ตอนที่ 216 เจ้ากลัวผู้ทรงพลังยิ่งใหญ่หรือไม่? (2)
เมื่ออวิ๋นเซียวบินกลับเข้าไปในกำแพงเมฆ จ้าวกงหมิงก็โล่งใจอย่างเห็นได้ชัด หลี่ฉางโซ่วกังวลว่า ท่านอาจารย์ลุงจ้าวจะเปลี่ยนท่าทีแล้วกล่าวโทษเขา จึงฉวยโอกาสกล่าวขึ้นทันที
“ผู้อาวุโสทำให้ข้าลำบากแล้ว”
จ้าวกงหมิงงุนงงในทันใด แล้วมองไปที่หลี่ฉางโซ่วพลางถามอย่างเป็นห่วงว่า “อันใดกัน?”
ทว่าหลี่ฉางโซ่วทำท่าทางให้เขาเงียบๆ
ปรมาจารย์จ้าวเข้าใจทันที เขาหันศีรษะไปมองเกาะซานเซียนและคว้าแขนของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นักพรตเต๋าของหลี่ฉางโซ่ว จากนั้นก็ขี่เมฆไปทางดินแดนเทวะทักษิณ
เมื่อทั้งสองคนออกจากเกาะซานเซียนไปได้ระยะทางแสนลี้ จ้าวกงหมิงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกและทันใดนั้นก็หันกลับมามีทีท่าดูห้าวหาญและอิสระร่าเริงตามปกติของเขาในทันที
เห็นเช่นนี้ หลี่ฉางโซ่วก็แอบหัวเราะในใจ และคิดจะไปหาเทพธิดาอวิ๋นเซียว บัดนี้ เขาได้พบคู่ปรับตัวฉกาจของจ้าวกงหมิงและฉยงเซียวแล้ว! “เหตุใดสหายเต๋าถึงกลัวน้องสาวมากนัก?”
“ข้าพูดได้หรือไม่ว่า ข้ากลัวน้องสาว?” จ้าวกงหมิงลูบเคราพลางแย้มยิ้ม “ก็แค่กลัวเล็กน้อย”
ในเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วรู้สึกขบขันหนักจนแทบเอวเคล็ดขณะเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “โอ้? ไยจึงเป็นเช่นนั้น? สหายเต๋าเป็นพี่ชายคนโตนะ”
จ้าวกงหมิงส่ายศีรษะและกล่าวว่า “ส่วนมากก็เป็นเพราะน้องรองของข้าหัวโบราณและดื้อรั้นยิ่ง ย้อนกลับในยามที่ท่านอาจารย์เทศนาเต๋าในวังปี้โหยว นางต้องไล่จี้ถามท่านอยู่ตลอดเวลาเพราะมีรายละเอียดบางอย่างที่ยังชี้แจงไม่กระจ่างนักจนท่านอาจารย์ต้องอับจนหนทางในทุกครั้งที่นางทำเช่นนั้น แม้นี่จะเป็นสิ่งที่ดี แต่บางครั้ง นางก็ปรับตัวยากและมักจะยึดติดหลักการอยู่เช่นนั้น นอกจากนี้ เมื่อน้องรองตัดสินใจว่าจะทำอะไรสักอย่าง นางก็จะทำมันให้ได้แม้ต้องเสี่ยงชีวิตก็ตาม นางอุทิศตนเพื่อแสวงหาเต๋าที่ยิ่งใหญ่อย่างสุดใจ ในสมัยโบราณ ระดับพลังปราณของนางยังด้อยกว่าข้ามากนัก แต่บัดนี้ ระดับพลังปราณของนางสูงกว่าข้าแล้ว นางสามารถยืนหยัดทัดเทียมศิษย์พี่ตั๋วเป่าได้ ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก!”
หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าช้าๆ ความจริงแล้ว ไม่มีผู้ใดสมบูรณ์แบบไปทุกอย่าง และนิสัยที่แท้จริงของอวิ๋นเซียวก็น่ากลัวเกินไปสักหน่อยจริงๆ
จากนั้นจ้าวกงหมิงก็มีน้ำเสียงเปลี่ยนไป เขาลูบเคราพลางเอ่ยถามว่า “สหายเต๋ากล่าวว่าข้าทำให้เจ้าลำบาก เมื่อครู่นี้ เกิดอันใดขึ้นกับเจ้าหรือ?” “ใช่แล้ว” หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะและกล่าวว่า “ผู้คนที่ถูกสหายเต๋าหลอกลวงมาก่อนหน้านี้ได้ก่อให้เกิดกรรมตามมามากมาย และข้าเองก็ยังมีส่วนร่วมพัวพันในเรื่องนี้ด้วยอย่างมากจนยากจะแยกตัวเองออกมาได้ ข้าไม่สะดวกจะกล่าวไปมากกว่านี้ เพราะเกี่ยวข้องกับสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน สหายเต๋า โปรดอย่าได้ตำหนิข้าเลย”
จ้าวกงหมิงมีท่าทีละอายใจ แล้วประสานมือคารวะให้หลี่ฉางโซ่วพลางกล่าวว่า “กงหมิงต้องขออภัยด้วยที่ไม่เคยคิดว่าสหายเต๋าจะต้องมาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้!”
หลี่ฉางโซ่วรีบโค้งคารวะกลับไปและกล่าวว่า “สหายเต๋าเป็นผู้อาวุโสของข้า โปรดอย่าทำเช่นนี้เลย”
จ้าวกงหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ไม่ ไม่ ไม่ พวกเราล้วนเท่าเทียมกัน ไยต้องแบ่งแยกผู้อาวุโสและผู้เยาว์ให้แตกต่างกัน? สหายเต๋า โปรดอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย! พวกเราต่างถูกคอ และยังสนิทกัน! สหายเต๋า หากเจ้ายังเกรงใจข้าเฉกเช่นคนนอกอยู่เยี่ยงนี้ เช่นนั้น ก็กลับไปที่เกาะซานเซียนและให้น้องสาวทั้งสามของข้าเป็นพยานว่าข้ากับเจ้าเป็นสหายกันอย่างเป็นทางการ เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”
หลี่ฉางโซ่วพูดไม่ออก…
ไม่เด็ดขาด!
โปรดอภัย ข้าต้องอำลาไปก่อน โปรดลืมเรื่องของเราให้เร็วที่สุดเถิด!
เทพเจ้าแห่งโชคลาภ[1]ในอนาคตผู้นี้ช่างไร้เดียงสาจริงๆ หรือเขาคิดจะแก้แค้นข้า?
เขาต้องดึงข้าลงไปในน้ำ[2]จนทำให้ข้าดับอนาถไปด้วยกัน แล้วถูกจัดให้อยู่ในรายนามทะเบียนเทพด้วยใช่หรือไม่?
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อได้เห็นเซียนซานเซียวในวันนี้… ก็รู้แน่ว่าวันหน้า พวกนางล้วนโหดเหี้ยมถึงขนาดกล้าทำร้ายจอมปราชญ์เทพในช่วงที่ไม่ทันระวังตัวได้!
แม้หลี่ฉางโซ่วจะชื่นชมอวิ๋นเซียวมาก แต่ก็แค่ชื่นชมเท่านั้น ตอนนี้เขาได้แต่หวังว่าจะได้อยู่ห่างไกลจากเกาะซานเซียนและจ้าวกงหมิงให้มากที่สุด …
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดพลางถอนหายใจ และกล่าวว่า “แม้ข้าจะอยากอยู่ในระดับเดียวกับสหายเต๋า แต่เทพธิดาอวิ๋นเซียวก็กล่าวถึงการยึดธรรมเนียมปฏิบัติได้ถูกต้อง กฎย่อมเป็นกฎ และอาวุโสก็คืออาวุโส”
จ้าวกงหมิงกะพริบตาทันที “น้องรองกล่าวเช่นนั้นหรือ?”
“นี่…”
จ้าวกงหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วแย้มยิ้มพลางกล่าวว่า “เอาเช่นนี้เป็นอย่างไรเล่า? ต่อไป ข้าจะเรียกเจ้าว่า เทพทะเล เจ้าก็เรียกข้าว่า ผู้อาวุโสหรือสหายเต๋า และในภายหน้า ค่อยเรียกข้าว่าผู้อาวุโสเมื่ออยู่ต่อหน้าน้องรองก็พอ”
หลี่ฉางโซ่วตะลึงงันไปพักหนึ่ง
ไม่รู้ว่าเทพธิดาอวิ๋นเซียวเคยทำอันใดไว้กับจ้าวกงหมิง?
แต่ท่าทางจริงใจของท่านอาจารย์ลุงจ้าวนั้น ก็ดูน่าสนใจอย่างยิ่งเช่นกัน
จากนั้นจ้าวกงหมิงและร่างจำแลงของหลี่ฉางโซ่วขี่เมฆกลับไปที่วิหารเทพทะเลก่อนจะมุ่งหน้าไปยังดินแดนเทวะมัชฌิมา
ก่อนออกเดินทาง จ้าวกงหมิงยังบอกหลี่ฉางโซ่วว่า เคหาสน์ถ้ำของเขาอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของดินแดนเทวะมัชฌิมา ถ้ำหลัวฝูแห่งภูเขาเอ๋อเหมย และบอกหลี่ฉางโซ่วว่า หากมีเวลาว่าง ก็ให้ไปเยี่ยมเยือนเคหาสน์ถ้ำของเขา
ภูเขาเอ๋อเหมยแห่งนี้เป็นดั่งแดนสวรรค์กลางป่า ซึ่งเป็นที่พำนักของบรรดาเซียนแห่งโลกบรรพกาล ไม่เพียงแต่มีจ้าวกงหมิงเท่านั้น แต่ยังมีปรมาจารย์อื่น ๆ อีกมากมายเข้าปิดด่านบำเพ็ญเพียรอยู่ที่นั่น แต่ที่แห่งนี้มิใช่สถานที่แห่งเดียวกับภูเขาเอ๋อเหมยที่หลี่ฉางโซ่วเคยได้ยินมาในชีวิตก่อนหน้านี้
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจขณะเฝ้าดูจ้าวกงหมิงขี่เมฆจากไป
แม้การเดินทางไปยังเกาะซานเซียนครั้งนี้ อาจทำให้ฉยงเซียวและปี้เซียวไม่พอใจเขา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เมื่อเทียบกับอันตรายที่แฝงเร้นจากการปล่อยให้จ้าวกงหมิง ฉยงเซียวและหานจื่อเที่ยวไปหลอกลวงผู้อื่นต่อไปเรื่อยๆ
ที่ทั้งสองคนไม่พอใจนั้น ย่อมนับเป็นเรื่องเล็ก อย่างมากที่สุด เขาก็จะถูกทุบตี แต่ไม่ถูกฆ่าตายด้วยเหตุนั้น!
หากวันหนึ่ง ฉยงเซียวและปี้เซียวมาหาเขาถึงที่ เขาก็จะนำตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์มาใช้รับมือ… หลี่ฉางโซ่วเก็บคืนตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์กลับลงไปไว้ใต้พื้นดิน บัดนี้ จิตใจส่วนใหญ่ของเขาได้กลับคืนสู่ร่างจริงของเขาเองแล้ว เขานั่งอยู่ที่มุมด้านหลังเรือสมบัติของสำนักตู้เซียนและคำนวณระยะทางที่ต้องเดินทางกลับบ้าน ซึ่งตามปกติแล้ว ขาจะทำการสรุป ใครครวญ แล้วเรียนรู้จากประสบการณ์…
หลังจากเหตุการณ์นี้ เขาควรจะรักษาระยะห่างจากจ้าวกงหมิงและเซียนซานเซียวเอาไว้ จะได้ไม่มีความขัดแย้งใดๆ ในช่วงเวลานี้
ขณะนี้ เขาได้รู้จุดอ่อนของอาจารย์ลุงจ้าวโดยบังเอิญและอาจจะใช้มันได้ในอนาคต
เมื่อนึกถึงหานจื่ออีกครั้ง หลี่ฉางโซ่วก็อดจะรู้สึกถึงความอัศจรรย์ของโลกมิได้…
บางทีหานจื่อและเซียนซานเซียวอาจมีชะตาลิขิตบางอย่างเกี่ยวพันกันอยู่แล้ว และเรื่องนี้ก็ทำให้พวกนางได้คุ้นเคยกันก่อน
กงหมิง เซียนซานเซียว…
อวิ๋นเซียวอ่อนโยน สงบเสงี่ยม และยึดมั่นในกฎเกณฑ์
ฉยงเซียว เฉลียวฉลาด อาจหาญ และเหลี่ยมจัด
ปี้เซียว เจ้าเล่ห์ ซุกซนและบ้าบิ่น… และคาดไม่ถึงว่า จ้าวกงหมิงจะเป็นคนกลัวน้องสาว…
ทว่านอกเหนือจากกรรมและเรื่องในภายภาคหน้าแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ยังคงรู้สึกสุขใจเล็กน้อย
เดิมทีเขากังวลว่า เมื่อฝึกบำเพ็ญไปถึงระดับสูงแล้ว ความคิดของเขาจะเปลี่ยนไป เขากลัวว่าจะทำได้เพียงรักษาธรรมชาติเต๋าของเขาเอาไว้เท่านั้นแล้วความสนุกสนานในชีวิตที่เป็นตามอารมณ์มนุษย์ธรรมดาจะลดน้อยลง
แต่ด้วยมีตัวอย่างที่มีชีวิตมากมายเหล่านี้แล้ว หลี่ฉางโซ่วจึงไม่กังวลในเรื่องนี้อีกต่อไป
ความแข็งแกร่งก็คือ ความแข็งแกร่ง ตัวตนก็คือ ตัวตน นับเป็นพรที่มีความเป็นมนุษย์ มีเลือดเนื้อ มีจิตใจ มีอารมณ์ ความรัก ความปรารถนา และการมีอายุยืนยาวก็ย่อมถือได้ว่าเป็นพร ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นเพียงดั่งหุ่นเชิดแห่งเต๋าที่ไร้ชีวิตชีวา…
จ้าวกงหมิงมีน้องสาวสามคนที่มีลักษณะนิสัยต่างกัน หลี่ฉางโซ่วไม่ได้อิจฉา เพราะอย่างไรเสีย เขาก็มีศิษย์น้องหญิงน้อยของเขาเองเช่นกัน
ช่างเถิด เดี๋ยวค่อยกลับไปพบกัน
มาดูก่อนว่า หลิงเอ๋อร์ทำอะไร แล้วค่อยตัดสินใจให้รางวัลแก่นาง
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็เปิดใช้งานตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่อยู่ข้างหลิงเอ๋อร์ ก่อนจะแผ่สัมผัสเซียนรับรู้ไปล้อมรอบกายหลิงเอ๋อร์ และทันใดนั้น เขาก็ตกตะลึงเมื่อพบว่า ความจริงแล้ว… หลิงเอ๋อร์กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่จริงๆ! หลี่ฉางโซ่วอดรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยไม่ได้ แต่เขาก็รักษาสัญญาและตัดสินใจที่จะถ่ายทอดพลังเวทตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์แบบดั้งเดิมให้แก่หลิงเอ๋อร์เมื่อกลับไป
ดูเหมือนว่าไม่เพียงแต่เขาจะต้องการขยายขนาดกรงสัตว์วิญญาณเพื่อรองรับการขยายพันธุ์ของพวกมันเท่านั้น แต่ยังต้องปลูกต้นไม้วิญญาณให้มากขึ้นอีกด้วย
…………………………………………………………………………
[1] ตามตำนาน จ้าวกงหมิงเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและความร่ำรวย มั่งมีศรีสุข บริบูรณ์ด้วยทรัพย์สินเงินทอง คนจีนถือเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภ ปางบู๊ (เรียกว่า ไฉ่ซิงเอี้ยหรือบางคนเรียกว่า ไฉเสิน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในช่วงเทศกาลตรุษจีน)
[2] ดึงมาร่วมกันทำสิ่งไม่ดี หรือดึงลงมาให้อยู่ในปัญหาหรือให้อยู่ในสถานการณ์เลวร้ายร่วมกัน