ตอนที่ 154 กำเนิดตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ขอบเขตเซียนเทียน (2)
ในช่วงสามปีของการนอนพักบนเตียงนั้น หลี่ฉางโซ่วก้าวหน้าไปมาก
เวลานี้ ภายในห้องลับใต้หอโอสถหลี่ฉางโซ่วนั่งอยู่บนเก้าอี้ทรงกลมและเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบาๆ
เขาคิดว่าจะใช้ตัวตนในฐานะศิษย์ธรรมดาของกลุ่มเต๋าแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินที่อยู่ห่างไกลเพื่อเดินทางไปร่วมงานประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋า หรือว่าก่อนออกเดินทาง ค่อยหาข้ออ้างเพื่อหลีกเลี่ยงการไปเข้าร่วมงานประชุมนี้?
การที่สำนักเรียกศิษย์เข้าประชุมก่อนล่วงหน้าสิบสองปี เรื่องนี้… หลี่ฉางโซ่วหวนคิดดูแล้ว รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ราวกับว่าทั้งสำนักกำลังจับจ้องมาที่เขา…
หลี่ฉางโซ่วจึงไม่รีบตัดสินใจในยามนี้
หลังจากนั้นอีกสี่ปี เขาก็หายป่วยและไปที่หอไป่ฝานเพื่อถวายเครื่องสักการะท่านปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพต่อไป
หากปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพของข้าแอบชักจูงสำนักตู้เซียน และจัดการเรื่องนี้ ก็อาจมีเบาะแสชี้นำอื่นๆ …
ดังนั้น ช่วงบ่ายวันหนึ่งในอีกสี่ปีต่อมา
“วันนี้อากาศดีจริง”
หลี่ฉางโซ่วค่อยๆ ขี่เมฆ บินกลับมาจากยอดเขาตันติ่ง พร้อมแผ่พลังสัมผัสเซียนรับรู้กวาดออกไป จึงเห็นหลิงเอ๋อร์และอาจารย์อาน้อยทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่ในกรงสัตว์วิญญาณ
หลิงเอ๋อร์ไม่ต้องไปเข้าร่วมงานประชุม แต่อาจารย์อาน้อยเป็นเซียนเสิ่นของสำนัก ดังนั้นจึงต้องไปเข้าร่วมด้วย
ภายในสำนักตู้เซียน เวลานี้บรรยากาศตึงเครียดมาก เลวร้ายยิ่งกว่าบรรยากาศก่อนการแข่งขันในสำนักเมื่อก่อนหน้านี้มากนัก
การประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋ากำลังใกล้เข้ามา ซึ่งในอีกสามถึงสี่ปีต่อมา สำนักตู้เซียนจะต้องเริ่มเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋า
วันนี้เป็นวันที่หลี่ฉางโซ่ว ‘ฟื้นตัว’ แล้ว
เขาจงใจไปที่ยอดเขาตันติ่งก่อนเพื่อเยี่ยมและสนทนาอยู่สองสามชั่วยามกับผู้อาวุโสว่านหลินหยุน ชายชราผู้โดดเดี่ยวก่อนจะเดินเล่นแล้วกลับไปที่ยอดเขาหยกน้อย
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนมองสิ่งที่เขาทำไม่ออก…
หลี่ฉางโซ่วพึมพำกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะก้มลงมองมือและมีความคิดอื่นผุดขึ้นมาในใจอีกครั้ง
จากนั้น เขาก็ขี่เมฆ บินไปด้วยระดับความสูงที่พอเหมาะ ผ่านยอดเขาหยกน้อยแล้วตรงไปที่หอพระสูตรเต๋าแห่งยอดเขาพิชิตสวรรค์… เพื่อเยี่ยมผู้อาวุโสฉีหลิงและขอบคุณที่มาดูแลเขาในยามที่เขาล้มป่วยเมื่อก่อนหน้านี้ ครึ่งชั่วยามต่อมา หลี่ฉางโซ่วก็ออกมาจากหอพระสูตรเต๋าพร้อมด้วยรอยยิ้มเบิกบานในขณะที่กลับมายังยอดเขาหยกน้อย
หลี่ฉางโซ่วได้พูดคุยกับผู้อาวุโสฉีหลิงอย่างไร้ยางอายอยู่สักพัก และในที่สุดเขาก็แน่ใจว่าผู้อาวุโสฉีหลิงไม่อาจมองทะลุเห็นเขาได้เช่นกัน!
‘พลังเวทในการปรับปรุงตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่มอบให้เขานั้นทรงพลังน่าทึ่งจริงๆ’
หลี่ฉางโซ่วต้องใช้เวลาครึ่งปีเพื่อทุ่มเททำตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตัวใหม่ ซึ่งในขณะนั้น มันก็มีลมปราณ ‘ชีวิตมนุษย์’ แล้ว โดยอำพรางระดับฐานพลังปราณเป็น ระดับต้น ล่าง กลาง และสูง ราวกับเป็นชุดเกราะที่สามารถถอดประกอบได้ตลอดเวลา
สำหรับหลี่ฉางโซ่วแล้ว ฐานพลังปราณขั้นสูงสุดของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตัวใหม่นี้ สามารถปล่อยพลังได้สูงสุดที่ขอบเขตเซียนเทียนระดับต้นแล้ว!
พูดได้ว่า ด้วยทักษะการทำงานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน หลี่ฉางโซ่วจึงสามารถควบคุมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ซึ่งมีพลังต่อสู้ในขอบเขตเซียนเทียน ได้พร้อมกันสามถึงสี่ตัว
ด้วยเหตุนี้ หลี่ฉางโซ่วจึงคิดจะทำตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ชั้นยอดนี้ออกมาเพื่อให้ร่วมมือกันเป็นกลุ่มในการโจมตี ช่วยเหลือ วางยาพิษ และเบี่ยงเบนความสนใจ ทำลายสมาธิในการต่อสู้ของอีกฝ่าย รวมถึงสังหารเหล่าเซียนเทียนที่ทรงพลังโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ…
แน่นอนว่าเขาก็ต้องมีโอกาสลงมือก่อนด้วย
แต่กลุ่มตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ชั้นยอดนี้ ยังคงมีข้อบกพร่องร้ายแรงซึ่งหลี่ฉางโซ่วไม่อาจแก้ไขได้ด้วยขอบเขตพลังปราณในยามนี้
นั่นคือ มันไม่อาจฟื้นคืนพลังเซียนได้ด้วยตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้น การสร้างตุ๊กตาจำลองมนุษย์ชุดใหม่นี้ เขาต้องใช้ปริมาณเยื่อไม้วิญญาณในการทำตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์มากกว่าเดิมถึงสามเท่า และยังต้องใช้เลือดสัตว์วิญญาณจำนวนมาก เพื่อให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตัวใหม่นี้แข็งแกร่งพอจะแบกรับพลังปราณวิญญาณของเขาได้มากขึ้น
นอกจากนี้ หากตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทำลายตัวเองหรือถูกทำลาย หลี่ฉางโซ่วก็จะเจ็บปวดใจไปด้วย
อย่างไรก็ตาม เขายังต้องเตรียมวางกฎห้ามที่จำเป็นเอาไว้ทั้งหมด
หลี่ฉางโซ่วได้เรียนรู้ถึงประโยชน์ของการระเบิดตนเองมาก่อนแล้ว จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่ยอมปล่อยมันไป…
เมื่อกลับจากยอดเขาพิชิตสวรรค์ มาถึงยอดเขาหยกน้อยแล้ว หลังจากผ่านไปครึ่งวัน หลี่ฉางโซ่วก็รีบกลับไปที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์อีกครั้ง
ครั้งนี้ เขาใช้ร่างจริงมุ่งหน้าไปที่นั่น และปักธูปสูงจำนวนสามดอกเอาไว้ข้างหน้ารูปภาพเหมือนของปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพ
จากนั้นก็กล่าวเสียงเบาว่า “ศิษย์ฉางโซ่ว มีข้อสงสัยบางอย่าง ไม่รู้ว่าศิษย์จะรับผิดชอบในการไปดินแดนเทวะมัชฌิมาได้หรือไม่”
ผู้อาวุโสด้านกิจการภายนอกหลายคนที่ได้ยินเสียงพึมพำนี้ ต่างก็ยิ้มเล็กน้อยพลางพยักหน้า และรู้สึกประทับใจหลี่ฉางโซ่วมากขึ้น
เวลานี้ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ จากรูปภาพเหมือนของปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพและไม่มีอักขระเต๋าใดๆ ออกมา
แต่จู่ๆ หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกแปลกๆ ขึ้นในใจ เป็นการตระหนักรู้ซึ่งรวมเป็นคำง่ายๆ ที่ผุดขึ้นมาและสลายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
“จงนิ่งสงบ ใจว่างเปล่า วางเฉย เริ่มต้น และจบลงด้วยความมั่นคง”
นี่คือ…
คำชี้แนะของปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพ!
ไม่เพียงแต่ปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพจะจำข้าได้เท่านั้น แต่ยังให้คำชี้แนะแก่ข้าด้วยตัวเองอีกด้วย!
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกตื่นเต้นขึ้นทันทีและตัดสินใจแน่วแน่ได้อย่างกะทันหันก่อนจะก้มคำนับสามครั้ง จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วจากไป
ในเวลาเดียวกันนั้น ที่ใต้ต้นไม้ในสวนหลังวังดุสิต ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูกะพริบตาดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเมตตาบริสุทธิ์
“วิธีถ่ายทอดการตระหนักรู้ของท่านอาจารย์ผ่านข้า[1]เช่นนี้… มีประโยชน์ดีจริงๆ”
…
…
ณ สำนักเซียนเซียวเหยาในดินแดนเทวะมัชฌิมา หนึ่งในกลุ่มสำนักเต๋าไม่กี่กลุ่มแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน…
ภายในค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาที่หนาแน่นแต่ราบเรียบบนยอดเขาซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย…
มีนักพรตเต๋าชราผู้ถือแส้หางม้า ลอยไปยังกระท่อมหินที่ศิษย์รักของเขาใช้ฝึกฝนทุกวัน
เพิ่งเข้าใกล้กระท่อมหิน นักพรตเต๋าชราผู้อยู่ในขอบเขตเซียนเทียนก็สั่นสะท้าน วางปราการพลังเซียนป้องกันหลายชั้นเอาไว้รอบร่างของเขาโดยไม่รู้ตัว
หลังจากครุ่นคิดแล้ว นักพรตเต๋าชราก็หยิบกระจกพิทักษ์ใจออกมาแล้ววางไว้บนหน้าอก จากนั้นจึงหยิบชุดเกราะที่เปล่งแสงเซียนออกมาสวมใส่บนตัวของเขาเอง…
เมื่อทำทั้งหมดนี้แล้ว นักพรตเต๋าชราที่ถืออาวุธครบมือก็ผลักประตูกระท่อมหินอย่างระมัดระวังและตะโกนว่า “หลิงลี่ อาจารย์มีอะไรจะบอกเจ้า”
ฟิ้ว…
มีเสียงลมพัดมาอย่างรวดเร็วจากประตู แล้วร่างสง่างามราวหอคอยเหล็กพร้อมกับโบกไม้เรียวยาวอยู่ในมือตลอดเวลาก็ปรากฏกายออกมา
ไม้เรียวยาวในมือของนางนี้มีน้ำหนักสามพันจิน ทำจากเหล็กวิญญาณปฐพี ซึ่งมีพื้นผิวราวกับเนื้อไม้มะเดื่อ!
ครั้งนี้นักพรตเต๋าชราใช้พลังเซียนตะโกนออกไปอีกครั้ง “หลิงลี่ อาจารย์มีอะไรบางอย่างจะบอกเจ้า!”
ร่างกายแข็งแรงกำยำหันกลับมา เผยให้เห็นใบหน้าน่ารักที่คล้ายกับเด็กสาวซึ่งเบิกบานใจยิ่งที่ได้เห็นนักพรตเต๋าชรา
“อ๋า ท่านอาจารย์! ท่านมาหาศิษย์!”
กล่าวจบ อาจเป็นเพราะความตื่นเต้น ทันใดนั้น ไม้ยาวก็บินออกจากมือของนางพุ่งตรงไปที่นักพรตเต๋าชรา ทำให้สีหน้าของนักพรตเต๋าชราเปลี่ยนไปในทันที…
……………………………………………………….
[1] สรุปว่าการส่งผ่านการตระหนักรู้ให้หลี่ฉางโซ่วในครั้งนี้ บรรพชนไท่ชิงส่งผ่านให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูเพื่อให้ส่งต่อให้หลี่ฉางโซ่วอีกที แต่หลี่ฉางโซ่วเข้าใจว่าเป็นการส่งผ่านโดยตรงจากบรรพชนไท่ชิง