป็นเทพแห่งท้องทะเลอยู่ต่อไปก็ตาม แต่เขาก็ไม่อาจปกป้องบรรดาสานุศิษย์เหล่านั้นได้จริงๆ
หลังจากได้บุญจากเครื่องสักการะบูชาเหล่านี้แล้ว เขาจะต้องปกป้องผู้ที่บูชาตัวเขาเอง นั่นคือกฎแห่งเต๋าสวรรค์
วันนี้เขาจะทำลายภาพลวงตาเหล่านั้นด้วยตัวเอง…
ปีศาจใหญ่หรือ
ที่ใต้ดิน บัดนี้ หลี่ฉางโซ่วซึ่งกำลังจะปรากฏตัวพลันหยุดกะทันหัน
ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่หลี่ฉางโซ่ววางไว้ในบริเวณรอบนอก ขณะนี้ได้แผ่พลังสัมผัสเซียนรับรู้ออกไปเพื่อตรวจจับภาพเหตุการณ์ประหลาดบนท้องฟ้า
มันมาจริงๆ
พิธีเฉลิมฉลองของสำนักเทพทะเลในครั้งนี้ ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา
เนื่องจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของสำนักเทพทะเล ในปีนี้ พวกเขาจึงเริ่มขัดแย้งกับสำนักอื่นๆ และหลี่ฉางโซ่วก็คาดการณ์ว่างานเฉลิมฉลองในวันนี้จะดึงดูดปีศาจร้ายและภูตผีมาสร้างปัญหาอีกด้วย
นอกจากนี้ หลี่ฉางโซ่วรู้สึกว่าอาจมีร่องรอยของผู้คนจากสำนักบำเพ็ญประจิมที่อยู่เบื้องหลังด้วย
ในวันนี้ จะต้องมีใครบางคนกำลังคิดค้นหาภูมิหลังของสำนักเทพทะเลในระหว่างพิธี…“โชคดีที่ข้าอยู่ที่นี่ ไม่เช่นนั้น ข้าจะต้องได้รับกรรมร้ายมากเพียงใด หากปล่อยให้เริ่มมีการฆ่า”
ในขณะนั้น ภายในหอโอสถของยอดเขาหยกน้อยในสำนักตู้เซียนของดินแดนเทวะบูรพา ร่างหลักของหลี่ฉางโซ่วลืมตาขึ้นและยกมือขึ้นเพื่อคว้ากล่องที่มุมหอโอสถ เขาหยิบยันต์สีดำสามแผ่นที่มีอักขระสีแดงบนพื้นหลังสีดำออกมา แล้วแอบติดไว้ในแขนเสื้อของเขา
หลังจากนั้นเขาก็ร่ายเวทผนึกด้วยมือทั้งสองทันทีและสร้างตราประทับรูปบงกชประจำสำนักตู้เซียน
เสี้ยวลำแสงเซียนทำให้ปราณวิญญาณของเขาเสถียรและเสริมกระแสจิตของเขาที่ส่งไปยังตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์..
ในเวลาเดียวกัน ห่างออกไปราวหนึ่งพันสองร้อยลี้ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองอันสุ่ย มีร่างเงาสีดำสามสายม้วนตัวขึ้นเป็นเมฆสีดำและบินตรงไปยังเมืองอันสุ่ย
เมฆดำนี้ยังคงอยู่ห่างไกล และเหล่ามนุษย์ในเมืองอันสุ่ยก็ยังไม่เห็นมัน ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วค่อยๆ หลับตาลงและส่งกระแสจิตของเขากลับไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์
ทว่าครั้งนี้มันแตกต่างออกไปจากครั้งก่อน
เขาตระหนักว่าปีศาจทั้งสามได้ตัดสินใจโจมตีแล้ว พวกมันไม่ได้ลังเลเลย
เขาได้ครุ่นคิดเรื่องที่ควรพิจารณาต่างๆ ไปแล้ว แน่นอนว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หลี่ฉางโซ่วได้เตรียมการเพียงพอสำหรับการเดินทางไปทะเลทักษิณในครั้งนี้
ในด้านของการป้องกันการสำรวจ เขาได้บรรลุถึงขีดจำกัดสูงสุดที่สามารถทำได้แล้ว
หากตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ต้องพบกับปรมาจารย์คนใด พวกมันจะทำลายตัวเองจนกลายเป็นผงธุลีในทันที
นอกจากนี้ สำนักตู้เซียนเพิ่งประสบภัยพิบัติ ในขณะนั้น ตู้เอ้อร์เจินเหรินจากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินก็ปรากฏตัวขึ้น และสำนักตู้เซียนก็ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋า ทั้งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน สำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย และสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน
แม้ปรมาจารย์เสวียนตู ซึ่งเป็นศิษย์คนแรกของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินจะไม่ปรากฏตัวโดยตรง แต่ก็มีข่าวลือในสำนักตู้เซียนว่า ปรมาจารย์เสวียนตูไปที่เกาะเต่าทองและเตือนสติศิษย์หลักของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย
เมื่อมีคนสนับสนุน จึงทำให้หลี่ฉางโซ่วมีความมั่นใจขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย…และลอบมองดูสำนักบำเพ็ญประจิม…
เขาไม่กล้ามีเรื่องกับพวกเขา แค่มองดูพวกเขาก็ทำให้หัวใจของเขาสั่นสะท้านด้วยความกลัวตั้งแต่แรกแล้ว
เพื่อความปลอดภัย ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ต้องแสร้งทำเป็นเป็นผู้บำเพ็ญมนุษย์ที่เพิ่งผ่านไป
หากเขายอมให้ปีศาจใหญ่ที่อยู่ในขอบเขตเซียนเสิ่นทั้งสามนี้มาขัดขวางการเฉลิมฉลองของเมืองอันสุ่ย จนทำให้มีมนุษย์เสียชีวิต เขาย่อมจะถูกพิจารณาให้ได้รับกรรมร้ายไปด้วยเช่นกัน
และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องเคลื่อนไหวแล้ว
กองกำลังที่อยู่เบื้องหลังปีศาจใหญ่ทั้งสามนั้น ทำร้ายผู้คนมากเกินไป…
ในสายตาของผู้ดำรงอยู่ระดับเซียนเทียนบางประเภท มนุษย์อาจเป็นเพียงวัตถุธรรมที่สามารถให้บุญจากธูปสักการะและกรรม เช่นเดียวกับข้าวและข้าวสาลี
เมื่อถอนจิตเพ่งพุ่งของเขากลับมา หลี่ฉางโซ่วก็เริ่มโจมตีอย่างรวดเร็ว
หลี่ฉางโซ่วหันไปในทิศทางของปีศาจใหญ่ทั้งสาม และควบคุมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ‘เทพ’ และใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายหนีไปได้สามร้อยลี้ และไปปรากฏตัวขึ้นในป่าบนภูเขาที่ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่
เขาใช้ภาพลวงตาและทักษะการแปลงร่างเพื่อปลอมตัวเป็นนักพรตเต๋าชราที่มีท่าทางใจดีก่อน และต่อมาก็ปลอมตัวเป็นนักพรตเต๋าวัยกลางคน
หลังจากนั้น เขาก็ปล่อยตุ๊กตากระดาษต้นกำเนิดห้าตัวก่อนจะรีบตั้งค่าค่ายกลแยกตัวเอาไว้ที่นั่นอย่างรวดเร็ว และเขายังเริ่มเตรียมดูแลเรื่องพิธีลบล้างกรรม
และในทันทีหลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็พุ่งขึ้นไปในอากาศก่อนจะเผชิญหน้ากับเมฆดำทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และสกัดกั้นปีศาจใหญ่ทั้งสามอย่างเต็มที่พร้อมถือกระบี่ยาวเอาไว้ในมือ!