ทูตเทวะแห่งสำนักเทพทะเลได้ปรับปรุงชีวิตของพ่อมดเหล่านั้นและให้พวกเขาได้รับผลประโยชน์
ยิ่งไปกว่านั้น เดิมที พ่อมดเหล่านี้ยังก่อตั้งสำนักเทพทะเลขึ้นมาตั้งแต่แรก และเดิมทีหลี่ฉางโซ่วก็เป็น ‘เหยื่อ’
แล้วเวลาครึ่งเดือนก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้ หลี่ฉางโซ่วสนุกสนานมากอยู่ที่ทะเลทักษิณ และแอบส่งตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์กลุ่มหนึ่งไปเพราะตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ได้ใช้พลังเซียนมากเกินไป
เขาใช้ความพยายามเพื่อวางแผนและขจัดข้อผิดพลาดอย่างเต็มที่
และการทำงานหนักก็ย่อมให้ผลตอบแทนดังหวัง
เวลาครึ่งเดือน ใบหน้าของรูปปั้นมากกว่าครึ่งจากหนึ่งพันเจ็ดร้อยรูปก็ถูกปิดบังเอาไว้แล้ว และจงใจทำให้ใบหน้าของรูปปั้นใหม่ดูไม่ชัดเจนเล็กน้อย
ในตอนแรก รูปปั้นต้องการใบหน้าที่ชัดเจนจริงๆ เพื่อให้ตัดสินได้ว่าจะส่งผ่านบุญจากเครื่องสักการะนั้นไปที่ใด
อย่างไรก็ตาม เมื่อสำนักเทพทะเลได้พัฒนาอย่างมากมาจนถึงจุดนี้ จึงไม่จำเป็นต้องเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงอีกต่อไป
และอ๋าวอี่ก็ไม่ทำให้หลี่ฉางโซ่วผิดหวังเช่นกัน
ในตอนแรก อ๋าวอี่ได้นำกองทหารเซียนมังกรวารีจำนวนสามร้อยนายกลับมา รวมถึงปรมาจารย์เซียนเทียนอีกสองสามคนด้วย
อย่างไรก็ตาม หลี่ฉางโซ่วแอบสั่งการให้ทูตเทวะของหมู่บ้านสงรวบรวมสานุศิษย์อย่างลับๆ อีกครั้ง จากนั้นก็ประกาศว่า อ๋าวอี่เป็นรองเจ้าสำนักและผู้พิทักษ์มังกรคราม ในขณะที่อ๋าวอี่พลันตกตะลึงเล็กน้อยเช่นกัน
หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ให้คำอธิบายและเหตุผลที่เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วกับอ๋าวอี่
ด้วยเหตุที่ทะเลทักษิณอยู่ห่างไกล หลี่ฉางโซ่วจึงไม่สนใจมากนัก และเผ่าพันธุ์มังกรอาจต้องใช้ความพยายามมากขึ้น ดังนั้นจึงสมเหตุผลที่เขาจะให้บุญเพิ่มแก่อ๋าวอี่มากขึ้น
อ๋าวอี่ยอมรับและใช้ยันต์สื่อสารเพื่อขอความช่วยเหลือจากเผ่ามังกรอีกครั้ง
เผ่ามังกรก็ยังสงสัยในเรื่องนี้เช่นกัน แต่ปรมาจารย์จากเผ่าพันธุ์ของพวกเขาผลัดกันคาดคะเนตำแหน่งที่อยู่ของเจ้าสำนักเทพทะเลทักษิณ ทว่าผลที่พวกเขาได้รับทั้งหมดนั้น…คือไม่พบคนผู้นั้น แต่อ๋าวอี่สาบานว่าเขาจะสื่อสารโดยตรงกับเจ้าสำนักเทพทะเล
พวกเขาคิดว่าเขาต้องเป็นปรมาจารย์และยืนยันได้เช่นกันว่าสำนักเทพทะเลมีภูมิหลังของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน…
ดังนั้นวังมังกรทะเลบูรพาจึงส่งปรมาจารย์หกคนและทหารเซียนมังกรวารีหนึ่งพันนายไปประจำการอยู่ที่ชายทะเลทักษิณและกองกำลังของวังมังกรทะเลทักษิณก็สามารถนำพวกเขาไปใช้งานได้ตลอดเวลา
เนื่องจาก อ๋าวอี่ต้องการกลับไปฝึกฝนที่เกาะเต่าทอง เขาจึงไม่อาจอยู่ในโลกมนุษย์ได้นานเกินไป
อ๋าวอี่ได้รับอนุญาตจากหลี่ฉางโซ่วให้จัดปรมาจารย์สองสามคนจากเผ่าพันธุ์มังกรให้ไปเป็นผู้พิทักษ์มังกรที่แท้จริงของสำนักเทพทะเลทักษิณ และพร้อมกันนั้น พวกเขาก็ยังสามารถได้รับบุญเล็กน้อยจากการถวายเครื่องสักการะ
โดยปกติ ผู้พิทักษ์เหล่านี้จะลาดตระเวนพื้นที่และปกป้องเหล่าสานุศิษย์ของสำนักเทพทะเลที่อยู่ในเขตพื้นที่ทะเล
ในอีกด้านหนึ่งนั้น อ๋าวอี่ยังเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น เขาวางแผนขั้นตอนต่อไปสำหรับการเทศนาและเผยแพร่หลักคำสอนของสำนักเทพทะเลอย่างต่อเนื่อง และมุ่งมั่นว่าจะพัฒนามันให้เติบโตในสามสิบปีและให้แพร่หลายกระจายไปทั่วเขตแดนทะเลทักษิณในอีกสามร้อยปี!
หลี่ฉางโซ่วยังได้พูดคุยรายละเอียดของหมู่บ้านสงกับอ๋าวอี่และเตือนอ๋าวอี่ไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับหมู่บ้านสงมากเกินไป
ทว่าในเวลานี้ อ๋าวอี่ไม่ได้เชื่อฟังหลี่ฉางโซ่วทั้งหมด แต่เขาก็รู้สึกขอบคุณ และไว้วางใจหลี่ฉางโซ่วอย่างมาก
เขาไม่ได้เรียกหลี่ฉางโซ่วว่าพี่ฉางโซ่วอีกต่อไป แต่เปลี่ยนเป็นเรียกเขาว่า ‘ท่านพี่เจ้าสำนัก’…
และนั่นทำให้พวกเขาดูใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้น!
หลี่ฉางโซ่วขอสงวนสิทธิ์ที่จะบ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ตลอดเวลา และเขาดีใจที่เขาถูกเรียกว่าเป็น ‘ท่านพี่เจ้าสำนัก’ ไม่ใช่ ‘ท่านพี่จักรพรรดิ’
แม้เขาจะสามารถหลบหนีจากที่นั่นได้ แต่หลี่ฉางโซ่วจะไม่กังวลใจได้อย่างไร หลี่ฉางโซ่วยังคงดำเนินการอย่างลับๆ ต่อไป และในสามเดือนต่อมา ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ส่วนใหญ่ก็ใช้พลังเซียนจนหมด และหลี่ฉางโซ่วจึงทำลายพวกมัน
เขาทิ้งตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สองตัวเอาไว้ที่ชายทะเลทักษิณเพื่อให้พวกมันสามารถตอบสนองตามการเปลี่ยนแปลงได้ในยามฉุกเฉิน
และเมื่อมาถึงจุดนี้ ก็นับว่าแผนพื้นฐานของหลี่ฉางโซ่วก็ประสบความสำเร็จแล้ว
เขาได้รับบุญแล้วโยนงานให้เผ่ามังกร
นอกจากนี้ เผ่ามังกรยังได้ริเริ่มเข้าร่วมสำนักเทพทะเล และติดหนี้กรรมกับเขาซึ่งจะต้องชดใช้ให้เขาในอนาคตอีกด้วย
แต่แน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วจะไม่ทำเช่นนั้น เขาจะทำงานและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ร่วมกันกับพวกเขา
สำนักเทพทะเลทักษิณอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว สำนักหยุดพิธีกรรมเพื่อรวบรวมความมั่งคั่งลง ทูตเทวะของหมู่บ้านสงยังได้รับการยอมรับจากเทพเจ้าแห่งท้องทะเลด้วย
ในขณะที่มังกรแท้ยังคงปรากฏตัวและปกป้องสำนัก จำนวนสานุศิษย์จึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทุกวัน
แต่หลี่ฉางโซ่วยังไม่อาจผ่อนคลายได้เต็มที่ เขายังคงวางแผนอย่างรอบคอบเป็นเวลาสองสามเดือนและสรุปปัญหาที่อาจเกิดขึ้น พร้อมกับที่ตอบสนองต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น…
ครึ่งปีหลัง
ในที่สุด หลี่ฉางโซ่วก็ออกมาจากห้องลับใต้ดิน และตัดสินใจบอกท่านอาจารย์ และศิษย์น้องหญิงของเขาว่า แก้ไขปัญหาได้แล้วชั่วคราว จึงไม่ต้องกังวลให้มากเกินไป
ทว่าทันทีที่เขาพบหลิงเอ๋อร์ นางก็ตื่นตกใจอย่างกะทันหัน
“ศิษย์พี่ ท่านเป็นอันใดไป!! เหตุใดท่านจึงดูย่ำแย่เช่นนี้เจ้าคะ!?!”
ในกระท่อมมุงจาก หลิงเอ๋อร์รีบวางงานปักในมือของนางพลางลุกขึ้นต้อนรับเขาทันทีขณะที่มองดูใบหน้าที่ซีดเซียวของหลี่ฉางโซ่วด้วยความกังวล
มีอันใดผิดปกติ
ข้ายุ่งอยู่กับงานสำคัญมาครึ่งปี ทั้งยังสรุปความเป็นไปได้ ข้าก็แค่หมดแรงจึงดูซีดเซียวเท่านั้น
เพราะสิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการดำรงอยู่อย่างเทพ และเซียนต้าหลัวจิน
หลี่ฉางโซ่วหาว ขณะถือตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สองตัวเอาไว้ในมือ แล้วลอยไปที่ข้างเตียงของศิษย์น้องหญิงน้อยก่อนจะพลิกตัวลงนอน
“ข้าจะนอนที่นี่สักพักเพื่อฟื้นฟูพลังงานของข้า เจ้าช่วยคุ้มกันข้าด้วยนะ ศิษย์น้องหญิง หลังจากนี้ ข้าจะบอกท่านอาจารย์ว่า ตอนนี้ข้าสบายดี ท่านจะได้ไม่ต้องห่วง…”
กล่าวจบ เขาก็หลับตาพักผ่อน และยังคงรักษาส่วนหนึ่งของจิตใจของเขาไว้ให้ตื่นตัวและคอยระวังขณะที่ไม่รู้ตัว
หลิงเอ๋อร์กะพริบตาปริบๆ ศิษย์พี่ ท่าน…
หลิงเอ๋อร์พลันกล่าวเบาๆ ว่า “ไม่เป็นไร หากเรื่องนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว ศิษย์พี่ก็นอนลงเถิดเจ้าค่ะ”
จากนั้นหลิงเอ๋อร์ก็เดินไปข้างหน้าช้าๆ และยกมือเพื่อขยับขาของศิษย์พี่ที่ห้อยอยู่นอกเตียงขึ้นไว้บนเตียงก่อนจะก้มศีรษะลงมองไปยังใบหน้าที่เหนื่อยล้าของหลี่ฉางโซ่ว แล้วเม้มปากในขณะที่ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสงสาร…
ทว่านางไม่อาจปล่อยโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่หายากเช่นนี้ไปได้!
หลิงเอ๋อร์เลียริมฝีปากของนางขณะที่มีแผนผุดขึ้นมาในใจของนาง จากนั้นนางก็ย่องไปที่ฉากกั้นก่อนจะเปลี่ยนเป็นสวมชุดกระโปรงผ้าบางๆ ซึ่งทำให้มองเห็นผิวขาวงดงามของนางได้อย่างเลือนราง
แน่นอนว่านางไม่กล้าทำอะไรกับศิษย์พี่ของนางโดยตรง
อย่างไรก็ตาม นางก็ตัดสินใจว่าในขณะที่หลี่ฉางโซ่วหลับอยู่ นางจะซ่อนตัวอยู่ข้างๆ เขาและแอบเตือนอาจารย์ของนางให้มาดูภาพเหตุการณ์นี้…
หากเขาขอให้อาจารย์ของนางตัดสินใจ เช่นนั้นการแต่งงานของนางกับศิษย์พี่ของนางก็ย่อมจะได้รับการจัดการให้มีขึ้นอย่างแน่นอน…
นางคิดแผนนั้นมานานแล้ว แต่หลี่ฉางโซ่วไม่เปิดโอกาสใดๆ
วันนี้…
สวรรค์ประทานโอกาสที่ดีมาให้ เราเป็นคู่สร้างในสวรรค์ และเราจะแต่งงานกันโดยได้รับพรจากสวรรค์!
ข้าต้องรวบรวมความกล้าและจับเขาให้ได้ทันทีในคราวเดียว…
“มีศิษย์คนใดในยอดเขาหยกน้อยที่ยังไม่เข้าปิดด่านบ้าง วันนี้ ข้าเป็นศิษย์ที่รับผิดชอบดูแลสำนัก มีคนนอกสำนักกำลังมองหาใครบางคนจากยอดเขาหยกน้อย”
ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องตะโกนดังมาจากข้างนอก และร่างหนึ่งก็ได้เข้าสู่ค่ายกลแยกตัวภายนอกแล้ว
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วลืมตาขึ้นแล้วนั่งลงบนเตียงช้าๆ
พรืด!
แล้วฉากกั้นนั้นก็พลันขาดด้วยหมัดเล็กๆ ที่เจาะเข้าไปอย่างกะทันหัน “มีอันใดผิดปกติหรือ” หลี่ฉางโซ่วหาวพร้อมกับถามออกมา
“ไม่ ไม่มีอะไร ข้ากำลังตียุง!” ยุง?
และในเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วก็ตัวสั่นและไม่รู้สึกง่วงนอนอีกต่อไป