สองวันต่อมา จิ่วจิ่วก็พาจิ่วลู่เอ๋อร์มาด้วยอีกคน…
จิ่วลู่เอ๋อร์ก็มีปัญหาเช่นกัน นางถามเรื่องการแต่งงานของนางเอง แต่นางกล่าวว่า “ข้ามีสหายเต๋า…”
แน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วไม่อาจเป็นคนชั่วร้ายได้
ม้วนไม้ไผ่ที่เขามอบให้นางเพื่อเกลี้ยกล่อมให้นางผ่อนคลายใจลงและใช้เวลากับการฝึกฝนให้มากขึ้น ตราบใดที่นางมั่นใจ ย่อมจะไร้ปัญหาใดในโลกนี้
จิ่วลู่เอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและทันใดนั้นก็ยิ้มอ่อนหวานออกมาทันที จากนั้นจึงโค้งคำนับให้แมวเซียนแล้วจากไป
รายได้ที่เขาได้รับในครั้งนี้ไม่เลว เพราะจิ่วลู่เอ๋อร์มอบศิลาวิญญาณก้อนใหญ่มาให้สองสามก้อน
และแล้ว ในครึ่งเดือนต่อมา อีกสี่จิ่วเซียนก็มาถึงทีละคน แล้วจากนั้น เซียนเสิ่นจำนวนห้าถึงหกคนจากยอดเขาพิชิตสวรรค์ซึ่งคุ้นเคยกับพวกเขา ก็มาปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน และหลี่ฉางโซ่วก็ได้รับศิลาวิญญาณและหยกวิญญาณมากกว่าร้อยชิ้นอย่างคาดไม่ถึง
และนี่ก็เป็นจำนวนเกือบใกล้จะเท่ากับเงินสนับสนุนรายเดือนที่เขาต้องรอเวลาหนึ่งเดือนจึงจะได้รับด้วยซ้ำ…
ยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งคนเหล่านั้นจากไปด้วยความพอใจโดยไม่ได้อะไรเลยจริงๆ แต่ด้วยวิธีนี้ ซึ่งจะเป็นการช่วยยืนยันความคิดของพวกเขาเท่านั้น หลี่ฉางโซ่วจึงไม่ได้รับกรรมใดๆ
วิธีนี้เป็นไปได้จริงหรือนี่
ไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะใช้เวลาและพลังงานไปกับมันโดยให้ความสนใจกับมันเป็นบางครั้งเท่านั้น
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นเขาจึงรีบทำชุดม้วนไม้ไผ่ สามร้อยหกสิบอันในชั่วข้ามคืน และขยายกล่องไม้ออกเล็กน้อย จากนั้นจึงวางค่ายกลและกฎห้ามภายในนั้นโดยให้มีรายละเอียดประณีตและยอดเยี่ยมมากขึ้น
เนื้อหาบนม้วนไม้ไผ่นั้นไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก และไม่มีความหมายใดๆ ในทางปฏิบัติ มันสามารถเข้าใจได้ทั้งในทางตรงหรือตรงกันข้าม และยังทำให้สามารถเข้าใจแบบเข้าข้างตัวเองได้มากขึ้นอีกด้วย
การตีความและทำความเข้าใจนั้นจะขึ้นอยู่กับความเอนเอียงในหัวใจของผู้ที่กำลังมองหาคำแนะนำอยู่แล้ว
และหากเป็นคนที่มีปัญหาและสงสัยจริงๆ และมาหาทางแก้ไข หลี่ฉางโซ่วก็เตรียมชุดม้วนไม้ไผ่สามแบบมาด้วยเพื่อให้พวกเขาได้รับแบบการจับสลาก
ประเภทแรกเป็นเหมือน ‘ท่านจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้มีพระคุณตามเส้นวิถีข้างหน้า’
ประเภทที่สองคือ ‘ถอยออกมาแล้วท่านจะเห็นว่าโลกกว้างใหญ่เพียงใด’
ประเภทที่สามคือ ‘ท่านยังคงต้องค้นหาวิญญาณเพื่อถามประสงค์ที่แท้จริงของตัวท่านเอง’
ด้วยเหตุนี้ กล่องมาตรการรับมือเพื่อช่วยแนะแนวทางสำหรับกลยุทธ์ในการแก้ไขปัญหาที่สมบูรณ์แบบมากกว่าจึงสร้างเสร็จสมบูรณ์อย่างรวดเร็ว และมีคนหนึ่งหรือสองคนมาสอบถามและขอคำแนะนำทุกวัน
หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ย้ายกล่องไปที่ป่าด้านหลังยอดเขาหยกน้อยเพื่อจะได้ไม่รบกวนการฝึกฝนของท่านอาจารย์ของเขา
สิ่งที่ทำให้หลี่ฉางโซ่วรู้สึกสนใจคือ คนส่วนใหญ่ที่มาขอคำแนะนำจะพูดนำประโยคว่า “ข้า…มีสหายเต๋า…”
และอีกครึ่งเดือนต่อมา…
เมื่อใกล้ถึงเวลาเย็น ร่างที่หลี่ฉางโซ่วคุ้นเคยก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของกล่องมาตรการรับมือเงียบๆ
นางสวมชุดกระโปรงยาวสีฟ้าเยือกเย็น ดูงดงามอย่างยิ่งแม้จะปราศจากรอยยิ้ม ทว่านางก็มีรูปโฉมสวยสะคราญอย่างเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว และแน่นอนว่า นางคือ โหย่วฉินเสวียนหย่า
เมื่อเห็นนางครั้งแรก หลี่ฉางโซ่วก็คิดว่านางมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา ทว่าโหย่วฉินเสวียนหย่าก็เผยท่าทางที่ดูคุ้นเคยอย่างรวดเร็ว…
นางหันศีรษะมองไปรอบๆ ก่อนจะร่ายเวทสร้างม่านพลังกันเสียงขึ้น จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึก และ…โยนศิลาวิญญาณเซียนสองก้อนเข้าไปในกล่อง!
หลี่ฉางโซ่วที่กำลังหลอมโอสถอยู่ อดจะเผยสีหน้าเคร่งขรึมออกมาไม่ได้ ศิลาวิญญาณเซียนนี้ล้ำค่ามาก เขาสงสัยว่า ศิษย์น้องหญิงตัวอันตรายมีปัญหาใหญ่อันใด
แต่สิ่งที่หลี่ฉางโซ่วไม่คาดคิดคือ…
“แมวเซียน ข้า…ข้ามีสหายเต๋า”
โหย่วฉินเสวียนหย่ากล่าวเบาๆ ว่า “ข้าไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง เมื่อไม่นานมานี้ นางรู้สึกไม่สบายใจเป็นบางครั้งและร่างของศิษย์พี่ก็ปรากฏขึ้นในใจของนาง เมื่อใดก็ตามที่นางมีเวลาว่างหลังจากการฝึกฝนเต๋า สิ่งแรกที่นางจะทำก็คือเข้าไปใกล้ศิษย์พี่ของนาง แม้นางอาจจะไม่ได้พบเขา แต่นางก็ยังสบายใจขึ้นได้ตราบเท่าที่ได้อยู่ใกล้ชิดเขา สหายเต๋าของข้าผู้นี้ชื่นชมศิษย์พี่ผู้นั้นมากและถือว่าเขาเป็นแบบอย่างของนาง ทว่าท่านอาจารย์ของนาง…บอกว่านางอาจจะตกหลุมรักเขา จึงทำให้นางสับสน แมวเซียน นางควรทำอย่างไรดีเล่า”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงันกะทันหัน
บัดนั้น เขาพลันคิดจะใช้โอกาสนี้เพื่อบอกใบ้โหย่วฉินเสวียนหย่าว่า อย่ามาเสียเวลากับเขาเลย
หลี่ฉางโซ่วจึงหยิบม้วนไม้ไผ่มาหนึ่งชุดโดยเลือกที่มีความหมายที่ดีเยี่ยมออกมาอย่างรวดเร็วแล้วใช้ค่ายกลพลิกสะบัดมันออก
“วิถีเซียนนั้นเป็นสิ่งที่สวยงาม โปรดอย่ายึดติดกับรูปแบบใดๆ ท่านจะได้รับพร ก้าวไปสู่วิถีแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ได้”
หลังจากโหย่วฉินเสวียนหย่าอ่านม้วนไม้ไผ่แล้ว ทันใดนั้น ก็ดูเหมือนว่า นางกำลังครุ่นคิดอยู่ลึกๆ
ไม่นานหลังจากนั้น นางก็เข้าใจบางสิ่งได้อย่างรวดเร็วพลางแย้มยิ้มอย่างโล่งใจ แล้วโค้งคำนับให้กับแมวเซียนท้องโต
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของท่าน แมวเซียน” หลังจากกล่าวจบ นางก็หันหลังกลับและขับเคลื่อนก้อนเมฆจากไปพร้อมด้วยรอยยิ้มแล้วบินไปทางศาลาเดินหมากและเล่นไพ่ที่นางสร้างขึ้นมาเอง…แค่กๆ บ่อนพนันของราชวงศ์
“บัดนี้ ศิษย์น้องหญิงตัวอันตรายน่าจะเข้าใจอะไรบางอย่าง”
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในตอนนี้ ข้อความในชุดม้วนไม้ไผ่ไม่มีความหมายกำกวมไม่ชัดเจนใดๆ ย่อมหมายความว่า นางควรจะมุ่งฝึกฝนให้ดีและบรรลุผ่านเต๋าอันยิ่งใหญ่แล้วก้าวไปสู่หนทางแห่งชีวิตข้างหน้าที่สวยงามมากยิ่งขึ้น
แต่วงจรสมองของศิษย์น้องหญิงตัวอันตรายนั้นพิเศษเหนือสามัญยิ่ง มันไม่เหมือนผู้ใดอยู่เสมอ และ หลี่ฉางโซ่วก็ไม่รู้ว่าม้วนไม้ไผ่ของเขานั้นจะได้ผลหรือไม่เช่นกัน…
หลังจากผ่านไปครึ่งวัน จิ่วอูก็ลอยมาพร้อมกับขมวดคิ้ว
อาจารย์ลุงผู้นี้ไม่ขอคำแนะนำใดๆ ทว่าเขาเอาแต่วนไปรอบๆ แมวเซียนสองครั้งแทน
จากนั้นเขาก็เข้าใจอะไรบางอย่างและยิ้มพลางกล่าวว่า “สิ่งที่เสี่ยวฉางโซ่วกำลังทำอยู่นั้นไม่เลวจริงๆ นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งที่ดีที่เขาสามารถช่วยสำนักได้ เขาไม่ได้เปลืองสมองอันน้อยนิดของเขาไปเปล่าๆ จริงๆ”
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วพลันกล่าวผ่านพลังปราณส่งเสียงไปว่า “ท่านอาจารย์ลุง ข้าได้ยินท่านแล้วขอรับ”
“แค่กๆ อาจารย์ลุงกำลังมีธุระยุ่งอยู่ ยังมีอย่างอื่นที่ต้องทำอีก ข้ามาที่นี่ในคราวนี้ มาในนามของหอไป่ฝานเพื่อตรวจดู แล้วข้าก็จะกลับไปรายงานพวกเขา”
เมื่อกล่าวจบ จิ่วอูก็รีบจากไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้น ด้วยความช่วยเหลือของอาจารย์ลุงจิ่วอูผ่านหอไป่ฝาน กล่องมาตรการรับมือจึงได้รับการเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี
และในวันต่อๆ มา ก็จะมีคนมายังสถานที่นั้นหนึ่งหรือสองคนเพื่อขอคำปรึกษา ส่วนใหญ่จะมาจากยอดเขาพิชิตสวรรค์
ในขณะนั้น แม้ชื่อเสียงของกล่องมาตรการรับมือนั้นยังไม่แพร่หลาย
แต่ผลประโยชน์เก็บเกี่ยวของหลี่ฉางโซ่วนั้นน่าประทับใจมาก
และในท้ายที่สุด มันก็เป็นธุรกิจที่ไม่ต้องการเงินทุน เขาเพียงอาศัยไม้ไผ่ ซึ่งคล้ายกับการเสี่ยงทายในวิหารเทพทะเลทักษิณ
และในไม่ช้า หลี่ฉางโซ่วก็เกิดความคิดใหม่ๆ ในการสร้างความมั่งคั่งอย่างรวดเร็ว
เขาจัดวางค่ายกลแยกตัวที่เรียบง่ายขึ้นรอบๆ กล่องมาตรการรับมือ เพียงแค่ใส่ศิลาวิญญาณห้าก้อนลงในกล่องไม้เพื่อเปิดใช้ค่ายกล ก็จะทำให้ค่ายกลทำงานได้เป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม!
แล้วหลี่ฉางโซ่วก็จะสามารถรับได้สี่ก้อนจากศิลาวิญญาณทั้งห้าก้อนในกล่องนี้
แน่นอนว่าเขายังวางทางเลือกอื่นเอาไว้ให้ตัวเอง ดังนั้นเขาจึงสามารถได้ยินสิ่งที่ผู้คนพูดกับแมวเซียนได้ตลอดเวลา
สองเดือนต่อมา หลิวเฟยเซียนที่ดูโศกสลดหดหู่ก็ลอยข้ามมา เขามองไปรอบๆ และเมื่อพบว่า ไม่มีผู้ใดอยู่เลย เขาก็หยิบศิลาวิญญาณออกมาห้าก้อนแล้ววางลงไปในกล่องไม้ก่อนที่จะเปิดใช้ค่ายกล
ผู้ดูแลระดับบริหารเซียนเสิ่นแห่งยอดเขาตันติ่ง ซึ่งถูกมองว่าเป็นคนอวบอ้วนเล็กน้อยในแดนอมตะก็ถอนหายใจเบาๆ ขณะหยิบโอสถสองขวดออกมาแล้วใส่เข้าไปในปากของแมวเซียน
“ศิษย์น้องฉีหยวน…โอ้ ไม่นะ แมวเซียน ข้า…มีสหายเต๋า เขาเคยทำเรื่องโง่ๆ มาก่อน เขาเป็นคนโลภและประสบเคราะห์ร้าย บัดนี้ เมื่อใดก็ตามที่เขาเดินอยู่บนถนน เขาก็จะถูกทำร้ายเป็นบางครั้ง ครั้งหนึ่ง ในขณะที่เขากำลังฝึกฝนในที่พำนักในถ้ำของเขา เขาก็ผล็อยหลับไปอย่างลึกลับ ครั้นเมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาก็ถูกมัดเอาไว้กับต้นไม้พร้อมด้วยร่างที่เปลือยเปล่า…”
“สหายเต๋าของข้ารู้ว่าเขาต้องทำอะไรผิด เขาต้องการแก้ไขสถานการณ์อย่างจริงใจ แต่เขาก็ไม่อาจวางใจได้และยังเข้าฝึกฝนต่อไป และหลังจากทุกข์ทรมานอยู่เช่นนั้น เขาก็ฝึกฝนอย่างไม่สบายใจ เช่นนั้น เขาควรทำอย่างไรดี”
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วพลันหัวเราะออกมา แล้วจากนั้นเขาก็สะบัดนิ้ว และปล่อยชุดม้วนไม้ไผ่ให้กำลังใจแก่เขา
ทว่าทันทีที่เขาทำเช่นนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ขมวดคิ้วขึ้นโดยไม่รู้ตัว
หลี่ฉางโซ่วคิดว่าแรงกระตุ้นที่จู่ๆ เขาก็สัมผัสได้นี้ คงเป็นเพราะมีบางอย่างเกิดขึ้นในสำนักเทพทะเลทักษิณ และคราวนี้หัวใจของหลี่ฉางโซวก็กลายเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด
รอยเลือดที่ส่องประกายระยิบระยับ…
ทันใดนั้น เขาจึงบีบนิ้วแล้วสรุปว่า…
มันเป็นลางร้าย!