ตอนที่ 261 กงหมิงจะช่วยเรื่องนี้อย่างแน่นอน! (1)
เมื่อปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมทั้งสองคนจากไป ใบหน้าของพวกเขาก็ซีดเผือดดุจมะเขือม่วงตากแห้ง หากไม่ใส่ใจในท่าทางของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ และกลัวว่าจ้าวกงหมิงจะทุบตีเขาอีกครั้ง เขาอาจจะก่นด่าสาปแช่งออกมาแล้ว…ไม่ว่าผู้ใดก็ย่อมจะโกรธ แต่พวกเขาทำได้เพียงก้มศีรษะลงและจากไปอย่างสิ้นหวังเพื่อเข้าปิดด่านที่สำนักเป็นเวลาห้าร้อยปีโดยไม่ออกมาเดินเตร่ในโลกบรรพกาล
หลังจากที่ทั้งสองจากไป จ้าวกงหมิงก็ลูบเคราและเพ่งสมาธิเพื่อรำลึกถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
จากนั้นไม่นาน จ้าวกงหมิงก็เงยหน้าขึ้นและหัวเราะเสียงดังลั่นแผ่กระจายออกไปทั่วนับพันลี้
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
หวงหลงเจินเหรินก็หัวเราะเช่นกัน แม้เขาจะไม่เข้าใจว่าเกิดอันใดขึ้น… ชั่วขณะหนึ่งนั้น ท้องทะเลก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะร่าเริงของชายชรา เวลานี้ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นักพรตเต๋าของหลี่ฉางโซ่วยังไม่ปรากฏขึ้น และยังคงซ่อนตัวอยู่ในแขนเสื้อของหวงหลงเจินเหริน…
อีกฝ่ายหนึ่งยังสังหารเขาได้
หากไม่เปิดเผยว่าเขาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย ย่อมจะเป็นการดีที่สุด
ในคราแรกที่หวงหลงเจินเหรินมาหา หลี่ฉางโซ่วก็คิดว่ามันอาจเป็นแผนการทำร้ายเขา
ทว่าเมื่อใคร่ครวญถึงข้อดีข้อเสียแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ไม่อาจปล่อยเรื่องนั้นผ่านให้ไปได้ เขาไม่อยากสร้างปัญหาให้ตัวเองเดือดร้อนมากขึ้น
ด้วยวิชาตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ยอดเยี่ยมของเขา ต่อให้ในเวลานี้ เขาจะถูกวางอุบาย แต่อย่างมากที่สุด เขาก็จะสูญเสียตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์หนึ่งตัวและเสียเยื่อไม้ไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ดังนั้นเขาจึงมายังสถานที่แห่งนี้และแอบคอยบงการอยู่เบื้องหลัง…
แค่กๆ เรื่องต่างๆ ของศิษย์สำนักบำเพ็ญเต๋า เรียกว่า บงการเบื้องหลังได้หรือไม่?
หลี่ฉางโซ่วได้ให้คำชี้แนะแก่ผู้อาวุโสแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าสองคนไปเล็กน้อย เพื่อช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากสถานการณ์ในยามนี้และหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ ในภายหน้า และนั่นคือทั้งหมด
ในเวลาเดียวกัน เขาก็จะใช้คำสาบาน ทำการผูกมัดปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมทั้งสองคนไม่ให้ออกไปที่ใดเป็นเวลาห้าร้อยปี… และนั่นคือ สิ่งที่หลี่ฉางโซ่วคิดวางแผนไว้เมื่อมาที่นี่
ส่วนปรมาจารย์ระดับจ้าวกงหมิงและ หวงหลงเจินเหรินนั้น ห้าร้อยปีไม่ถือว่าเป็นเวลานานเลย บางทีอาจเป็นแค่ช่วงงีบหลับตามปกติเท่านั้น ซึ่งอีกฝ่ายจะไม่ใส่ใจต่อข้อจำกัดนี้และยอมตกลงอย่างง่ายดาย
ทว่าการคาดการณ์ของหลี่ฉางโซ่วในอีกร้อยปีข้างหน้าย่อมมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการนำเผ่ามังกรเข้าสู่ศาลสวรรค์
สำนักบำเพ็ญประจิมสามารถลดพลังการต่อสู้ได้ชั่วคราว แม้จะไม่กระทบต่อสถานการณ์โดยรวมมากนัก แต่ย่อมจะควบคุมสถานการณ์ในอนาคตได้ง่ายขึ้น…
หวงหลงเจินเหรินหัวเราะไปพร้อมๆ กัน และอดจะเอ่ยถามไม่ได้ว่า “ไยกงหมิงถึงหัวเราะเสียงดังยิ่ง?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าหัวเราะเยาะคนที่ข้าหลอกลวงเหล่านี้!”
จ้าวกงหมิงลูบเคราของเขาอย่างภาคภูมิใจและกล่าวอย่างกันเองว่า “ศิษย์พี่หวงหลง ท่านอาจไม่รู้ แต่เมื่อข้าอยู่ในดินแดนเทวะประจิมกับน้องสามของข้า ฉยงเซียว พวกเราสั่งสอนบทเรียนให้ศิษย์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมหลายคนที่เราไม่อาจทนรับได้ วันนี้ วิธีที่สองคนนั้นรีดไถศิษย์พี่ก็เป็นเพราะได้เรียนรู้มาจากข้าแล้ว! น่าเสียดายที่พวกเขาเรียนรู้กลอุบายนี้ไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!”
หลี่ฉางโซวเงียบงันฉับพลัน
มีอันใดให้น่าภาคภูมิใจกัน?
ไฉนจอมหลอกลวงเฒ่าผู้นี้จึงทำดูเหมือนว่า เขากำลังรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มั่งคั่งมากขึ้นจากการทำงานหนัก?
จ้าวกงหมิงยังคงหัวเราะร่า
“ฮ่าฮ่าฮ่า หากไม่ใช่เพราะข้าและน้องสามถูกน้องรองของข้า อวิ๋นเซียวหยุดข้าเอาไว้ทันเวลา บางทีสำนักบำเพ็ญประจิมอาจจะไล่ตามข้าและตะโกนลั่นว่า ให้ฆ่าข้า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ไม่เคยคิดเลยว่าวิธีแก้ปัญหานั้นจะง่ายดายถึงเพียงนี้! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ช่างสุขใจจริงๆ!”
หวงหลงเจินเหรินกระตุกมุมปากทันที…
สหายเต๋าจากสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยของข้าทั้งหมด … ล้วนแต่บ้าคลั่งอย่างยิ่งเช่นนี้หรือ?
หวงหลงเจินเหรินนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที เขายกแขนเสื้อขึ้นและกระซิบเข้าไปข้างในนั้นว่า “สหายเต๋าเทพแห่งท้องทะเล? สหายเต๋าจะออกมาหรือไม่?”
“น้องชายเทพแห่งท้องทะเล!”
จ้าวกงหมิงรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นเต้นและมองเข้าไปในแขนเสื้อของหวงหลงเจินเหริน
เขาเอ่ยชื่นชมว่า “ข้าเป็นหนี้บุญคุณท่านอีกเรื่องหนึ่งแล้ว ไม่รู้จะตอบแทนท่านอย่างไรจริงๆ!”
หลี่ฉางโซ่วคิดในใจว่า “เช่นนั้น ข้าขอรวบรวมภาพของเทพธิดาอวิ๋นเซียว!
แน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วไม่เคยพูดล้อเล่นเช่นนี้ อย่างมากที่สุดเขาก็จะหยอกเย้านางในใจเท่านั้น
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวผ่านข้อความเสียงว่า
“ท่านผู้อาวุโส โปรดหาสถานที่สงบส่วนตัวสักแห่งกันเถิด ผู้น้อยมีเรื่องจะกล่าว ฐานพลังปราณของข้าไม่สูงเท่าพวกท่าน หากคนของสำนักบำเพ็ญประจิมรู้ว่า ข้าอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เกรงว่า พวกเขาจะทำลายวิหารเทพทะเลของข้าจริงๆ”
“พวกเขาจะกล้าหรือ!?!”
จ้าวกงหมิงเบิกตากว้างอย่างน่าเกรงขาม
หวงหลงเจินเหรินแย้มยิ้มและพยักหน้า
จากนั้นเขาก็กล่าวว่า“วันนี้ ข้าเป็นหนี้บุญคุณสหายเต๋า จึงต้องคิดให้ดีว่าจะตอบแทนท่านและตัดกรรมนั้นได้อย่างไร เหตุใดพวกเราไม่ไปที่วิหารเทพทะเลกันเล่า สหายเต๋า?”
“เช่นนั้น ไปดื่มชาของเทพแห่งท้องทะเลกันเถิด”
จ้าวกงหมิงร้องตะโกนออกมาพลางขจัดเลือดและกลิ่นอายลมปราณออกไปจากพื้นที่ทั้งหมด จากนั้นเขาและหวงหลงเจินเหรินก็รีบไปที่ดินแดนเทวะทักษิณด้วยกัน
หลังจากนั้น สองผู้อาวุโสและศิษย์ของจอมปราชญ์เทพแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าก็เปลี่ยนเส้นทางและมุ่งหน้าไปยังวิหารเทพทะเลหลักของเมืองอันสุ่ยตามที่หลี่ฉางโซ่วแนะนำเอาไว้
เมฆข้ามผ่านห้าดินแดนเทวะและเหล่าวิหคก็เหินบินคืนสู่ท้องฟ้า
หลี่ฉางโซ่วเพ่งสมาธิไปที่การทำงานหลายอย่างพร้อมกัน เขาเหลือบมองไปที่ปรมาจารย์ใหญ่ตัวน้อยและปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งก่อนจะเปิดใช้งานตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อีกตัวที่ซ่อนอยู่ภายใต้เมืองอันสุ่ยแล้วเตรียมการบางอย่างในห้องโถงด้านหลังของวิหารเทพทะเล
ก่อนที่ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองจะมาถึง ชาก็เตรียมไว้พร้อมแล้ว และวิหารเทพทะเลก็ถูกปิดเอาไว้ชั่วคราว
หลี่ฉางโซ่วมีแผนจะผูกมิตรกับหวงหลงเจินเหรินแล้ว เขาพยายามค้นหาความคิดของหวงหลงเจินเหรินที่มีต่อเผ่ามังกร และชักชวนให้มาช่วยเขา ช่วยให้เผ่ามังกรเข้าสู่ศาลสวรรค์…
เมื่อหวงหลงเจินเหรินและจ้าวกงหมิงมาถึงแล้ว วิหารเทพทะเลในโลกมนุษย์แห่งนี้ก็ยังได้รวบรวม ‘ผู้ยิ่งใหญ่’ และ ‘ผู้ยิ่งใหญ่จอมปลอม’ ของสามสำนักบำเพ็ญเต๋าด้วย
สหายเต๋าสองสามคนและผู้อาวุโสสองคนต่างก็โค้งคำนับและทักทายซึ่งกันและกัน
จ้าวกงหมิงอารมณ์ดี และเล่าถึง “ความสำเร็จในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม” ก่อนหน้านี้ของเขากับหวงหลงเจินเหรินในขณะที่หลี่ฉางโซ่ว ซึ่งฟังจากด้านข้าง ฝืนยิ้มขื่น…โชคดีที่บัดนี้ จ้าวกงหมิงเข้าใจดีแล้วว่า สามารถมองเห็นกลวิธีหลอกลวงได้ง่าย และต่อจากนี้ไป ก็ไม่ควรใช้มันมากนัก
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ต่อหน้าพวกเขา… จ้าวกงหมิงและหวงหลงเจินเหรินที่นั่งอยู่ใต้ภาพวาดของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ทงเทียนเจี้ยวจู่ ในอาณาเขตของศิษย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน บัดนี้ พวกเขากำลังพูดคุยและหัวเราะกัน ซึ่งหลี่ฉางโซ่วรู้สึกแตกต่างไปเล็กน้อย
นับตั้งแต่ที่เข้าใจสภาพแวดล้อมที่เขาอยู่ เขาก็รู้สึกกังวลและเคร่งเครียดเกี่ยวกับมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ
เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองคนซึ่งเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานและสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย ที่จะต่อสู้กันอย่างดุเดือดในสงครามมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพในภายหน้า พวกเขาก็ยังคุยโวโอ้อวดกันอย่างมีความสุขได้…
นี่อาจเป็นส่วนที่น่ากลัวที่สุดของทัณฑ์สวรรค์
หลี่ฉางโซ่วระงับความรู้สึกในใจ และเข้าร่วมการสนทนาด้วยรอยยิ้ม ในไม่ช้า เขาก็เริ่มเปลี่ยนหัวข้อไปที่หวงหลงเจินเหริน หลี่ฉางโซ่วอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็หยุดตัวเองเอาไว้ แล้วหันไปใส่ใจคำทักทายของหวงหลงเจินเหรินและจ้าวกงหมิง
อาจารย์ลุงจ้าวโบกมือพร้อมกับเผยรอยยิ้ม
จากนั้น เขาก็กล่าวว่า “หากน้องชายเทพแห่งท้องทะเลมีอะไรจะพูดก็พูดออกมาเถิด ที่นี่ไม่มีคนนอก! ท่านเป็นศิษย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน และหวงหลงเจินเหรินผู้นี้ก็ยังเป็นหนึ่งในสิบสองเซียนจินแห่งวังอวี้ซวี พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกันแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋า แต่ไยท่านจึงดูลังเลนัก หรือไม่คิดว่าพวกเราเป็นสหาย?”
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจเบาๆ เขาดูเหมือนว่าจะพูดกับจ้าวกงหมิง ทว่าจริงๆ แล้ว เขากำลังพูดกับหวงหลงเจินเหริน…
“กล่าวตามตรง เมื่อไม่นานมานี้ ผู้น้อยประสบกับเรื่องยุ่งยาก และไม่สะดวกจะบอกเรื่องนี้กับพวกท่าน นอกจากนี้ มันยังเป็น… คำสั่งที่ข้าได้รับมาอีกด้วย” หลี่ฉางโซ่วกล่าวพลางประสานมือคารวะ
ทันใดนั้น จ้าวกงหมิงและหวงหลงเจินเหรินก็กระจ่างแจ้งแล้วคะยั้นคะยอให้หลี่ฉางโซ่วอธิบายรายละเอียดออกมา
………………………………………………………………….