ล่วงหน้าสิบสองปี…
จงใจใช่หรือไม่?
เจ้าสำนักและผู้อาวุโสสองสามคนที่รู้เรื่องนี้คงจงใจร่วมกันล้อข้าเล่นใช่หรือไม่?
ในคราแรกนั้น คนแรกที่รู้ข่าวเรื่องการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋าจริงๆ แล้วก็คือ เจ้าสำนัก นักพรตเต๋าอู๋โหย่ว
หลี่ฉางโซ่วแอบสังเกตเห็นว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนกระบี่วิญญาณทะลวงเมฆได้บินขึ้นไปในอากาศขณะที่เจ้าสำนักเชิญเหล่าผู้อาวุโสสองสามคนมาหารือกันในเรื่องนี้
เพราะเฝ้าติดตามดูยอดเขาเซียนหลิน หลี่ฉางโซ่วจึง…คอยเฝ้าระวังตรวจสอบเรื่องภายในสำนักด้วย
แต่จากการที่เขาใช้เวทวายุวัจน์ตรวจสอบอย่างอดทน เขาก็ได้ยินข่าวว่า วันนี้จะมีการเรียกประชุมบรรดาศิษย์ไปที่หอไป่ฝานเพื่อหารือกัน…
ไม่ว่าจะตัดสินอย่างไร นี่เป็นการประชุม ‘เตรียมพร้อมก่อนเดินทาง’ ไม่ใช่หรือ
ไม่ว่าจะคิดเช่นไร การกระทำทั้งหมดนับตั้งแต่ช่วงเวลาระหว่างเรียกประชุมบรรดาศิษย์ไปจนถึงสั่งให้พวกเขาออกเดินทาง ระยะเวลาตรงนี้รวมๆ กันแล้ว มากสุดย่อมไม่เกินสองถึงสามปี
ไม่ใช่แค่เรียกบรรดาศิษย์มาเพื่อเตือนให้พวกเขาไปอ่านกฎและปฏิบัติตามกฎของสำนัก จะได้ไม่ทำให้ตัวเองขายหน้าเมื่อออกไปนอกสำนัก…
ทว่ากำชับล่วงหน้าถึงสิบสองปี พวกเขาไม่กลัวหรือว่าจะมีคนลืมคำเตือนหลังจากนี้?
เวลาผ่านไปนานเท่าใดแล้ว นับตั้งแต่งานชุมนุมกวาดล้างปีศาจที่วังมังกรครั้งล่าสุด?
ทำไมถึงครั้งนี้!?!
“ช่างเถอะ”
หลี่ฉางโซ่วหยั่งรู้ทุกสิ่ง แต่เขาหยั่งรู้ส่วนลึกในใจของมนุษย์ผิดไป
เขาคิดว่าที่เจ้าสำนักและผู้อาวุโสในสำนักให้ความสำคัญกับการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋าเป็นอย่างมากเพราะสำนักตู้เซียนแทบไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมในงานนี้
แต่หลี่ฉางโซ่วไม่คิดว่าพวกเขาจะให้ความสำคัญจริงจังถึงเพียงนี้!
บัดนี้ หลี่ฉางโซ่วจึงโมโหจนเส้นผมแทบชี้ขึ้นฟ้า[1] เจ้าพวกหมูจิตสกปรก[2]!
หลี่ฉางโซ่วนอนอยู่บนเตียงหญ้าฟางในขณะที่ค่อยๆ สงบใจลงแล้วเริ่มหาวิธีรับมืออย่างรวดเร็ว
เรื่องผิดคาดในครั้งนี้ เป็นเพียงเรื่องผิดพลาดเล็กน้อยในชีวิตเท่านั้น
ย่อมไม่มีทางที่เขาจะสามารถบรรลุวิถีสู่ระดับต้าหลัวของเขาไปได้อย่างราบรื่นและเข้าใจทุกสิ่งได้อย่างง่ายดาย
หลังจากที่จิ่วอูและโหย่วฉินเสวียนหย่าจากไป หลิงเอ๋อร์ก็ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ อย่างอดทนเป็นเวลานานจนแทบจะกัดริมฝีปากแตกแล้ว แต่สุดท้าย นางก็ยังกลั้นไว้ไม่อยู่ หัวเราะออกมา…
ครั้นหลี่ฉางโซ่วปรายตามองนาง หลิงเอ๋อร์จึงระงับรอยยิ้มเอาไว้ทันทีแล้ววางท่าทางน่าสงสารพลางมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเห็นใจ
หลิงเอ๋อร์กล่าวเบาๆ ว่า “ศิษย์พี่… ข้าขออภัยเจ้าค่ะ”
หลี่ฉางโซ่วจึงส่งข้อความเสียงอย่างสงบว่า “ไปฝึกฝนเถอะ ตอนนี้ข้าอยากเปลี่ยนกลยุทธ์ของข้า และจะให้เจ้านอนที่นี่จริงๆ”
“เช่นนั้น อภัยที่รบกวน ขออำลาเจ้าค่ะ! หากท่านประสงค์สิ่งใด เรียกหาข้าได้เจ้าค่ะ!”
หลิงเอ๋อร์โค้งคารวะให้ก่อนจะรีบออกไปจากกระท่อมมุงจากพลางปิดปากหัวเราะคิกคัก จากนั้นก็ลอยร่างกลับเข้าไปในกระท่อมมุงจากของนางดุจสายลมโชย
ยากนักที่นางจะได้เห็นศิษย์พี่พ่ายแพ้เช่นนี้!
จะเล่นละครแล้วก็ต้องเล่นให้สมบทบาทจนจบ
หลี่ฉางโซ่วจึงฝืนนอนอยู่บนเตียงสามปีก่อนจะลุกขึ้นแล้วกลับไปที่หอโอสถ จากนั้นก็เริ่มครุ่นคิดถึงวิธีการจำแลงกาย
ความจริงแล้ว การประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋ายังมีความปลอดภัยอยู่บ้าง เพราะจะมีผู้ทรงพลังยิ่งใหญ่มากมายจากสำนักบำเพ็ญเต๋ามารวมตัวกัน ในขณะที่มีความขัดแย้งส่วนใหญ่ในการตีความหลักคำสอนระหว่างสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย และสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน
สำนักตู้เซียนเป็นเพียงผู้ยืนดูเท่านั้น…
แต่ที่นั่น คือสถานที่ที่กรรมในโลกบรรพกาลทั้งหมดจะมาบรรจบกันในอีกสิบสองปีต่อมา!
เพียงสัมผัสผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งก็ทำให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ตามมาต่อเนื่องในอนาคตแล้ว…
หลี่ฉางโซ่วไม่อยากให้ปรมาจารย์คนอื่นๆ จากทั้งสามสำนักจำเขาได้
บัดนี้เขาสามารถติดต่อกับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูได้แล้ว และได้รับภารกิจจากบรรพชนไท่ชิง เขาเพียงต้องยืนหยัดในแนวทางแปดคำที่ว่า ‘จงสงบ วางเฉย และหลีกเลี่ยงปัญหา’ แล้วอนาคตของเขาจะมั่นคง!
ในการประชุมครั้งนี้ เหล่าเซียนจินสองสามคนจากสิบสองคนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานน่าจะมาปรากฏตัวด้วย
ส่วนสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยนั้น อาจมีศิษย์ชั้นในและชั้นนอกบางคน ปรากฏตัวขึ้นในดินแดนเทวะมัชฌิมา
จุดประสงค์ของการประชุมครั้งนี้คือเพื่อแก้ไขความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นของสามสำนักบำเพ็ญเต๋าและสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้สำนักบำเพ็ญเต๋ามากยิ่งขึ้น
เหตุผลที่หลี่ฉางโซ่วต้องการหลีกเลี่ยง เพราะเขามองเห็นกรรมใหญ่ที่อาจปรากฏขึ้นในระหว่างการประชุมนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว…
กล่าวได้ว่า หลี่ฉางโซ่วมีสายตาคาดการณ์ได้ลึกซึ้งกว้างไกลกว่าปรมาจารย์ที่อยู่ภายใต้จอมปราชญ์เทพ!
การประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋านี้มีจุดประสงค์จะสืบย้อนไปถึง รากเหง้าในอดีตของสำนัก หวนรำลึกถึงความทรงจำอันขมขื่นและรื่นรมย์ ซึ่งจะช่วยให้ทั้งสามสำนักสามารถละวางความขัดแย้งกันก่อนหน้านี้และยับยั้งตนเองให้มากขึ้นชั่วคราว ให้พวกเขาแต่ละสำนักมุ่งเน้นพัฒนาตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรับศิษย์ นำศิษย์ไปแสดงธรรมกถาเผยแผ่เต๋า ทำให้สามสำนักบำเพ็ญเต๋าเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น
นำศิษย์ไปเผยแผ่เต๋ามากขึ้น เหมือนเผยแผ่จนกดดันทั้งโลก
จากนั้นทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าจะขยายอิทธิพลและคุกคามความมั่นคงไปทั่วหล้าจนกดดันไปถึงเต๋าสวรรค์ที่จะเตรียมทัณฑ์สวรรค์อันไร้ที่สิ้นสุดลงมาจัดการ…
แล้วนั่นจะไม่นำมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพมาหรือ?
ส่วนมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพของหลี่ฉางโซ่วนั้น ยามนี้เขาได้พบการสนับสนุนจนอยู่ในระดับจับเชือกขึ้นฝั่งให้สำเร็จ[3]แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องกังวลในเรื่องนั้น
ดังนั้น หลี่ฉางโซ่วจึงให้ความสำคัญกับการปรับปรุง ‘สูตรสงบลมปราณเต่า’ สามครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และทำให้มันไร้ข้อบกพร่องจนถึงจุดที่เกือบจะสมบูรณ์แบบที่สุด!
เขาทุ่มเทอย่างมากในการแสร้งทำเป็นป่วยครั้งนี้!
ผู้ใดจะรู้…
ช่างเถิด ไร้ประโยชน์จะเอ่ยถึง
ยังมีเวลาอีกเก้าปีก่อนจะเปิดการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋า ตอนนี้ข้าต้องตัดสินใจแล้วว่าควรจะไปหรือไม่? นี่เป็นคำถามที่ค่อนข้างจริงจัง
……
ตลอดสามปีในการนอนพักฟื้นบนเตียงที่ผ่านมานี้ หลี่ฉางโซ่วไม่ได้อยู่เฉยเช่นกัน
ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ส่วนหนึ่งกำลังยุ่งอยู่กับการทำเงินและมุ่งมั่นสร้าง ‘สถานที่ปลอดภัย’ นอกสำนัก
ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ส่วนหนึ่งกำลังเปลี่ยนแนวป้องกันที่ชายฝั่งทะเลทักษิณ และพร้อมจะจัดการกับสำนักบำเพ็ญประจิม เผ่ามังกร และแม่ทัพตงมู่ได้ทุกเมื่อ
การฝึกบำเพ็ญย่อมไม่ล่าช้าอย่างแน่นอน
นอกเหนือจากการฝึกบำเพ็ญแล้ว หลี่ฉางโซ่วยังใช้เวลาสามปีที่ผ่านมานี้ไปกับวิธีการจำแลงกายนอกร่างของเขา
‘ด้วยการยืมพลังเวทของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู ข้าจึงสามารถสร้างตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบได้’
ทว่าวิธีนี้ไม่ง่ายนัก มันยากมากที่จะทำตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่มีพลังเวทขึ้นมาได้จริงๆ ซึ่งตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่หลี่ฉางโซ่วได้ทำออกมาด้วยวิธีก่อนหน้านี้ ไม่อาจเทียบด้วยได้ ทว่าตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่หลี่ฉางโซ่วกำลังฝึกทำอยู่ในยามนี้ มีความสามารถและสติปัญญามาก ซึ่งเขาก็ตระหนักได้ว่าหากทำสำเร็จ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตัวใหม่นี้จะมีคุณภาพเปลี่ยนแปลงไปมาก!
หลี่ฉางโซ่วมีหลักการหนึ่งที่เขาคำนึงถึงอยู่ในใจเสมอ
‘เพื่อความปลอดภัย ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตัวนี้จะต้องไม่มีจิตสำนึกใดๆ มันต้องเป็นเพียงแค่เครื่องมือเวทที่มีพลังเวทอย่างเดียวเท่านั้น’
หลี่ฉางโซ่วไม่ยอมให้มีสิ่งอันตรายพวกนี้ซ่อนอยู่รอบกายเขาอย่างแน่นอน…
และในเรื่องนี้ สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้หลี่ฉางโซ่วความจริงแล้วคือ ‘ละครโทรทัศน์’ แนวย้อนยุคที่เขาเคยดูมาหลายครั้งในชีวิตก่อนหน้านี้ – ‘พระถังซัมจั๋งผู้อ่อนแอ แต่ก็เต็มไปด้วยโชค เป็นที่ชมชอบในหมู่สตรียิ่งนัก’
มีฉากเยี่ยมน่าประทับใจฉากหนึ่ง คือฉากที่ปีศาจกระดูกขาวมายั่วศิษย์ทั้งสามของพระถังซัมจั๋งและลิงหิน[4]ก็ถือกระบองไล่ตีด้วยโทสะและอับอาย
ในเวลานั้น ปีศาจกระดูกขาวยังคงใช้วิชาปีศาจคร่าชีวิตมนุษย์เพื่อเปลี่ยนแปลงร่างของนาง…
หลี่ฉางโซ่วต้องการสร้างทักษะของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ให้อยู่ในรูปแบบนั้นที่สามารถเปลี่ยนได้ราวกับเขากำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า
มีเพียงร่างหลัก จิตใจ และจิตสำนึกเดียวของเขาที่เคลื่อนไหวไปมาเท่านั้น
ดังนั้น หลี่ฉางโซ่วจึงไม่ได้ฝึกฝนการจำแลงกายนอกร่างด้วยพลังเวทโดยตรง แต่ใช้เวลาและความพากเพียรเพื่อปรับปรุงตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์มากขึ้น
………………………………………………………………….
[1] หมายถึง โกรธจัด
[2] หมายถึง พวกเจตนาไม่บริสุทธิ์
[3] เปรียบเทียบว่า หลี่ฉางโซ่วมาถึงระดับที่หากเขาอยากขึ้นเป็นเทพเมื่อใดก็ได้ เพียงแค่ข้ามผ่านมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ เขาก็เป็นได้เลย
[4] ลิงหินคือ ไซอิ๋วหรือซุนอู่คง