ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – ตอนที่ 262 กงหมิงจะช่วยเรื่องนี้อย่างแน่นอน! (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 262 กงหมิงจะช่วยเรื่องนี้อย่างแน่นอน! (2)

จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวว่า “ผู้อาวุโสหวงหลง ข้าได้ยินข่าวลือจากโลกบรรพกาลมาว่า ท่านมาจากเผ่ามังกร ไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่”

หวงหลงเจินเหรินค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาช้าๆ แล้วถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ข้ามาจากเผ่ามังกรจริงๆ แต่เผ่ามังกรไม่ยอมรับข้า หากนับตามความอาวุโสแล้ว ข้าก็เป็นคนรุ่นเดียวกับราชามังกรของทั้งสี่คาบสมุทร ข้าน่าจะเรียกพวกเขาเป็นพี่ชายได้”

จ้าวกงหมิงที่อยู่ด้านข้าง รู้สึกงุนงงเล็กน้อย “น้องชายเทพแห่งท้องทะเล ไฉน จู่ๆ จึงถามถึงเรื่องนี้ขึ้นมาหรือ?”

ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็จุ่มนิ้วลงในชาและเขียนคำว่า ‘สวรรค์’ ลงบนโต๊ะ จากนั้นเขาก็เขียนคำว่า ‘มังกร’ ที่ด้านข้าง…

เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้เป็นศิษย์ของจอมปราชญ์เทพและหนึ่งในสิบสองเซียนจินแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน หลี่ฉางโซ่วจึงไม่อยากปิดบังอะไร และบอกเรื่องนี้กับหวงหลงเจินเหรินโดยตรงเพื่อให้ตัดสินใจด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม ขณะอธิบาย หลี่ฉางโซ่วก็ให้ความสำคัญกับการใช้ทักษะวาจามากขึ้น เมื่อหวงหลงเจินเหรินได้คำพูดของ หลี่ฉางโซ่วว่าเขากำลังหัดเล่นตลก แค่กๆ พูดถึงข้อดีข้อเสีย หวงหลงเจินเหรินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

สำนักบำเพ็ญประจิมต้องการปราบเผ่ามังกร

บัดนี้ เผ่ามังกรเต็มไปด้วยความกังวลอย่างยิ่ง พวกเขามาถึงขั้นเผชิญกับภัยพิบัติร้ายแรงแล้ว รากฐานจะพังทลายลงและทั่วทั้งสี่คาบสมุทรจะตกอยู่ในอันตราย

สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินมีชะตากรรมแห่งเต๋าสวรรค์และต้องการรวมเผ่ามังกรเข้าสู่ศาลสวรรค์ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูเป็นผู้รับผิดชอบหลักในขณะที่หลี่ฉางโซ่ว เทพแห่งท้องทะเลทักษิณ กำลังทำงานให้กับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่… “นี่เป็นเรื่องดีสำหรับเผ่ามังกรอย่างแท้จริง”

หวงหลงเจินเหรินพึมพำกับตัวเองและมองไปที่หลี่ฉางโซ่ว และเผยรอยยิ้มขื่นพลางกล่าวว่า “แต่ข้าไม่ค่อยได้ติดต่อกับเผ่ามังกรมากนัก เกรงว่าพวกเขาจะไม่ใส่ใจฟังข้าอีกแล้ว”

หลี่ฉางโซวกล่าวอย่างจริงจังว่า “ท่านผู้อาวุโส แล้วท่านยังใส่ใจเผ่ามังกรอยู่หรือไม่?”

การชักจูงทางจิตวิทยา[1]เป็นกลอุบายทั่วไปในโลกบรรพกาล

“พวกเขาเป็นรากเหง้าของข้า” ดวงตาของหวงหลงเจินเหรินเปล่งประกายขณะที่เขาถอนหายใจเบา ๆ และกล่าวว่า “ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็จะไม่ทอดทิ้งพวกเขาโดยไม่ช่วยเหลือ”

ทว่า…

เฮ้อ เรื่องมันยาว เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ผู้น้อยยังมีความสัมพันธ์กับเผ่ามังกร สำนักเทพทะเลยังมีบุญของเผ่ามังกรส่วนหนึ่งซึ่งมาจากการถวายเครื่องสักการะ

ผู้อาวุโส ข้าเข้าใจที่ท่านถอนหายใจและมีความรู้สึกเช่นนี้

ผู้น้อยก็อยากมีความกล้าที่จะพูดออกมาที่นี่”

หวงหลงเจินเหรินเผยรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนและกล่าวอย่างจริงจังว่า “สหายเต๋าโปรดอย่าได้ถ่อมตนเกินไป ช่วยชี้แนะข้าด้วยเถิด”

หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจและกล่าวว่า “ตั้งแต่สมัยโบราณมา เผ่ามังกรได้รับกรรมร้ายจากการทำลายล้างโลกพวกเขาจึงอับโชค และกำลังดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด แต่พวกเขาไม่เต็มใจจะปล่อยให้เรื่องจบสิ้นลงและกระทำการเหลวไหลเพื่อทำลายศักดิ์ศรีของเผ่ามังกร ท่านผู้อาวุโส ท่านเฝ้ามองดูอยู่ด้านข้าง จึงน่าจะเห็นได้ชัดเจนอย่างยิ่งว่า เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? วิญญาณผู้กล้าที่มีอุดมการณ์อันสูงส่งแห่งเผ่ามังกรล้วนถอนหายใจและเดินร่อนเร่ไปมาในดวงตาแห่งท้องทะเลด้วยความกังวล พวกเขายังคงเฝ้าหวังว่า เผ่ามังกรจะกลับมายืนหยัดขึ้นในโลกบรรพกาลได้อีกครั้ง โดยไม่ต้องห่วงว่าลูกหลานของพวกเขาจะสามารถเปิดใจออกมาสู่โลกภายนอกได้สำเร็จหรือไม่… ท่านผู้อาวุโส บุปผายามวสันต์กลายเป็นโคลน ใบไม้ร่วงลงสู่ราก[2] ความผิดบาปที่ทำเอาไว้ในสมัยโบราณ เผ่ามังกรต้องแบกรับเอาไว้นานหลายปี ทว่าเรื่องนี้จะสามารถช่วยปรับปรุงสถานะของเผ่ามังกรในยามนี้ได้เช่นกัน อย่างน้อยที่สุด เมื่อศาลสวรรค์เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่และยังได้รับพรเพิ่มจากเต๋าสวรรค์แล้ว เผ่ามังกรก็จะสามารถช่วยบรรเทาความทุกข์ยากจากภัยพิบัติแห่งท้องทะเลครึ่งหนึ่งได้ สิ่งสำคัญคือ ภายในร้อยปีข้างหน้านี้…”

“ใบไม้ที่ร่วงลงสู่ราก บุปผายามวสันต์กลายเป็นโคลน”

ดวงตาของหวงหลงเจินเหรินเต็มไปด้วยความสับสน เขานั่งลงบนเก้าอี้และไม่อาจฟื้นคืนสติได้เป็นเวลานาน

ฉับพลันนั้น

“ข้าช่วย!”

หือ?

หลี่ฉางโซ่วจ้องมองไปที่อาจารย์ลุงจ้าวที่รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างกะทันหันด้วยเหตุผลบางอย่าง

นักพรตเต๋ากงหมิงลุกขึ้นยืนและมองไปที่หลี่ฉางโซ่วด้วยสายตาแรงกล้า แล้วกล่าวยืนยันอย่างหนักแน่นว่า “ข้า จ้าวกงหมิงจะช่วยเผ่ามังกรอย่างแน่นอน!”

เอ่อ… เอ๋?

จ้าวกงหมิงยังคงร้องตะโกนต่อไปว่า “หากไม่ได้ยินเรื่องนี้จากน้องชายเทพแห่งท้องทะเล ข้าคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เผ่ามังกรอยู่ในสภาพเลวร้ายเช่นนี้! ใช่แล้ว ต่อให้เผ่ามังกรจะมีกรรมร้ายอย่างไร้ที่สิ้นสุด แต่การให้เผ่ามังกรเข้าสู่ศาลสวรรค์นั้น ย่อมเป็นสิ่งที่ดีสำหรับศาลสวรรค์ สามอาณาจักร เผ่ามังกร และสำนักบำเพ็ญเต๋า! น้องชาย พวกเราจะทำอย่างไรกันดี!?!” หลี่ฉางโซ่วตะลึงงันฉับพลัน

เรื่องบ้าอันใดกันนี่? นี่เป็นกรรมใหญ่หลวง นอกจากบุญบางอย่างแล้ว ก็ไร้ประโยชน์ใดๆ แล้วไฉนอาจารย์ลุงจ้าวถึงทำเช่นนี้!?!

ไม่นะ!

ว่าตามเหตุผลแล้ว เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ไม่ควรนิ่งดูอยู่ข้างๆ หรอกหรือ?

หากเป็นผู้อื่น พวกเขาย่อมจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกรรมยิ่งใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดของเผ่ามังกรเช่นนี้ อย่างมากที่สุด ก็จะเพียงช่วยคิด…

ข้าพยายามเกลี้ยกล่อมหวงหลงเจินเหริน แต่แม้กระทั่งเขา ซึ่งเป็นปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานที่มาจากเผ่ามังกร ก็ยังไม่เอ่ยวาจาสักคำ แล้วไยท่านอาจารย์ลุงจ้าวถึงตื่นเต้นเพียงนี้?

เดิมทีหลี่ฉางโซ่วต้องการให้จ้าวกงหมิงรู้เรื่องนี้เช่นกัน ซึ่งเท่ากับเป็นการจัดการให้สำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย เมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมถือว่า เขาได้ดูแลใบหน้าให้จอมปราชญ์เทพแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย หลี่ฉางโซ่วไม่เชื่อว่า จ้าวกงหมิงจะแอบไปรายงานทางสำนักบำเพ็ญประจิม แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าคำพูดบีบรัดหัวใจที่เขาเพิ่งพูดกับหวงหลงเจินเหรินนั้น จะมีผลกับอาจารย์ลุงจ้าวอย่างมาก… ในขณะนั้น นักพรตเต๋าหวงหลงก็ตบที่เท้าแขนของเก้าอี้แล้วถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ใบไม้ร่วงลงสู่ราก ท้ายที่สุดแล้ว ข้าก็มาจากเผ่ามังกร แล้วข้าจะทนดูสำนักบำเพ็ญประจิมทำร้ายเผ่ามังกรได้อย่างไร! ขอบคุณสหายเต๋าที่ให้ความกระจ่างแก่ข้า ข้าจะไปหาราชามังกรแห่งเผ่ามังกรสองสามคนและเกลี้ยกล่อมให้พวกเขาเข้าลี้ภัยในศาลสวรรค์!”

“ผู้อาวุโส โปรดช้าก่อน ผู้อาวุโส ช้าก่อน!”

หลี่ฉางโซ่วไม่สนใจจ้าวกงหมิง เขารีบหยุดหวงหลงเจินเหรินและชี้แจงรายละเอียดว่าเขาควรวางแผนอย่างไร

จ้าวกงหมิงก็ไม่ได้ทำตัวเหมือนเป็นคนนอก เขากอดอกสอดมือไว้ในแขนเสื้อแล้วเดินเข้าไปใกล้หลี่ฉางโซ่วและหวงหลงเจินเหรินในขณะที่ยังคงพยักหน้าและกล่าวว่า “อืม ถูกต้อง” “ไม่เลว” “ข้าก็คิดเช่นนั้น”

หลี่ฉางโซ่วรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกทันที…การมีส่วนร่วมในเรื่องนี้อย่างกะทันหันของจ้าวกงหมิงนั้น แน่นอนว่า ย่อมเป็นประโยชน์ และฝ่ายเขาเองก็จะได้รับความช่วยเหลือมากมาย

แต่นอกจากนี้ก็ยังมีข้อเสีย… เพราะดูเหมือนว่า เขาจะเข้าไปพัวพันกับอาจารย์ลุงจ้าวมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อมาถึงจุดนี้ หลี่ฉางโซ่วก็ทำได้เพียงบอกผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับและห้ามพูดกับผู้ใดเด็ดขาดเพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องนี้ถูกเปิดเผยได้ ในคราแรก หวงหลงเจินเหรินรู้สึกว่าไม่เหมาะสมที่เขาจะวางแผนเช่นนี้กับเผ่ามังกรในฐานะที่เป็นมังกร แต่หวงหลงก็รู้สึกว่าสิ่งที่หลี่ฉางโซ่วกล่าวมานั้นเป็นการจัดการที่มีประสิทธิภาพและสมเหตุสมผลที่สุด …

ดังนั้น สิบสองเซียนจินแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานจึงค่อยๆ ถูกหลี่ฉางโซ่วพาเข้าไปในคูน้ำ[3] เขาก้าวออกไปข้างหน้าและหมอบลงที่ก้นคูน้ำด้วยตัวเอง…

และกระบวนการเกลี้ยกล่อมหวงหลงเจินเหรินทั้งหมดนั้น ก็ราบรื่นมาก มันราบรื่นมากเสียจนหลี่ฉางโซ่วรู้สึกผิดเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม อาจารย์ลุงจ้าวก็กระโดดเข้ามาแทรกแซงอีกครั้ง

“ศิษย์พี่หวงหลง เช่นนั้น เหตุใดวันนี้เราไม่สาบานกันที่นี่เลยเล่า!”

จ้าวกงหมิงลูบเคราและกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “อย่างแรก ต้องไม่ปล่อยให้เรื่องนี้รั่วไหลออกไปได้ อย่างที่สอง รอให้น้องชายเทพแห่งท้องทะเลเรียก แล้วพวกเรามาพบกันที่นี่ทันที เป็นอย่างไรบ้าง?”

“ดี!”

ในขณะนั้น ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองก็ได้ให้สัตย์สาบานที่เรียบง่ายต่อหน้าหลี่ฉางโซ่ว หลังจากนั้น จ้าวกงหมิงก็นำยันต์หยกสามแผ่นออกมาและมอบให้หลี่ฉางโซ่วและหวงหลงเจินเหริน

“ลองใช้มันเป็นสัญญาณของเรา เมื่อน้องชายเทพแห่งท้องทะเลบดขยี้มัน ศิษย์พี่หวงหลงและข้าก็จะรับรู้ได้ในทันที!

จากนั้นหวงหลงเจินเหรินก็กล่าวอย่างหนักแน่นว่า “เอาล่ะ! เช่นนั้น ก็จัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว!”

จ้าวกงหมิงพับแขนเสื้อขึ้นและกล่าวเสียงดังว่า “ศิษย์พี่หวงหลง อย่ารบกวนน้องชายเทพแห่งท้องทะเลอีกเลย! ปล่อยให้เขาระดมความคิดออกมา พวกเรามาเตรียมพลังเวท และเครื่องมือเวทของเราให้พร้อมเพื่อเผชิญหน้ากับเหล่าปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมกันเถิด!”

บัดนั้น หวงหลงเจินเหรินก็มีสีหน้าท่าทางดูตื่นเต้นเล็กน้อยในขณะที่เขาพยักหน้าไม่หยุด

หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันที

‘โทสะบ้าคลั่ง’ ของอาจารย์ลุงจ้าวไม่ใช่ทักษะติดตัวอีกต่อไปแล้ว ในขณะนี้ มันแผดแสงระดับกองทัพ!

“น้องชาย น้องชาย ข้าขออำลาก่อน! ข้าจะกลับไปขัดเกลาพลังเวทและเตรียมเครื่องมือเวทของข้า ข้าจะรอน้องชายเทพแห่งท้องทะเลเรียกข้า ไม่ต้องส่งข้า ขออำลา!”

กล่าวจบ จ้าวกงหมิงก็ก้าวออกจากห้องโถงด้านหลัง แล้วกลายเป็นลำแสงหายวับไป

จากนั้น หวงหลงเจินเหรินก็กล่าวอย่างชื่นชมว่า “น้องกงหมิง ชื่อรองของน้องกงหมิง อี้ป๋ออวิ๋นเทียน[4]นั้น ช่างคู่ควรกับเจ้ายิ่งนัก ! เข้าถึงหัวใจเต๋าของข้าจริงๆ

สหายเต๋าเทพแห่งท้องทะเล ขออำลา!” หวงหลงเจินเหรินถอนหายใจเบาๆ และหัวเราะ จากนั้น เขาก็ขี่เมฆบินไปทางเหนือ เหลือไว้เพียงตุ๊กตากระกระดาษจำลองมนุษย์เทพแห่งท้องทะเลของหลี่ฉางโซ่วที่ยืนอยู่หน้าห้องโถงด้านหลังตามลำพัง…

มันยุ่งเหยิงเล็กน้อย

…………………………………………………………………

[1] การควบคุมหรือครอบงำความรู้สึกนึกคิดและการกระทำของผู้อื่นให้เป็นไปในแบบที่ต้องการ โดยอาศัยอิทธิพลทางอารมณ์และจิตใจมาเป็นกลไกทำให้อีกฝ่ายสับสนและคล้อยตาม

[2] การกลับคืนสู่แหล่งกำเนิดมาจากเพลงของหวังลี่หงในปีค.ศ2007

[3] ชวนไปกระทำการบางอย่างร่วมกัน มักใช้ในความหมายไปทำเรื่องไม่ดี

[4] คุณธรรมสูงส่งเทียมฟ้า

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท