ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – ตอนที่ 133.2 แผนพเนจรของยอดเขาหยกน้อย (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ขณะนี้เขาเองก็ยังกังวลเรื่องของเจ้าสำนักด้วย…

หลี่ฉางโซ่วรู้สึกจะหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก แต่เขาไม่รู้สึกเหนื่อยล้า เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ทั้งหมดนี้ก็เป็นชีวิตของเขาเอง

หากสิ่งต่างๆ ดำเนินไปเช่นนี้ โดยที่ไม่อาจยับยั้งนิสัยของคู่บำเพ็ญเต๋า และคนของสำนักที่ชื่นชอบการหาความสุขได้แล้ว มันก็จะไม่มีความหมายที่ยอดเขาหยกน้อยของเขาจะอยู่รอดต่อไปในขณะที่ยอดเขาอื่นๆ ถดถอยและเสื่อมสลายลงด้วยตัวเองจนไร้สิ้นผู้สืบทอดต่อไป

แม้สำนักบำเพ็ญเซียนจะไม่อาจคงอยู่ได้ตลอดไป

แต่อย่างน้อย ก่อนที่เขาจะสามารถป้องกันตัวเองได้ สำนักตู้เซียนก็จะอ่อนแอลงไม่ได้

ดังนั้น หลี่ฉางโซ่วจึงคิดถึงเรื่องนี้เช่นกันในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา

“ข้าควรทำอย่างไรเพื่อให้สหายศิษย์ของข้าพากเพียรฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งและระมัดระวังให้มากขึ้น”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เขารู้สึกว่ามันยากอย่างยิ่ง

ดังนั้น ในเวลานี้ หลี่ฉางโซ่วจึงตัดสินใจใช้ประโยชน์จากโอสถเม็ดปลอมนั้น เขาตัดสินใจเดินหน้าต่อจากความผิดพลาดและ ‘อุทิศตนอย่างไม่เห็นแก่ตัว’ อีกครั้ง

แต่ตามแผนของหลี่ฉางโซ่ว เขาต้องซ่อนตัวอยู่ในสำนักตู้เซียนเป็นเวลานาน

เขาต้องปรับโครงสร้างการฝึกฝนในสำนัก!

แต่เขาไม่อาจเปิดเผยตัวและกระทำอย่างโจ่งแจ้งได้…

หลังจากนั้นอีกสองวันต่อมา หลิวเฟยเซียนซึ่งหายจากอาการบาดเจ็บภายนอกแล้ว ก็ขับเคลื่อนก้อนเมฆกลับมาที่สำนัก

ผู้ดูแลระดับบริหารเซียนเสิ่นผู้มีร่างกายอวบสมบูรณ์ และใบหน้ากลมอวบอิ่มเล็กน้อย บัดนี้ เขามีสีหน้างุนงง เมื่อมาถึงประตูสำนัก เขาก็ได้แต่โค้งคำนับอย่างสุภาพ และหลังจากลังเลอยู่สักพัก เขาก็เข้าสู่สำนักเซียน

หัวหน้าผู้พิทักษ์ประตู…แค่กๆ เซียนชราผู้เฝ้าประตูแย้มยิ้มและกล่าวว่า “ศิษย์หลานหลิว เจ้าดูท่าทางไม่ค่อยดีนัก เกิดอันใดขึ้นหรือ”

“ข้ามีบางอย่างกังวลในใจ ขอบคุณท่านอาจารย์ลุงที่เป็นห่วงขอรับ” หลิวเฟยเซียนหัวเราะเสียงแห้ง จากนั้นก็ก้มศีรษะลงโค้งคำนับ และมุ่งหน้าไปยังยอดเขาพิชิตสวรรค์

และทันทีที่เขาขับเคลื่อนก้อนเมฆบินไปและแผ่กระจายพลังสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาออกไป ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินผู้พิทักษ์ประตูเซียนเสิ่นสองสามคนพูดคุยกัน…

“ไม่รู้ว่า จอมโฉดชั่วคนใดกันที่หลอมโอสถปรารถนาปลอมขึ้นมา! เสี่ยวอูจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตัดสินใจมอบโอสถปรารถนาให้กับหอไป่ฝานทำหน้าที่แจกจ่าย”

“มันง่ายขนาดนั้นได้ยังไง แล้วเมื่อใดจะถึงตาเรา”

“เฮ้ ข้าอยากจับเจ้าคนที่หลอมยาปลอมและตีมันเพื่อระบายโทสะของข้าจริงๆ! ข้าตกลงจะทำมันกับศิษย์พี่หญิงของข้าแล้ว!”

ดังนั้นหลิวเฟยเซียนจึงยกสะโพกขึ้นและหดเกร็งท้องของเขาเพื่อเร่งขับเคลื่อนก้อนเมฆไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อมาถึงโถงตู้เซียน หลิวเฟยเซียนก็เดินไปมาครู่หนึ่ง ทันใดนั้น เขาก็รีบไปที่ด้านหน้ากฎห้ามของโถงและคุกเข่าอยู่ที่นั่นโดยงอขาของเขาก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วร้องตะโกนว่า “ท่านเจ้าสำนัก! ข้าชื่อ หลิวเฟยเซียนเป็นผู้ดูแลระดับบริหารของสำนัก ขออนุญาตพบท่านขอรับ!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้อาวุโสสองคนที่เฝ้าห้องโถงหลักก็เดินออกมาจากห้องโถง

หนึ่งในนั้นกล่าวออกมาอย่างอบอุ่นว่า “ท่านเจ้าสำนักเข้าปิดด่านอยู่ เจ้าต้องการสิ่งใดกัน หากเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ ก็บอกข้ามาก่อน แล้วข้าจะไปเรียนท่านให้ตื่นขึ้นได้”

“นี่…”

หลิวเฟยเซียนพลันกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ท่านผู้อาวุโส เรื่องนี้สำคัญยิ่ง ข้าต้องพูดกับท่านเจ้าสำนักโดยตรงด้วยตนเองขอรับ”

“โอ้?” ผู้อาวุโสทั้งสองต่างมองหน้ากันและส่ายศีรษะทันที “ตามกฎของสำนัก ผู้อาวุโสของโถงบริหารต้องถ่ายทอดข้อความ แม้ท่านเจ้าสำนักจะมีหน้าที่รับผิดชอบต่อความปลอดภัยของสำนักตู้เซียน แต่การฝึกฝนประจำวันของเขาก็มีความสำคัญมากเช่นกัน”

“บอกพวกเราก่อนเถิดว่าเรื่องอันใดกัน!”

“ข้า…ข้า…”

หลิวเฟยเซียนกลอกตาและนึกถึงคำสั่งของจิ่วอูได้ ทว่าในทันใดนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นและร้องไห้พลางตะโกนว่า “ข้าเสียเลือดเพื่อสำนักตู้เซียน ข้าต่อสู้เพื่อสำนักตู้เซียน ข้าต้องการพบท่านเจ้าสำนักขอรับ!”

ผู้อาวุโส ทั้งสองขมวดคิ้วทันทีในขณะที่กำลังจะจับหลิวเฟยเซียน ทว่าจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงกระแอมไอเล็กน้อย…

บัดนี้ เสียงของท่านเจ้าสำนักอู๋โหย่วดังก้องอยู่ในหูของพวกเขาทั้งสาม

“ไฉนถึงร้องไห้ เข้ามาเถิด” ชั่วขณะนั้น หลิวเฟยเซียนพลันเช็ดใบหน้าของเขาและรีบลุกขึ้น จากนั้นก็รีบเข้าไปในโถงใหญ่ในสองก้าวอย่างรวดเร็ว…

ในขณะนั้น ภายใต้ยอดเขาหยกน้อย หลี่ฉางโซ่วใช้พลังสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาในการสังเกตสถานที่นั้นและจากนั้นก็ไม่ได้ติดตามมองต่อไปอีก

ในเวลานี้ เขาไม่กล้าสำรวจบริเวณโดยรอบของเหล่าเซียนจินโดยเฉพาะโถงใหญ่ภายในสำนัก

สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปเป็นส่วนหนึ่งในแผนของหลี่ฉางโซ่ว ผู้บริหารหลิวแห่งยอดเขาตันติ่งที่ไม่เต็มใจจะเปิดเผยชื่อของเขา ร้องไห้และพร่ำบ่นกับท่านเจ้าสำนักอู๋โหย่ว เขารู้สึกไม่พอใจเกี่ยวกับระบบของคู่บำเพ็ญเต๋าในสำนัก และรู้สึกว่าคู่บำเพ็ญเต๋ามีผลกระทบอย่างมากต่อการฝึกฝนของบรรดาศิษย์ในสำนัก เขาขอให้ท่านเจ้าสำนักอู๋โหย่วเริ่มระบบใหม่และเน้นไปที่ ‘การฝึกฝนอันเลิศล้ำ’

ไม่นานหลังจากนั้น ท่านเจ้าสำนักอู๋โหย่วก็ยอมรับคำแนะนำนี้และยกย่องผู้บริหารหลิว จากนั้นเขาก็รวบรวมเหล่าปรมาจารย์ผู้นำยอดเขาและผู้อาวุโสเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้

และทันทีหลังจากนั้น สำนักตู้เซียนก็เริ่มการจัดระเบียบใหม่ที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่ง…

ทว่าครึ่งหนึ่งของการพัฒนาที่ตามมานั้นอยู่นอกเหนือความคาดหมายของหลี่ฉางโซ่ว

เนื่องจากมีคู่บำเพ็ญเต๋ามากมายในสำนัก ดังนั้นการปรับโครงสร้างของสำนักจึงยังคงดำเนินอยู่เป็นเวลาสามเดือน และจากนั้นมันก็จบลงโดยไร้ปัญหาใดๆ

ผู้ที่แนะนำแนวคิดนั้นคือ หลิวเฟยเซียนจากยอดเขาตันติ่ง เมื่อไม่นานมานี้เขาถูกทุบตีหลายครั้ง และด้วยเหตุนี้ เหล่าผู้อาวุโสจึงปกป้องอย่างหนัก

หลี่ฉางโซ่วถึงกับเงียบงันทันที

ไม่เป็นไร แม้ข้าจะเสียความพยายามของข้าไปเปล่าๆ

อันที่จริง ข้าก็ไม่อาจบังคับผู้ใดได้

เพื่อความปลอดภัย หลี่ฉางโซ่วจึงเริ่มปรับเปลี่ยนบางอย่างในแผนระยะยาวสำหรับยอดเขาหยกน้อยเพื่อสร้างยอดเขาหยกน้อยให้กลายเป็นอาวุธเวท

เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะค่อยๆ สร้างค่ายกลชั้นนอกของยอดเขาหยกน้อยอย่างช้าๆ ด้วยรากฐานของค่ายกลหลักที่เป็นแกนกลางในเวลานี้ เพื่อให้ยอดเขาหยกน้อยมีเสถียรภาพ

จากนั้นเมื่อจำเป็น ข้าจะเปิดใช้งาน…แผนพเนจรของยอดเขาหยกน้อย!

ในเคหาสน์ถ้ำที่ซ่อนเร้นอยู่ใกล้กับ ‘ภูเขาหลิงซาน’ ในดินแดนเทวะประจิม มีรัศมีแห่งแสงสีทองปกคลุมร่างงดงามที่มีเสน่ห์ซึ่งนอนอยู่บนเตียง และทำให้ทั่วทั้งถ้ำส่องแสงสว่างไสว

เมื่อแสงสีทองหายไป ผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็ค่อยๆ ลืมตาเรียวยาวราวกับดวงตาหงส์ของนางและพึมพำเบาๆ ว่า“ท่านรองเจ้าสำนักโปรดวางใจ ข้าจะทำให้ดีที่สุดอย่างแน่นอน”

ทันใดนั้น อักขระเต๋าที่คลุมเครือก็ค่อยๆ กระจายออกไปรอบๆ ร่างของผู้บำเพ็ญเหวินจิง

หลังจากนั้น ผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็ลุกขึ้นนั่งและดึงเสื้อคลุมยาวที่นางสวมออกมาเองโดยไม่ตั้งใจก่อนจะเดินไปที่สระบัวในถ้ำ

ในที่สุดก็ได้พบลูกๆ ของข้าอีกครั้ง…

ในขณะนั้น ผู้บำเพ็ญเหวินจิงเผยรอยยิ้มอย่างเย็นชา

จอมปราชญ์เทพนั้นสูงส่งและยิ่งใหญ่ เขาสามารถสังหารนางได้ทุกเมื่อ แต่เขาก็ยังคงปกป้องนาง

เขาขอให้นางวางแผนทำร้ายวังมังกรทะเลบูรพาและวังมังกรทะเลทักษิณ แต่คราวนี้เขาให้คนเพียงหนึ่งในสามของเผ่านาง…

แม้ว่าเผ่าพันธุ์มังกรจะเสื่อมถอยลง แต่ก็ยังไม่ควรมองข้ามไปได้ หากท่านต้องการให้ข้ากดดันพวกมันและปล่อยให้สำนักบำเพ็ญประจิมแผ่ขยายไปที่เผ่ามังกร นั่นย่อมแสดงว่าท่านกำลังใช้ชีวิตลูกๆ ของข้าเป็นเดิมพันจริงๆ

ผู้บำเพ็ญเหวินจิงคิดในใจ

คราวนี้แตกต่างจากที่พวกเขาวางแผนไว้กับสำนักตู้เซียนเมื่อก่อนหน้านี้ นางต้องวางแผนอย่างรอบคอบ สำหรับนางแล้ว แผนก่อนหน้านี้เป็นเพียงการสะบัดนิ้วของนาง แต่ผลที่ได้นั้นค่อนข้างน่ากลัว และนางก็เกือบจะเปิดเผยตัวต่อหน้าศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน

ในเวลานี้ หากข้าจะวางแผนทำร้ายเผ่ามังกร ก็ไม่ควรจะเกี่ยวข้องกับสามสำนักบำเพ็ญเต๋าใหญ่ เผ่ามังกรและสำนักบำเพ็ญเต๋าไม่มีความสัมพันธ์กัน เช่นนั้น ข้าก็ไม่น่าจะต้องพบกับศิษย์พี่ใหญ่ที่น่าสะพรึงกลัวผู้นั้นอีก

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็กระตุกมุมปากทันที

มันหาได้ยากมากจริงๆ ที่จะได้เห็นศิษย์ของจอมปราชญ์เทพที่สามารถทำให้ราชินีเช่นข้าหวาดกลัวได้เป็นเวลานานเช่นนี้

หึ!

และสำหรับผู้ที่ทำลายหุ่นเชิดของข้า บัดนี้ เจ้าได้กระตุ้นความสนใจของราชินีผู้นี้แล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท