ตอนที่ 243 ข้าอ๋าวอี่ ทำไม่ได้… (1)
“หลินเอ๋อร์ หากวันหนึ่ง ข้าสามารถปลูกฝังผลเต๋าอายุยืนได้ พวกเราจะต้องได้อยู่ร่วมกันในวิถีเซียน” ในปีนั้น ร่างสองร่างกำลังไล่ตามกันและส่งเสียงหัวเราะที่ภูเขาด้านหลังของยอดเขาหยกน้อยที่เต็มไปด้วยดอกฉาชู่[1]…
“ตามข้าให้ทันสิ ฮ่าฮ่าฮ่า หากจับข้าได้ ข้าจะให้เจ้า…”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
แล้วภาพเหตุการณ์นั้นก็เปลี่ยนไป
“หลินเอ๋อร์ เร็วๆ นี้ ข้าต้องเข้าปิดด่านบำเพ็ญเพียร ท่านอาจารย์และสำนักต่างก็คาดหวังในตัวข้ามากมาย ข้าไม่อาจทำให้พวกเขาผิดหวังได้ จึงทำได้เพียงละเลยเจ้า หลินเอ๋อร์”
“เช่นนั้น เจ้าก็ทำไปเถิด ฝึกบำเพ็ญต่อไป แล้วต่อไปก็ไม่ต้องมาหาข้าอีก”
ในปีนั้น เจียงหลินเอ๋อร์ได้ออกมาจากถ้ำอันเงียบสงบของยอดเขาพิชิตสวรรค์ ในขณะที่เต็มไปด้วยความโกรธจัด แล้วทิ้งให้ชายหนุ่มยืนงงอยู่หน้าถ้ำ
หลินเอ๋อร์ ไม่นะ…
“เจ้าคือ หลินเจียงซานเหริน สหายเต๋าเจียงหลินเอ๋อร์ใช่หรือไม่?”
ข้อความเสียงที่เข้ามาในหู ทำให้เจียงหลินเอ๋อร์ตัวสั่น
ยามนี้ นางกำลังซ่อนตัวอยู่ในยอดหินที่ก้นทะเล นางปกปิดกลิ่นอายลมปราณและร่างของนาง แล้วแผ่สัมผัสเซียนรับรู้ออกไปหลายร้อยลี้
ทว่าเจียงหลินเอ๋อร์ไม่พบร่องรอยใด ๆ ของเขา แม้จะได้ยินข้อความเสียงเข้ามาในหูของนาง
ปรมาจารย์ที่ซ่อนเร้น!
ทันใดนั้น ปลาแบนแหวกว่ายไปมาตัวหนึ่ง ก็กลายเป็นเซียนชราที่ดูใจดีต่อหน้าเจียงหลินเอ๋อร์ และเผยกลิ่นอายลมปราณในขอบเขตพลังของเขา
เขาอยู่ในขอบเขตเซียนเทียนระดับต้น
เจียงหลินเอ๋อร์ยกมือขึ้นจับกระบี่ยักษ์ที่ด้านหลังของนางอย่างเงียบ ๆ แม้จะอยู่ที่ก้นทะเลและมีแรงดันน้ำรุนแรง แต่ทั้งคู่ก็ได้รับการปกป้องจากพลังเซียนในขอบเขตเซียนเทียน ซึ่งไม่ต่างจากการอยู่บนพื้นราบ “สหายเต๋า เจ้าเป็นผู้ใดกัน?”
เขาเป็นผู้ใดกัน?
แน่นอนว่า เขาคือ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่ว…
หลี่ฉางโซ่วได้รับข้อความจากเจียงหลินเอ๋อร์ เขาได้ยินมาว่า พบ “อ๋าวอี่” พร้อมกับกลุ่มปีศาจใต้ทะเลลึกที่ทรงพลังในเมืองเทียนหยาที่สุดปลายโลก พวกเขากำลังดื่มและพูดคุยกัน หลี่ฉางโซ่วจึงแน่ใจทันทีว่า เขาไม่ใช่รองเจ้าสำนักของเขา
การใช้รูปลักษณ์ของอ๋าวอี่เพื่อสร้างปัญหาต่าง ๆ ภายนอก น่าจะเป็นกลอุบายเล็กๆ ของสำนักบำเพ็ญประจิม…
กล่าวให้ถูกก็คือ มันน่าจะเป็นหนึ่งในไม่กี่แผนที่สำนักบำเพ็ญประจิมดำเนินการไปพร้อม ๆ กัน
หลี่ฉางโซ่วจึงเชิญเจียงหลินเอ๋อร์มารอที่นี่ และเขาจะขอให้เจียงหลินเอ๋อร์เป็นผู้นำทางในภายหลัง
หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็เปิดใช้งานตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ซ่อนอยู่ด้านนอกประตูของสำนักตู้เซียน รวมพลังการต่อสู้ของกองทัพทั้งหมดเข้าด้วยกัน และให้หนึ่งในตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ใช้เวทหลบหนีห้าธาตุและพุ่งออกไปเต็มกำลังด้วยความเร็วสูง
ในเวลาเดียวกัน หลี่ฉางโซ่วก็แจ้งอ๋าวอี่ผ่านเจตจำนงวิญญาณของเขาและให้อ๋าวอี่ขอให้ราชามังกรช่วยหาปรมาจารย์สองสามคนที่สามารถไว้วางใจได้อย่างเต็มที่ ยิ่งพวกที่มีฐานพลังปราณสูง พวกเขาก็จะมีนิสัยดีและท่าทางสุภาพมากขึ้น จากนั้นก็ให้มาพบเขาที่นี่
สิ่งที่หลี่ฉางโซ่วไม่คาดคิดก็คือ เขาเป็นคนแรกที่มาถึงที่นี่ ส่วนพวกของอ๋าวอี่มาถึงช้าไปเล็กน้อย
หลี่ฉางโซ่วยิ้มทันทีและกล่าวว่า “ข้าได้รับข้อความของฉางโซ่ว และมาที่นี่เพื่อพบสหายเต๋า” เจียงหลินเอ๋อร์เม้มริมฝีปากและพึมพำว่า “ข้ารู้ว่าศิษย์น้อยของข้าไม่ธรรมดา สหายเต๋า เจ้าจะพิสูจน์ตัวตนของเจ้าอย่างไร? โลกบรรพกาลนั้นอันตรายยิ่ง จึงไม่อาจไม่ระวังได้ ขอสหายเต๋าโปรดอภัยด้วย”
“นั่นก็สมเหตุผล” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างสุภาพว่า “ข้าได้ยินสหายน้อยฉางโซ่วกล่าวว่า ว่านเจียงอวี่ ในเวลานี้ อาจารย์ป้าของเขายังคงเป็นต้นไม้วิญญาณและยังมีอายุขัยอีกสองสามปี ในขณะนี้ อาจารย์ของเขายังคงไม่รู้ว่าอาจารย์ป้าของเขาประสบภัยพิบัติและได้กลับชาติมาเกิดแล้ว”
เจียงหลินเอ๋อร์คลายการจับด้ามกระบี่และกล่าวพลางแย้มยิ้มว่า “เขาบอกทุกคนถึงเรื่องนี้จริงๆ แล้วสหายเต๋ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นข้า?”
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “สหายน้อยฉางโซ่วได้ชี้แจงให้ข้ามาอย่างละเอียดแล้ว”
“โอ้? ชี้แจงอันใดหรือ?”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “เขาบอกว่า เวลาไม่เคลื่อนไหว ท่านสงบเสงี่ยมปานสตรีที่ยังไม่ออกเรือน แต่หากเคลื่อนไหวแล้ว ก็ดุร้ายราวปีศาจที่ว่องไวเด็ดขาด ท่านสะพายกระบี่ใหญ่ไว้บนหลังและชอบสวมชุดเกราะ ดังนั้นก็น่าจะเป็นท่าน สหายเต๋า”
เวลาไม่เคลื่อนไหว ท่านสงบเสงี่ยมปานสตรีที่ยังไม่ออกเรือน แต่หากเคลื่อนไหวแล้ว ท่านดุร้ายราวปีศาจที่ว่องไวเด็ดขาด
เจียงหลินเอ๋อร์แค่นเสียงกล่าวอย่างสงบว่า “แม้เขาจะรู้วิธีพูด แล้วเจ้าคือ ปรมาจารย์ที่เขาพูดถึงหรือ? บอกตรงๆ ว่า ด้วยความแข็งแกร่งของเรา เราสามารถตายได้ทันทีหากถูกค้นพบเท่านั้น”
ทันทีที่กล่าวจบ ก็มีแรงกดดันบางเบาปรากฏขึ้นในน้ำทะเล หลี่ฉางโซ่วก้มศีรษะลงมองไปที่หินสัมผัสที่อยู่ข้างๆ เขา มีสัมผัสเซียนรับรู้หลายสายถูกตรึงเอาไว้ในสถานที่นี้
หลังจากนั้นไม่นาน น้ำทะเลก็เงียบสงบ แต่ผู้อาวุโสหัวมังกรทั้งสี่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาอย่างแปลกประหลาด
ผู้อาวุโสหัวมังกรยกแขนเสื้อขึ้น ทันใดนั้น ก็มีมังกรครามตัวน้อยก็โผล่ออกมาจากแขนเสื้อของเขาแล้วกลายร่างเป็นอ๋าวอี่
“ท่านเจ้าสำนัก!”
“อืม” หลี่ฉางโซ่วพยักหน้ารับ และส่งข้อความเสียงถึงอ๋าวอี่ทันทีว่า อย่าเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างเทพแห่งท้องทะเลทักษิณและหลี่ฉางโซ่ว ศิษย์สำนักตู้เซียน
อ๋าวอี่พยักหน้าโดยไร้ร่องรอยกังวลใจใดๆ ที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ แล้วมองไปที่เจียงหลินเอ๋อร์พลางยิ้มให้นาง
หลี่ฉางโซ่วประสานมือคารวะให้เจียงหลินเอ๋อร์และกล่าวว่า “สหายเต๋า โปรดช่วยนำทางพาเราไปที่นั่นเพื่อพบคนผู้นั้น”
เจียงหลินเอ๋อร์มองไปที่ผู้อาวุโสหัวมังกรทั้งสี่ที่ดูเคร่งขรึมและขมวดคิ้วพลางพยักหน้า โดยไม่เอ่ยอะไร นางอดจะพึมพำถึงการจำแลงกายของหลี่ฉางโซ่วไม่ได้ “นี่ขอบเขตใดกัน? พวกเขาอาจเป็นเซียนต้าหลัวจินในตำนานหรือไม่? ข้ามองไม่เห็นเลย”
หลี่ฉางโซวแย้มยิ้ม ในที่สุดเผ่ามังกรก็ได้เอาความมั่งคั่งของพวกเขาออกมา
เมื่อได้ตัดขอบเขตเต๋าไปสองครั้งและทำให้รากฐานเต๋าแข็งแกร่งขึ้นแล้ว บัดนี้ หลี่ฉางโซ่วก็สามารถทนต่อแรงกดดันจากอีกฝ่ายหนึ่งและแยกแยะความแตกต่างระหว่างเซียนจินและเซียนต้าหลัวจินได้
ปรมาจารย์เผ่ามังกรทั้งสี่นี้แผ่แรงกดดันที่แข็งแกร่งมากใส่หลี่ฉางโซ่วอย่างหนัก แต่ที่นี่ไม่มีผู้ใดเป็นเซียนต้าหลัวจิน
เต๋าของเซียนต้าหลัวจินจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว และไม่ต้องเสียใจในเต๋าของตัวเอง จะต้องมีโอกาส โชค และและการรับรู้เข้าใจ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่จะฝึกบำเพ็ญเพียรได้ตามอายุ
ในสงครามโบราณ ปรมาจารย์เผ่ามังกรเกือบทั้งหมดได้ต่อสู้เพื่อกำราบเผ่าหงส์ หลังจากนั้น พวกเขาก็ขาดโอกาสและโชค และแบกรับกรรมร้ายอันไร้ที่สิ้นสุดที่ทำลายโลกบรรพกาล…
ดังนั้นไม่ว่ามรดกของตระกูลมังกรจะมั่งคั่งเพียงใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะมีเซียนต้าหลัวจินมากมายในเวลานี้
อักขระเต๋าของเซียนต้าหลัวจินแตกต่างจากเซียนจินอย่างชัดเจน ทว่าในทางกลับกัน มันไม่ได้ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงพลังแรงกดดันมากเกินไป… ตัวอย่างเช่น ปรมาจารย์เซียนจิน อวิ๋นจงจื่อที่ถือกระเช้าดอกไม้และศิษย์ของจอมปราชญ์เทพบางคนที่ปรากฏตัวในงานประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋าก็ล้วนเป็นเช่นนี้
เฉกเช่นเดียวกับปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ของเขา ถัดไปก็เพื่อนบ้านของเขา ท่านอาจารย์ลุงจ้าว เทพธิดาอวิ๋นเซียวผู้งดงามราวกับภาพวาด ตลอดจนศิษย์คนโตสองสามคนของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย และสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานนั้น พวกเขาล้วนมีมูลค่าแตกต่างกัน…บ๊ะ!
ฐานพลังปราณอีกระดับ!
แต่ปรมาจารย์เผ่ามังกรสองในสี่นั้นเป็นปรมาจารย์เซียนจินอย่างแน่นอน พลังแรงกดดันที่พวกเขาแผ่ออกไปใส่หลี่ฉางโซ่วนั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เมื่อตรวจสอบถี่ถ้วนแล้ว เขาก็ตระหนักว่ารูปลักษณ์ของมังกรทั้งสี่ดูค่อนข้างคล้ายคลึงกันและสามารถหลอมรวมลมปราณของพวกเขาเข้าด้วยกันได้ ซึ่งหากมังกรทั้งสี่ทำงานร่วมกัน จะเกิดเป็นพลังที่ไม่อาจประเมินได้
อ๋าวอี่แนะนำว่า “ท่านอาสี่ นี่คือ ท่านเจ้าสำนักเทพทะเลทักษิณ ท่านเจ้าสำนัก ทั้งสี่คนนี้ ล้วนเป็นองครักษ์ของพระบิดาของข้า พวกเขาอยู่เคียงข้างพระบิดาของข้ามานานนับไม่ถ้วนตั้งแต่สมัยโบราณ สามารถไว้ใจพวกเขาได้อย่างแน่นอนขอรับ”
ผู้อาวุโสหัวมังกรทั้งสี่ต่างโค้งคำนับให้พร้อมกันแล้วกล่าวว่า “ยินดีที่ได้พบ สหายเต๋า”
หลี่ฉางโซ่วรีบโค้งคำนับกลับแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าต้องรบกวนสหายเต๋าทุกท่านในการเดินทางครั้งนี้ด้วย”
“เทพแห่งท้องทะเล ท่านเรียกพวกเราสี่คนเป็นพี่น้องได้ตามต้องการ พวกเราพี่น้องทั้งสี่คนมีชื่อง่ายๆ เพียง อี้ เอ้อร์ ซาน และซื่อ[2]เท่านั้น ครั้งนี้เรามาที่นี่ก็ด้วยพระประสงค์ของฝ่าบาท พวกเราย่อมเชื่อฟังคำสั่งของท่าน สหายเต๋า” ผู้อาวุโสหัวมังกรกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
หลี่ฉางโซ่วกล่าวทันทีว่า เขาย่อมไม่กล้าสั่งพวกเขา จากนั้นก็แนะนำเจียงหลินเอ๋อร์ และขอให้เจียงหลินเอ๋อร์ชี้แจงรายละเอียดในสิ่งที่นางได้เห็นมาก่อนหน้านี้
เจียงหลินเอ๋อร์สงบสติอารมณ์ลงและกล่าวว่า “เมื่อข้ากำลังผ่านเมืองเทียนหยาที่ปลายขอบโลก และบังเอิญเห็นกลุ่มปีศาจใต้ทะเลลึกในร่างมนุษย์ พวกเขากำลังดื่มและพูดคุยกันอย่างสนุกสนานกับอ๋าวอี่อย่างเปิดเผย ภาพเหตุการณ์นั้นดูวุ่นวายมาก อย่างน้อยๆ ก็มีปรมาจารย์เซียนจินสองสามคนอยู่ภายในกลุ่มนั้น และไอปีศาจของพวกเขาก็รุนแรงมาก”
หลี่ฉางโซ่วถามว่า “อ๋าวอี่ตัวปลอมคนนี้กำลังทำอันใดกัน?”
เจียงหลินเอ๋อร์กระแอมไอสองครั้ง ดวงตาของนางมองออกไปที่ทะเล “กอดสตรีที่น่าหลงใหลสองคนนั้นด้วยท่าทางไม่เรียบร้อย… นับว่าไม่ซื่อสัตย์และดูไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง”
“สารเลว!”
อ๋าวอี่โกรธจัดทันที “ข้ากำลังจะแต่งงานในเร็วๆ นี้แล้วเรื่องนี้จะทำลายชื่อเสียงของข้า! ข้าจะมีสตรีอื่นนอกจากซือซือได้อย่างไรกัน!”
หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวว่า “พี่อี่ อย่ามีโทสะเลย เรื่องนี้มีบางอย่างแปลกๆ ผู้อาวุโสทั้งสี่ ท่านคิดเห็นอย่างไรในเรื่องนี้?”
ผู้อาวุโสหัวมังกรหลงอี้กล่าวว่า “มีคนต้องการขัดขวางงานอภิเษก”
…………………………………………………………………………
[1] ดอกคามิเลีย
[2] หนึ่ง สอง สาม สี่