ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – ตอนที่ 172 มนุษย์หมีอยู่ในที่แจ้ง หลี่ฉางโซ่วอยู่ในที่ลับ (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 172 มนุษย์หมีอยู่ในที่แจ้ง หลี่ฉางโซ่วอยู่ในที่ลับ (2)

คำว่า ‘ไป’ หมายความอันใด?

หากเติมคำว่า ‘หว่อ’ ที่ข้างหน้า กับคำว่า ‘เฉา’ พร้อมด้วยการใช้น้ำเสียงที่ต่างกัน ซึ่งจะกลายเป็นคำว่า ‘หว้อเฉ่า’ ก็จะส่งผลให้มีความหมายต่างกัน[1]

“ทะเล… พี่ชาย” สงหลิงลี่ที่นั่งงอตัวกอดเข่าของนางอยู่ บัดนี้ดูม้วนตัวจนเป็นดั่งลูกทรงกลม นางเอ่ยถามเสียงนุ่มนวลว่า “เราจะซ่อนตัวอยู่ที่นี่นานเพียงใดกัน?”

“ซ่อนอยู่จนจบ” หลี่ฉางโซ่วกล่าวผ่านการส่งข้อความเสียงของเขา “จงนั่งสมาธิแล้วท่องคำว่า ‘พี่ชาย’ ซ้ำห้าร้อยจบในใจ ห้ามเปิดเผยที่อยู่ของร่างจำแลงของข้า”

“เจ้าค่ะ” สงหลิงลี่พยักหน้าหนักแน่นแล้วเริ่มท่อง นับเงียบๆ

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็แบฝ่ามือซ้ายของเขาแล้วกดลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยหญ้าสีเขียวอ่อนเพื่อสัมผัสอย่างระมัดระวัง

เขาเคยอ่านเจอในตำราโบราณว่า หากประสงค์จะสร้างโลกใบเล็กจะต้องมีธาตุทั้งห้าสมบูรณ์แบบและความสมดุลของหยินหยางเป็นพื้นฐานก่อน

เขาสามารถใช้วิชาหลบหนีของเขาได้อย่างอิสระในโลกใบเล็กภายในภาพวาดนี้

แต่พื้นดินที่นี่ค่อนข้างบางและท้องฟ้าก็ต่ำไปเล็กน้อยเช่นกัน เขาจึงใช้กำลังมากเกินไปไม่ได้

ข้าควรไปช่วยศิษย์น้องหญิงตัวอันตราย และคนอื่นๆ หรือไม่? ย่อมดีกว่าหากในสำนักจะมีสมบัติวิญญาณมากขึ้น

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะปัดความคิดนั้นออกไป แล้วตัดสินใจซ่อนตัวก่อนจะคิดถึงเรื่องอื่น

ถึงเวลาที่จะแสดงของจริงแล้ว…วิชาอำพรางตัวตนของเขา ในขณะนั้น สงหลิงลี่ก็กล่าวเบาๆ ว่า “พี่ชาย ข้าท่องจบแล้ว”

“หลิงลี่ เจ้ารู้จักวิชาหลบหนีหรือไม่?” หลี่ฉางโซ่วถาม

“ไม่…” สงหลิงลี่ปฏิเสธ

“ไม่เป็นไร ข้าจะเดินในดินหลังจากนี้ จงฟังข้อความเสียงของข้าและเดินบนพื้นผิว เราจะหาที่หลบซ่อนและหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับคนเหล่านี้กัน”

“โอ้ เจ้าค่ะ” สงหลิงลี่ขานรับอย่างเชื่อฟัง

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ร่ายเวทหลีกลี้ปฐพีซ่อนกายไปอยู่ใต้พื้นดิน เขาให้ทิศทางสงหลิงลี่ แล้วปล่อยให้นางอยู่ในที่โล่งแจ้งในขณะที่เขาซ่อนตัวอยู่ในที่ลับแล้วมุ่งหน้าตรงไปยังขอบของโลกในภาพแผนที่

หากไม่เป็นเพราะภายนอกมีปรมาจารย์มากเกินไปขณะที่หลี่ฉางโซ่วก็ไม่สามารถใช้ทักษะเวทของเขาได้อย่างโจ่งแจ้ง เขาจึงต้องให้สงหลิงลี่อยู่ในที่โล่งในขณะที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อยู่ในที่ลับโดยมีร่างหลักของเขาซ่อนตัวอยู่ในตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์

เช่นนี้แล้ว ย่อมจะทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้น

ในขั้นต้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูยังเฝ้ารอดูอยู่ เขาอยากเห็นหลี่ฉางโซ่วต่อสู้กับผู้อื่น และเผยพลังเวทออกมา

เมื่อหลี่ฉางโซ่วเข้าไปในดินแล้วเคลื่อนตัวไปพร้อมกับสงหลิงลี่ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูก็คิดในใจว่า ‘เจ้าเด็กผู้นี้น่าสนใจจริงๆ’ จากนั้นเขาก็ยังจับจ้องหลี่ฉางโซ่วต่อไปอีกครึ่งชั่วยาม …

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูเกิดความสงสัยขึ้นทีละน้อยในใจ

เขากำลังปิดบังสิ่งใดอยู่?

นอกจากเขาแล้ว ยังมีเซียนเสิ่นอีกเพียงสองหรือสามคนที่นี่เท่านั้น

ในที่สุด หลี่ฉางโซ่วก็พบรอยหินแตกในหุบเขา และเข้าไปในนั้น เขาสร้างภาพลวงตาสองชั้นด้านนอกหินเอาไว้ แล้วให้สงหลิงลี่ซ่อนตัวในหลุมหินอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยจั้ง…

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูยิ้มไม่ออกอีกต่อไปขณะที่ปากกระตุกสองสามครั้ง

เจ้าจะไม่หาคนต่อสู้ด้วยเพื่อสร้างชื่อให้ตัวเองโด่งดังหรือ? เจ้าจะมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่แล้วเป็นแค่ท่อนไม้เช่นนั้นหรือ?

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกทันที แต่หลังจากนั้น จู่ๆ เขาก็หยั่งรู้ถึงบางอย่าง

ชายผู้นี้มีนิสัยคล้ายท่านอาจารย์ของเขา ซึ่งอาจเป็นผลให้ท่านอาจารย์สนใจเขา

แต่… ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูก็ยังคงสงบนิ่งพลางขยับนิ้วเบาๆ

เวลานี้ ในภาพวาดแผนที่ มีสัตว์ปีศาจสองตัวอยู่ใกล้สถานที่หลบซ่อนของหลี่ฉางโซ่วซึ่งตัวสั่นอยู่แล้วรีบพุ่งออกมาจากรังใหม่อันอบอุ่นของพวกมัน จากนั้นก็ข้ามภูเขาแล้วมุ่งหน้าตรงไปยังหุบเขา…

แทบจะทันทีที่สัตว์ปีศาจทั้งสองเคลื่อนไหว หลี่ฉางโซ่วก็เพ่งสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาไปที่สัตว์ปีศาจทั้งสอง… สัตว์ปีศาจหมายถึงสัตว์ร้ายในหมู่ปีศาจที่ไม่ต้องการหรือไม่อาจแปลงร่างได้ โดยปกติแล้วพวกมันจะดูดซับปราณสุริยันจันทราเพื่อเพิ่มฐานพลังปราณของพวกมัน สัตว์ปีศาจจำนวนมากยังไม่ได้พัฒนาสติปัญญา แต่จะมีทักษะการต่อสู้และสังหารที่ทรงพลังมาก

ในขณะนั้น สัตว์ปีศาจสองตัวที่กำลังพุ่งเข้ามาในหุบเขานี้ มีความแข็งแกร่งอยู่ในขอบเขตเซียนหยวน เดิมทีพวกมันมีไว้เพื่อให้เหล่าศิษย์ใช้ฝึกฝน…

หลี่ฉางโซ่วตระหนักได้แล้วว่าอาจมีคนกำลังพยายามทดสอบเขาอยู่

เมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องนี้สักพัก หลี่ฉางโซวก็หยิบโอสถพิษระดับล่างสองขวดออกมาจากแขนเสื้อแล้วชี้แนะบางอย่างให้สงหลิงลี่

เวลานั้น สงหลิงลี่กระโดดออกมาทันที นางหันศีรษะไปแล้วปล่อยหมัดชกกำแพงภูเขาไปสองครั้งก่อนจะโยนหินก้อนใหญ่ออกมาและพบหินสองสามก้อนที่นางพอใจ

ไม่นานนัก สัตว์ปีศาจทั้งสองก็วิ่งเข้าไปในหุบเขาพร้อมด้วยลมปราณปีศาจที่พุ่งพรวดขึ้นขณะที่พวกมันร้องคำรามออกมาไม่หยุด! งูเหลือมบุปผาเขียวตัวยาวนับสิบจั้ง พยัคฆ์ปีศาจมีปีกคู่หนึ่งอยู่บนโครงร่างและมีควันดำพวยพุ่งออกไปทั่วร่างของมัน ทันใดนั้น พวกมันทั้งคู่ล้วนจ้องมองไปที่สงหลิงลี่!

หลังจากนั้นสงหลิงลี่ไม่เอ่ยวาจาใด ร่างหอคอยเหล็กของนางเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งอย่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งขณะที่นางยกหินก้อนขนาดมหึมาสองก้อนแล้วจ้องมองไปที่สัตว์ปีศาจทั้งสอง

ทันใดนั้น สัตว์ปีศาจทั้งสองพลันร้องคำรามและพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล

ในเวลานั้น ความโกลาหลของที่นี่ก็ดึงดูดความสนใจผู้คนเอาไว้อย่างกะทันหันขณะที่เขาตรวจพบสัมผัสเซียนรับรู้ได้นับสิบสาย…

สัมผัสเซียนรับรู้เหล่านั้นทำได้เพียงมองเห็นพยัคฆ์ปีศาจที่บินอยู่กลางอากาศและงูเหลือมปีศาจที่เลื้อยอยู่บนพื้น ลำดับเวลาการมาถึงของพวกมันแทบจะพร้อมๆ กันจนแยกไม่ออก ขณะนี้พวกมันอยู่ข้างหน้า ห่างจากสงหลิงลี่ไปห้าสิบจั้งและกำลังจะพุ่งเข้าขย้ำนางในชั่วพริบตา

ในขณะนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ส่งข้อความเสียงของเขาออกไปช้าๆ

“ตุ้บ”

ทันทีที่กล่าวจบ สัตว์ปีศาจทั้งสองก็หยุด งูเหลือมปีศาจเงยหน้าขึ้นส่งเสียงคำรามและพยัคฆ์ปีศาจก็ล้มลงไปกับพื้น

สงหลิงลี่จึงหันกลับแล้วขว้างหินก้อนใหญ่สองก้อนที่อยู่ข้างหน้านางออกไป จากนั้นหินก้อนใหญ่สองก้อนที่ดูราวกับหินโม่ก็พุ่งตรงไปหาพวกมันพร้อมด้วยเสียงดังสนั่นทันที!

ตูม! ตูม!

ฉับพลันนั้น หัวงูเหลือมก็ถูกกระแทกทับจนแบนและร่างใหญ่ของมันตกลงไปข้างหลัง

ส่วนพยัคฆ์ปีศาจยิ่งอยู่ในสภาพน่าอนาถมากขึ้นไปอีกเมื่อมันถูกหินก้อนใหญ่กระแทกลงไปกับพื้น ร่างของมันกระตุกสองสามครั้งและขาของมันก็หยุดเคลื่อนไหว

เรียบร้อยแล้ว…

ตลอดกระบวนการเหล่านี้ หลี่ฉางโซ่วไม่แม้แต่จะขยับย้ายบั้นท้ายเลย

เหล่าเซียนผู้เป็นเจ้าของสัมผัสเซียนรับรู้ที่เฝ้าสังเกตสถานที่นี้ ต่างก็ชื่นชมพลังเวทอันเฉียบขาดของสงหลิงลี่…

ด้านนอกภาพแผนที่นั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูยกมือก่ายหน้าผากแล้วแอบส่ายศีรษะขณะมองหาสัตว์ปีศาจที่อยู่รอบๆ ต่อไป

เขายังไม่อยากเชื่อว่า ในวันนี้เขาจะบังคับให้หลี่ฉางโซ่วเคลื่อนไหวไม่ได้

จากนั้นไม่นานก็มีสัตว์ปีศาจอีกสองสามตัวพุ่งเข้าไปที่หุบเขานี้…

ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ขมวดคิ้วและกวักมือเรียกสงหลิงลี่ ซึ่งกำลังมีน้ำลายไหลหยดลงไปที่พยัคฆ์ปีศาจและงูเหลือมปีศาจ แล้วแทบจะในทันทีหลังจากนั้น… เขาก็หนีออกมาอย่างไม่ลังเลใจใดๆ

………………………………………………………………….

[1] ในภาษาจีน หว่อ แปลว่าข้า ส่วน เฉา แปลได้หลายอย่างเช่น รางหญ้า แต่เมื่อนำ หว่อ มาวางข้างหน้า เฉา จะกลายเป็น หว้อเฉ่า แปลว่า บัดซบ ซึ่งความหมายจะต่างกันมาก

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท