ตอนที่ 225 มุมมองด้านหลัง (1)
เมื่อหลี่ฉางโซ่วควบคุมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นักพรตเต๋าให้รีบไปที่โถงหลักของวิหารเทพทะเล เขาก็นึกถึงไตของท่านเจ้าสำนัก แค่กๆ!
นึกถึงเบื้องหลังของนักพรตเต๋าจึ้อู๋โหย่ว เขาก็ถอนหายใจ
เมื่อคิดให้รอบคอบแล้ว ท่านเจ้าสำนักก็ไม่ได้ถามอะไรและไม่ใส่ใจมากนัก นั่นเป็นหนทางเดียวที่เขาจะสามารถบรรลุความสงบสุขและการวางเฉยตามที่สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินสั่งสอนได้…
เนื่องจากเขาใคร่ครวญถี่ถ้วนมากเกินไป เพื่อปกปักรักษาชีวิตของเขา เขาจึงหลีกเลี่ยงกรรมและตัดกรรมมาโดยตลอด เมื่อเทียบกับท่านเจ้าสำนักแล้ว เขายังด้อยกว่า
แต่เขาทำอะไรไม่ได้ ด้วยอายุและระดับ ระดับพลังปราณ เขาไม่อาจทนแบกรับเรื่อง “การต่อสู้ที่แฝงเร้นอยู่ของสำนักใหญ่” ชะตากรรมของเผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ และ “การเป็นวีรบุรุษช่วยเหลือผู้คนจนมากเกินไป”!
เขาต้องระวัง เขาต้องปลอมตัวและซ่อนไพ่ไม้ตายบางส่วน เมื่อลืมตาขึ้น เขาอาจพบชายชราหัวล้านที่ดูใจดียืนจ้องมองเขา อยู่ตรงหน้าเขา…
“สหายน้อย เหอะๆ ข้าคิดว่า เจ้ามีชะตาต้องกับสำนักบำเพ็ญประจิม”
แค่คิดก็สยดสยองแล้ว!
สำนักบำเพ็ญประจิมยังกล้าลักพาตัวศิษย์ของจอมปราชญ์เทพแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋า หลี่ฉางโซ่วคุ้นเคยกับจอมปราชญ์เทพเท่านั้น อีกฝ่ายสามารถฆ่าเขาได้เพียงสะบัดมือเดียว ดังนั้น พวกเขาจะไม่กล้าโจมตีเขาได้อย่างไร?
เช่นนั้น ข้าควรรอจนกว่าจะมีพลังแข็งแกร่งเพียงพอก่อนจะพูดเรื่องการวางเฉยและแสวงหาความสงบสุขได้
คราวนั้นข้าจะซ่อนตัวอยู่ใต้ร่มไม้ด้านหลังของวังดุสิต แล้วนอนหลับโดยไม่สนใจทุกสิ่ง ความจริงแล้วไม่มีความสงบสุขและการวางเฉยอย่างแท้จริง เป็นเพียงว่า จอมปราชญ์เทพไท่ชิงแข็งแกร่งมากจนไม่มีผู้ใดกล้ายั่วยุเขา
ใช่แล้ว เมื่อข้ากลายเป็นเซียนจิน…
ช่างมันเถิด เพราะในท้ายที่สุด เซียนจินก็ทำได้เพียงขดตัวอยู่ในโลกบรรพกาลได้เท่านั้นและไม่อาจยืนหยัดอย่างแข็งแกร่งได้
อย่างน้อยที่สุด เขาต้องบรรลุเซียนต้าหลัวจิน และได้รับสมบัติวิญญาณที่สามารถสังหาร ป้องกันการโจมตีที่อันตรายร้ายแรง และหลบหนีได้ เขาต้องสร้างร่างทองแห่งบุญและมีสัมพันธภาพใกล้ชิดกับจอมปราชญ์เทพ!
จากนั้นเขาก็จะนอนหลับฝันดี เชอะ คิดเรื่องนี้ไปก็ไร้ประโยชน์ การจะทะยานสูงขึ้นไปได้อย่างมั่นคงนั้นย่อมสำคัญยิ่งกว่า
จากนั้นเขาก็รีบส่งข้อความเสียงไปถึงเทพธิดาอวิ๋นเซียวทันทีก่อนที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ หลี่ฉางโซ่วจะขึ้นมาจากพื้นดิน
ในโถงหลักของวิหาร ขณะนั้น เทพธิดาอวิ๋นเซียวซึ่งถ่ายเทพลังเซียนเข้าไปในตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อย่างต่อเนื่อง จู่ๆ ก็หยุดชะงักลงพร้อมด้วยสีหน้าท่าทางเสียใจ
เทพธิดาอวิ๋นเซียวได้เก็บม้วนภาพวาดไว้แล้ว ในเวลานี้ เมื่อร่างจำแลงที่สองของหลี่ฉางโซ่วบินมา นางก็เข้ามาใกล้ประตูวิหารเพื่อต้อนรับเขาและกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “เดิมที ข้าอยากให้ภาพวาดที่ท่านอาจารย์วาดด้วยตัวเองแก่สหายเต๋า แต่ไม่เคยคิดจะทำลายตัวตนของสหายเต๋า ข้าประมาทเกินไป ขอสหายเต๋าโปรดอย่าตำหนิ ข้าไม่รู้จะตอบแทนสหายเต๋าเช่นไรดี” หลี่ฉางโซ่วใจกระตุกขึ้นในทันที…
เทพธิดาอวิ๋นเซียวช่างใจกว้างจริงๆ
เมื่อครู่ก่อนนี้ เขาแทบจะหมดเรี่ยวแรง… ถูกอักขระเต๋าลึกลับดึงอย่างแรงเพื่อให้ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน!
เมื่อเห็นว่าหลี่ฉางโซ่วไม่ตอบ อวิ๋นเซียวจึงรีบถามว่า “เมื่อครู่นี้สหายเต๋าเพิ่งสร้างความเสียหายให้เต๋าของตัวเองหรือ?”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “มันเป็นเพียงร่างจำแลง ไม่เป็นปัญหาอะไร ไม่เป็นปัญหา”
“จะไม่เป็นปัญหาได้อย่างไร? ร่างจำแลงจะเกิดขึ้นใหม่อย่างง่ายดายได้อย่างไรกัน?”
อวิ๋นเซียวถอนหายใจเบา ๆ และนำม้วนภาพวาดมาอีกครั้งพลางกล่าวว่า “สหายเต๋า โปรดยอมรับสิ่งนี้ด้วยเถิด ดูเหมือนว่า มันจะต้องชะตากับสหายเต๋าจริงๆ ไม่เช่นนั้น หัวใจเต๋าของข้าจะไม่สบายใจจริงๆ”
ขณะกล่าว อวิ๋นเซียวก็พลิกมือซ้ายอย่างนุ่มนวล แล้วสมบัติสองสามชิ้นก็เปล่งประกายออกมา
“และสมบัติเหล่านี้ ได้โปรด…”
อันใดกัน?
นางจะต้องดึงข้าขึ้นไปในวิถีแห่งความเกรี้ยวกราดของจอมปราชญ์เทพจนให้เขาตายเร็วขึ้นและส่งเข้าสู่รายนามทะเบียนเทพใช่หรือไม่?
“ไม่ ข้าทำไม่ได้!”
หลี่ฉางโซ่วรีบถอยหลังไปครึ่งก้าวและจงใจแสดงความยับยั้งชั่งใจออกมา
อวิ๋นเซียวรู้สึกขบขันกับสีหน้าท่าทางของหลี่ฉางโซ่ว นางก้าวออกไปข้างหน้าเล็กน้อยและกล่าวเบาๆ ว่า “เหตุใดเล่า?”
“ท่านผู้อาวุโส โปรดอย่าทำเช่นนี้”
อวิ๋นเซียวปลอบโยน “โปรดอย่ากลัวไปเลย สหายเต๋าหยั่งรู้ถึงอักขระเต๋าเหล่านั้นแล้ว มันจะไม่ทำร้ายร่างจำแลงของสหายเต๋าอีกอย่างแน่นอน”
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกในทันที เหตุใดบทสนทนานี้จึงดูเหมือน…ระหว่างพี่สาวคนโตกำลังกล่อมเด็ก? “ผู้อาวุโส ผู้น้อยไม่กล้ารับม้วนภาพวาดที่ท่านจอมปราชญ์เทพผู้นี้วาดขึ้นมาเองจริงๆ”
อวิ๋นเซียวชี้แจงว่า “นี่เป็นเพียงภาพวาดธรรมดาๆ ที่ท่านอาจารย์ใช้พู่กันวาดขึ้นมาในยามว่าง หาใช่สมบัติวิญญาณไม่”
“มันมีความหมายต่างกัน” หลี่ฉางโซ่วกล่าวด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง “สมบัติของท่านจอมปราชญ์เทพนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ ท่านผู้อาวุโสโปรดนำสมบัตินี้กลับคืนไปเถิด”
เทพธิดาอวิ๋นเซียวกล่าวต่ออีกครั้งว่า “หากเป็นเช่นนั้น… แล้วจะตอบแทนร่างจำแลงนั้นของสหายเต๋าได้อย่างไร?”
“มันเป็นแค่ร่างจำแลงเท่านั้น” ดวงตาของหลี่ฉางโซ่วส่งสายตาจ้องมองอย่างจริงใจ แต่อวิ๋นเซียวขมวดคิ้วเล็กน้อย
มีบางอย่างไม่ถูกต้อง…
หลี่ฉางโซ่วรีบตั้งสติกลับคืนมาสู่ความเป็นจริงในทันใด
ในขณะนั้น เขาได้แสดงอย่างชัดเจนว่า เขาไม่ปรารถนาจะรับของขวัญที่อวิ๋นเซียวมอบให้เขา ทว่านางก็ให้ความสำคัญกับคุณค่าของร่างจำแลงแล้ว…
ตามความรู้ทั่วไปของโลกบรรพกาล การจำแลงกายนอกร่างนั้นล้ำค่ามากจริงๆ
การจำแลงกายนอกร่างนั้น ได้ก่อกำเนิดขึ้นมาจากวัสดุล้ำค่าหรือจากพลังเวทที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้น จำแลงกายนอกร่างจึงเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญเพียร
แต่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของเขามีค่าด้อยเกินไป และพลังเวทตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วก็ได้รับการปรับเปลี่ยนจากพลังเวทที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่มอบให้หลายครั้ง และในที่สุด มันก็กลายเป็นพลังเวทที่เขาสามารถสร้างตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ด้วยเพียง… เยื่อไม้บางส่วน หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ท่านคิดว่า ร่างจำแลงนี้ของข้าต้องใช้ความพยายามอย่างมากใช่หรือไม่ขอรับ?”
อวิ๋นเซียวพยักหน้าเบา ๆ ดวงตาของนางเยือกเย็นและและกระจ่างชัดเจน “แล้วไม่ใช่เช่นนั้นหรือ?”
“ฮ่าๆๆๆ!”
หลี่ฉางโซ่วหัวเราะเต็มที่จนแม้แต่ผิวของเซียนชรายังสั่นขณะกล่าวว่า “ข้ามีพลังเวทที่ช่วยให้ร่างจำแลงของข้าเป็นเหมือนกระดาษ ท่านผู้อาวุโส หากท่านไม่สบายใจ ข้าจะยอมรับภาพวาดนี้ ทว่าสมบัติสองสามอย่างเหล่านั้น ไม่จำเป็น ไม่เช่นนั้น จะกลายเป็นว่า ท่านผู้อาวุโสประเมินข้าต่ำต้อยเกินไปขอรับ”
เขาไม่กล้าใช้สมบัติด้วยตัวเองเพราะกลัวจะเปิดเผยตัวตน จึงทำได้เพียงมอบมันให้กับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เพื่อป้องกันตัวเอง มันไม่มีความหมายใดๆ
บัดนี้ต้นไม้วิญญาณเล็ก ๆ เหล่านั้น เติบใหญ่แล้ว!
หลี่ฉางโซ่วหยิบม้วนภาพวาดมาในทันที และไม่นานต่อมาก็จะนำไปแขวนไว้ที่ห้องโถงด้านหลังของวิหารเทพทะเล ซึ่งจะช่วยปรับปรุงรูปแบบโถงหลักของวิหารเทพทะเลเล็กน้อย
อวิ๋นเซียวเผยรอยยิ้มบาง และระงับความรู้สึกกังวลในใจไปเพียงเท่านั้น นางเก็บสมบัติอื่นๆ ออกไปและโค้งคำนับให้หลี่ฉางโซ่วเล็กน้อยพลางกล่าวเบา ๆ ว่า “ต้องขออภัยที่มารบกวนสหายเต๋าในราตรีนี้ ทั้งยังสร้างปัญหาเดือดร้อนให้มากมาย เดิมทีข้าอยากตอบแทนน้ำใจ ไม่คิดว่าจะทำลายร่างจำแลงของสหายเต๋า ในภายหน้า หากสหายเต๋ามีเวลาว่างอนาคต โปรดมาเยี่ยมเยือนที่เกาะซานเซียนเพื่อพูดคุยกันและให้ข้าได้มีโอกาสตอบแทนบ้าง”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวทันทีว่า… เขาจะทำเช่นนั้นในคราวหน้าอย่างแน่นอน
หลังจากที่พวกเขาทำการคารวะเต๋าให้กันและกันแล้ว อวิ๋นเซียวก็อำลาแล้วจากไป
นางขี่เมฆบินขึ้นไปบนท้องฟ้าในราตรีกาล แล้วกลายเป็นหมู่เมฆควันบางเบาราวกับว่านางได้รวมเข้าไปในม้วนภาพวาดในยามค่ำคืนและจากไปพร้อมกับสายลม…
ช่างเป็นเทพธิดาที่ดีงามอะไรเช่นนี้
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจเบา ๆ ในใจ
น่าเสียดายที่นางซื่อสัตย์ภักดีต่อพี่น้องอีกสามคนที่เป็นตัวลากขวดน้ำมัน[1]มากเกินไป
หลี่ฉางโซ่วไม่อยากมีการติดต่อใด ๆ กับเซียนซานเซียว และท่านอาจารย์ลุงจ้าวอีกต่อไป เพื่อจะได้ไม่ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องในกับมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ
แต่ในใจลึกๆ แล้ว ก็มีความคาดหวังเล็กน้อย…
…………………………………………………………………
[1] เป็นตัวปัญหาสร้างภาระ