ตอนที่ 294 เจ้ากำลังมองหาเทพแห่งท้องทะเล แล้วมันไม่เกี่ยวอะไรกับข้า…(2)
ทันใดนั้น แม่ทัพเผ่าทะเลที่มีมือเป็นก้ามปูคู่ใหญ่ กระโดดจากทะเลขึ้นไปบนขอบเกาะร้าง แล้วโจมตีหลี่ฉางโซ่วทันที หลี่ฉางโซ่วก็ก้าวถอยหลังไปสองก้าวอย่างไม่ลังเล และทันใดนั้นก็ยกมือขึ้นแล้วกดลงไป
จากนั้น เขาก็ตะโกนว่า “มือสังหารวิญญาณพันพิษ!”
จู่ๆ ก็มีควันสีเขียวหนาทึบลอยออกมาจากแขนเสื้อของหลี่ฉางโซ่ว แล้วก่อตัวขึ้นเป็นรูปฝ่ามือขนาดใหญ่ด้วยพลังเซียน จากนั้นก็เข้าปกคลุมไปทั่วแม่ทัพปู
ราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ ทันใดนั้น อีกฝ่ายก็อ้าปาก แล้วพ่นหมึกหนาทีบออกมา…
เขาไม่รู้ว่าแม่ทัพปูคือ นักพรตเต๋าปลาหมึกหรือไม่ แต่พลังเวทของเขาก็สร้างมลพิษให้สิ่งแวดล้อมจริงๆ บัดนั้น หมึกหนาก็กระจายออกไปในทันทีและพลุ่งพล่านออกมาราวกับคลื่น ปกคลุมควันหนาทึบที่หลี่ฉางโซวปล่อยออกมาโดยตรง แล้วกวาดพัดเข้าหาหลี่ฉางโซ่ว!
หลี่ฉางโซ่วรีบก้าวเท้าถอยกลับฉับไว แต่เขากำลังเพ่งจิตส่วนใหญ่ไปที่การควบคุมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นักพรตเต๋าทั้งหกในทะเล
พิษออกฤทธิ์จนเกือบจะสมบูรณ์!
ในขณะที่แม่ทัพปูที่กำลังพ่นหมึกออกมาอย่างบ้าคลั่ง ในชั่วพริบตานั้น เขาก็ส่งเสียงดังฮึก ส่ายศีรษะเอนเอียงไปมา แล้วจู่ๆ ก็แหงนหน้าขึ้นและหงายหลังล้มลงไปกับพื้นทันที
แล้วร่างที่ยืนอยู่บนพื้นผิวทะเล ส่วนใหญ่ ก็ร่วงลงไปในทะเลอย่างกะทันหัน
ในเวลานี้ เผ่าทะเลอีกสองสามคนที่มีฐานพลังปราณสูงกว่าก็ยังรู้สึกเวียนหัวและสับสนเช่นกัน ฉับพลันนั้น พวกเขาทั้งหมดก็หมดสติกันไปทีละคน
“เกิดอันใดขึ้น!”
“ทะเลเป็นพิษ!”
“โอ ไม่นะ เราตกหลุมพรางแล้ว…”
แล้วในเวลาเพียงสองอึดใจ ชนเผ่าทะเลหลายร้อยคนที่ยืนอยู่บนพื้นผิวทะเล จู่ๆ พวกเขาต่างก็จมลงไปในทะเลหรือลอยอยู่บนผิวทะเล แล้วผล็อยหลับไปทีละคน พวกเขาทั้งหมดล้วนหมดสติ
การใช้พิษก็เป็นทักษะอย่างหนึ่งเช่นกัน
หลี่ฉางโซ่วหมกมุ่นอยู่กับเต๋านี้ เพียงไม่ถึงสองร้อยปีเท่านั้น เขาได้รับคำชี้แนะจากอาจารย์ที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้ เขายังคิดค้นการวางยาพิษด้วยตัวเอง แต่เขาก็แทบจะไม่ถูกนับว่าเป็นนักวิชาการอาวุโสในแขนงวิธีการวางยาพิษในโลกบรรพกาล
กุญแจสำคัญในการวางยาพิษให้กับเป้าหมายจำนวนมากคือ การคำนวณระยะเวลาที่พิษจะออกฤทธิ์ส่งผลกระทบต่อศัตรูตามระดับฐานพลัง ความแข็งแกร่งของปราณวิญญาณ และการต้านทาน
หากคนหนึ่งล้มลง คนอื่นๆ จะได้รับการแจ้งเตือนทันทีและเฝ้าระวังมากขึ้น ทั้งยังมีโอกาสหลบหนี หรือลงมือดำเนินการเร่งด่วนในยามคับขันได้ เช่นนั้นแล้ว ย่อมจะไม่ถือว่า วิธีการวางยาพิษนั้นยอดเยี่ยม
หลี่ฉางโซ่วปรบมือ จัดการเรียบร้อยแล้ว
ข้าน่าจะจับตัวพวกเขาไปที่วังมังกรดีหรือไม่?
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและสงสัยว่าเขาควรจะละทิ้งความคิดนี้ไปดีหรือไม่
หากเป็นเช่นนั้น ย่อมจะมีปัญหามากเกินไปในภายหน้า ทั้งยังเสี่ยงที่จะเปิดเผยพิษที่เขาใช้อีกด้วย
ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ยกมือขึ้น แล้ววางรากฐานค่ายกลขนาดเล็กเพื่อสร้างเสริมค่ายกลแยกตัวขนาดใหญ่
ค่ายกลขนาดใหญ่เช่นนี้จะค่อยๆ ใช้พลังวิญญาณอย่างช้าๆ และรากฐานของค่ายกลขนาดเล็กจะยังคงอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็จัดการควบคุมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์และเริ่มงานยุ่งวุ่นวาย ในด้านหนึ่ง เขาก็ทำความสะอาดยาสลบในน้ำทะเล และอีกด้านหนึ่งนั้น เขาก็วางยาพิษพวกมันได้อย่างแม่นยำ เขาสังหารหมู่ชนเผ่าทะเลที่มึนงงจนทำอะไรไม่ได้เหล่านี้จนหมดสิ้น
ซากศพของปรมาจารย์เผ่าทะเลถูกโยนทิ้งไว้บนเกาะร้างอย่างรวดเร็ว และกองรวมกัน ซ้อนกันจนกลายเป็นภูเขาขนาดย่อมๆ
เดิมทีหลี่ฉางโซ่วจัดเตรียมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ไว้มากกว่าสี่สิบตัว และยังมีทหารถั่วพิษอีกสามพันนาย…
เขาไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่ให้โอกาสเขาเคลื่อนไหวใดๆ อีก จึงนอนลงไปกับพื้น
คราวนี้ น่าจะไปทำตามขั้นตอนกันเลยดีกว่า
จากนั้นเขาก็จัดให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นักพรตเต๋าสามคนไปที่เกาะร้าง พวกเขาหยิบปลาไม้ ระฆังสะกดวิญญาณ และแท่งไม้ และเริ่มสวดพระสูตรเต๋าแห่งการหลุดพ้น มนตราสังสารวัฏ และมนตราขจัดภัยพิบัติและอำนวยพรแห่งเต๋าบางอย่าง
ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสองลงมืออย่างเด็ดขาดและปล่อยเพลิงสมาธิแท้ เข้าครอบคุลมซากศพทั้งหมดในสถานที่นี้…
ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีเปลวเพลิงสีส้มพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และศพที่อยู่ภายในเปลวเพลิงนั้นก็สลาย หายไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สี่ตัวก็คลานออกมาจากแขนเสื้อของตุ๊กตานักพรตเต๋ากระดาษ แล้วเริ่มเป่าสว่อน่าและตีกลอง มันไม่ได้ถูกจัดเตรียมมาเป็นพิเศษ แต่นี่เป็นวงดนตรีพิเศษที่เคยบรรเลงเฉพาะที่ศาลสวรรค์ พวกเขาเลยมาที่นี่เพื่อเป็นแขกพิเศษในวันนี้
เนื่องจากเผ่าทะเล ไม่มีธรรมเนียมเผาเงินกระดาษที่หลุมศพ หลี่ฉางโซ่วจึงข้ามการไว้ทุกข์และร้องไห้ได้ เขาเฝ้าดูส่วนผสมคุณภาพสูงเหล่านี้กลายเป็นขี้เถ้าและกระจายไข่มุกสะกดวิญญาณมากกว่าสิบเม็ดออกไปเพื่อรวบรวมวิญญาณที่เหลืออยู่
ไร้ความรู้สึกใดๆ ในใจตั้งแต่ต้นจนจบ
“ข้าบอกแล้วว่า ข้าคือ นักพรตเต๋าไห่เซิน”
หลี่ฉางโซวส่ายศีรษะ และเมื่อเปลวเพลิงดับลง เขาก็ยกมือขึ้นและกระจายกองขี้เถ้าปลิวออกไปในทะเล
ในตอนนี้ เหล่าตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์จากทั่วสารทิศได้มารวมตัวกันเป็นกองทัพ แล้วแบ่งตัวออกเป็นสองกลุ่ม พวกที่มีพลังเซียนมหาศาลจะพาทหารถั่วพิษไปยังที่ซ่อนที่พวกเขากำลังซุ่มซ่อนอยู่ด้วย
จากนั้นพวกเขาก็คลานกลับไปในแขนเสื้อของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วแล้วกลับไปที่เมืองอันสุ่ย หลังจากนี้ เขาจะแอบส่งพวกเขากลับไปที่สำนักตู้เซียน…
พลังเซียนของพวกเขาต้องได้รับการบรรจุพลัง
ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วกำลังฆ่าปลาพร้อมให้บริการกระจายขี้เถ้า… ที่หน้าประตูวังมังกร บรรดาผู้อาวุโสและเสนาบดีสองสามคนแห่งหอเทียนหยาก็มารวมตัวกันรอบๆ นักพรตเต๋าหนุ่มที่เศร้าซึม ทุกคนต่างพากันเกลี้ยกล่อมเขาอย่างอ่อนโยน
“ประมุขหอน้อย แขกของวังมังกรส่วนใหญ่ออกไปแล้ว บัดนี้ ได้เวลาที่เราต้องกลับไปแล้ว”
“พวกเราได้ช่วยถามหาสหายเต๋าเข่อเล่อเอ๋อร์ให้ท่านแล้ว ก่อนหน้านี้ นางได้สังหารปีศาจทะเลในเมืองเทียนหยาไปจำนวนมาก จึงถูกบิดามารดาตำหนิและกักบริเวณ ห้ามไม่ให้ออกไปที่ใดเป็นพันปี”
“บ้านของเล่อเล่ออยู่ที่ใดกัน?”
“ประมุขหอน้อย วังมังกรแห่งนี้ไม่ยินดีบอก พวกเราจึงไม่รู้จริงๆ ขอรับ”
“เฮ้อ” เปี้ยนจวงถอนหายใจยาว สายตาของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ “ตราบฟ้าดินยังคงมั่นนิรันดร์กาล เมื่อเวลาผันผ่านไป ข้าได้แต่หวังว่าสาวงามผู้นี้จะรู้ถึงความรักที่ข้ามอบให้นาง เหตุใด เหตุใดบิดามารดาของเล่อเล่อถึงลงโทษนางเล่า? หากพวกเขาต้องการลงโทษนาง ก็น่าจะขังข้าเอาไว้เคียงข้างนางด้วย ต่อให้เป็นเวลาสามพันปีหรือสามหมื่นปี ข้าก็ยินดีจะรอ…”
แขกทั้งหลายที่เพิ่งออกมา อดหัวเราะไม่ได้ เหล่าพ่อบ้านแห่งหอเทียนหยามีท่าทีกระดากในขณะที่พวกเขาขอโทษผู้คนที่อยู่ในบริเวณโดยรอบรอบ
“ประมุขหอน้อย พวกเรา… กลับกันก่อนเถิด ไม่เช่นนั้น ก็ดูเหมือนว่าวังมังกรจะโจมตีพวกเรานะขอรับ”
แต่เปี้ยนจวงก็ยังไม่ขยับใดๆ
“หากท่านอยู่ที่นี่ ก็จะไปหาสหายเต๋าเข่อเล่อเอ๋อร์ ไม่ได้จริงๆ นะขอรับ!”
ทันใดนั้น เปี้ยนจวงก็กระโดดขึ้นอย่างกะทันหัน แล้วคว้าแขนชายชราพลางกระซิบว่า “ลุงฝู ไปกันเถิด”
ในยามนั้น พวกเขารู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกทันที แล้วรีบพาเปี้ยนจวงออกไปจากวังมังกรทะเลบูรพา
พวกเขาเหล่านี้ บินออกจากทะเลไปอย่างรวดเร็วแล้วเร่งขับเคลื่อนเรือสมบัติให้ไปถึงสุดขอบโลกโดยเร็ว สิ่งที่พ่อบ้านหอเทียนหยากล่าวนั้น มิได้ทำให้เปี้ยนจวงตกใจจริงๆ
เผ่ามังกรได้วิพากษ์วิจารณ์เรื่องเปี้ยนจวงแล้ว หากไม่ใช่เพราะบัญชาขององค์ชายอ๋าวอี่ก่อนหน้านี้ เหล่าปรมาจารย์เผ่ามังกรก็คงจะลงมือโยนเจ้าคนไม่เอาถ่านผู้นี้ออกจากวังผลึกแก้วแล้ว
เปี้ยนจวงคอยเฝ้าประตูที่งานอภิเษกตลอดงาน เป็นเวลาสิบสองปี!
แม้เขาจะมีใจแน่วแน่ แต่ก็น่าเบื่อจริงๆ
ก่อนหน้านี้ เปี้ยนจวงได้รับเทียบเชิญให้ไปที่วังมังกรนั้นเป็นสิ่งมงคล ทว่าเมื่องานอภิเษกสิ้นสุดลง ผลของเทียบเชิญก็ลดลงอย่างมาก…
ในที่สุด พวกเขาก็ไม่มีปัญหาใดๆ กับเผ่ามังกร และมาถึงบริเวณ ใกล้เสาสวรรค์ที่งดงามได้สำเร็จ
เมื่อเห็นเมืองเทียนหยาที่สง่างามและคึกคัก อยู่ในสายตามาแต่ไกลแล้ว ทว่าผู้อาวุโสก็ขมวดคิ้วแล้วยกมือขึ้นเพื่อออกคำสั่งให้หยุด
มองจากระยะไกล ร่างที่บินอยู่เหนือเมฆนั้น เป็นหญิงชราที่มีผมสีขาว
ทันใดนั้น เปี้ยนจวงก็ตื่นเต้นและร้องตะโกนว่า “นั่นเล่อเล่อ เล่อเล่อ!”
เหล่าผู้อาวุโสและพ่อบ้านต่างก็มีเส้นเลือดปูดโปนออกไปทั่วหน้าผากและเงียบงันทันที
นี่คือ หญิงชราที่ประมุขหอน้อยกำลังห่วงหาอย่างนั้นหรือ?
นางใช้เวทย์มนตร์อันใดหรือไม่?!
ทว่าโชคดีที่โดยไม่ต้องรอให้เหล่าปรมาจารย์แห่งหอเทียนหยาลงมือสังหารโดยตรง เปี้ยนจวงก็ร้องตะโกนในช่วงครึ่งหลังประโยคว่า
“นางเป็นหญิงชราที่อยู่เคียงข้างเล่อเล่อในวันนั้น!”
ยามนั้น ผู้คนที่อยู่ข้างๆ เขาก็พลันถอนหายโล่งอก ประมุขน้อยทำให้พวกเขาตกใจอย่างยิ่ง
…………………………………………………………..