ตอนที่ 370 แน่ใจหรือว่าต้องการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ในคราวนี้? (2)
ทว่าเมื่อเขาข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ไปได้สักแปดส่วนของเวลา เขาก็จะเปิดเผยรูปร่างหน้าตาที่แท้จริงของเขาต่อเทพธิดาซานเซียวทั้งสามอย่างแน่นอน และนั่นทำให้หลี่ฉางโซ่วรู้สึกไม่สบายใจ… จากนั้น เขาก็โค้งคำนับเสมือนเป็นศิษย์ให้ แต่อวิ๋นเซียวก็เบี่ยงร่างของนางพลางแย้มยิ้มและพยักหน้าให้เขา
ปี้เซียวและฉยงเซียวก็รู้ว่า หลี่ฉางโซ่วเป็นศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินที่ท่านปรมาจารย์ลุงและศิษย์พี่เสวียนตูให้ความสำคัญและแน่นอนว่า พวกเขามีไมตรีที่ดีต่อกัน
ดังนั้นการปฏิบัติต่อหลี่ฉางโซ่วในคราวนี้ จึงแตกต่างไปจากเมื่อครั้งที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่อยู่ในรูปของเซียนชราได้ไปที่เกาะซานเซียนครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง
อวิ๋นเซียวถามด้วยความเป็นห่วงว่า “สหายเต๋าเพิ่งตัดเต๋าไป เป็นเพราะไม่พอใจเต๋าของตัวเองหรือไม่?”
“หาใช่เช่นนั้นไม่ขอรับ” หลี่ฉางโซ่วรีบกล่าวว่า “ศิษย์ฝึกฝนเต๋านิรกรรมแห่งไท่ชิง โชคดีที่ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้ถ่ายทอดเวทที่ยอดเยี่ยมให้ข้าเพื่อฝึกฝนเป็นเต๋าเซียนเทียนได้ในยามนี้ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะรากฐานเต๋ายังไม่เสถียรเล็กน้อย ข้าจึงใช้วิธีตัดเต๋าเพื่อทำให้มั่นคง ”
แน่นอนว่า เขาย่อมไม่อาจกล่าวว่า เพื่อเป็นการยื้อเวลา…
ฉยงเซียวหัวเราะเบา ๆ พลางถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “หากเจ้าตัดเต๋าไป เช่นนั้น จะไม่กลายเป็นว่า พวกเราเดินทางมาสูญเปล่าหรือ? ไม่รู้ว่า เมื่อใดเจ้าถึงจะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ในครั้งต่อไปอีก”
หลี่ฉางโซ่วลังเลเล็กน้อยในใจและไม่กล้ากล่าวออกไปตรงๆ ว่า ในครั้งต่อไป เขาจะทำอีกครั้งทันทีเพื่อไม่ให้เทพธิดาซานเซียวรู้สึกว่าเขากล่าวเกินจริงและเกิดความรู้สึกไม่ดีต่อเขา
ทว่าเพียงขณะที่หลี่ฉางโซ่วกำลังครุ่นคิดถึงถ้อยคำที่จะตอบ ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ด้านข้างกล่าวพร้อมเผยรอยยิ้มออกมา…
“ศิษย์น้องหญิงฉยงเซียววางใจเถิด เพียงรอสักหนึ่งถึงสองชั่วยาม เขาก็จะสามารถข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้อีกครั้งแล้ว”
“หือ?” ฉยงเซียวฉงนฉงายทันที
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มและกล่าวว่า “ฉางโซ่ว จงเผยให้เห็นบุปผาสามดอกที่ยังไม่ผลิบานของเจ้าเถิด”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันที
ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ท่านเพิ่งเรียกขานนามจริงของศิษย์ออกมาหรือนี่?
บุปผาสามดอกเป็นเพียงการสำแดงฐานเต๋าของข้าเท่านั้น ข้าเผยออกไปให้ผู้อื่นประเมินค่าได้ด้วยหรือ?
พวกเขาจะชื่นชมบุปผาหรือ?
เมื่อได้ยินคำพูดของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ เทพธิดาซานเซียวก็อยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอวิ๋นเซียว นางมองดูหลี่ฉางโซ่วด้วยดวงตาที่ฉายแววแย้มยิ้มอ่อนโยนอย่างใคร่รู้ว่า หลี่ฉางโซ่วจะสามารถทำให้นางประหลาดใจได้มากเพียงใด
จากนั้นปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็กล่าวกระตุ้นว่า “ไยเจ้ายังลังเลอยู่อีก? นี่ไม่ใช่เรื่องน่าละอายที่เปิดเผยไม่ได้นะ”
“ขอรับ ศิษย์น้อมรับคำสั่งขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วรับคำแล้วขยับความคิดเล็กน้อยในใจ ทันใดนั้น ดอกบัวเขียวครามระดับสิบสอง ก็ปรากฏขึ้นบนหน้าอกของเขา
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่น่าจะต้องมีข้อพิจารณาอื่นๆ อีก
แต่สุดท้าย หลี่ฉางโซ่วก็ยังคงรู้สึกว่าเขาถูกเล่ห์กลเล็กๆ…
ครู่ต่อมาหลังจากนั้น…
หลี่ฉางโซ่วกำลังใช้มือซ้ายถือยันต์หยกและนั่งขัดสมาธิอยู่ในค่ายกลใหญ่เงียบ ๆ
นี่คือบทที่สองของพระสูตรนิรกรรมแห่งสำนักตู้เซียน
หาก “ไท่ชิงเต๋าหาน” ถือได้ว่าเป็นคู่มือฝึกบำเพ็ญเต๋าระดับสูง เช่นนั้น ก็อาจนับได้ว่า “พระสูตรนิรกรรม” เป็นระดับกลางบนได้เช่นกัน
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วต้องการตัวกระตุ้นเพียงหนึ่งเดียวเพื่อให้เรียกทัณฑ์สวรรค์เกิดขึ้นมาได้อีกครั้ง
เนื้อหาส่วนใหญ่ใน “พระสูตรนิรกรรม” ก็มีอยู่ใน “ไท่ชิงเต๋าหาน” สิ่งที่หลี่ฉางโซ่วต้องการทำความเข้าใจนั้น ไม่ใช่ตัว “พระสูตรนิรกรรม” เอง ทว่า…
มันมีวิวัฒนาการและความแตกต่างเล็กน้อยระหว่าง “พระสูตรนิรกรรม” สู่ “ไท่ชิงเต๋าหาน”
มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเมื่อจอมปราชญ์เทพหยั่งรู้เต๋าอันยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นจุดที่ยอดเยี่ยมสมบูรณ์ที่สุดในการแสวงหาการตรัสรู้…
การหยั่งรู้ถึงเรื่องนี้ไม่อาจทำได้อย่างไร้ร่องรอย มันไม่ใช่สิ่งที่จะบรรลุได้โดยผ่านการสะสม
สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่ความเหนื่อยยาก แต่เป็นแรงบันดาลใจ
ก่อนที่หลี่ฉางโซ่วจะทันได้อ่านพระสูตรครึ่งเล่มนี้จบ เขายิ้มเล็กน้อยในใจพลางหลับตา ตั้งสมาธิมั่น แล้วเข้าสู่ห้วงแห่งการตรัสรู้
จากนั้นก็มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา
พลังทั้งห้าในหน้าอกของเขาได้ก่อตัวขึ้นเป็นแหวนมุกในขณะที่บุปผาทั้งสามต้องการปลดปล่อยปราณแท้ของพวกมัน
ร่างสมบัติของเขาบริสุทธิ์ไร้มลทินใดๆ บัดนี้ เขาเพียงแค่รอข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เพื่อกลายเป็นเซียนจิน
ในขณะนั้น ที่ด้านนอกค่ายกลใหญ่ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู และเทพธิดาซานเซียวได้สร้างโต๊ะไม้และที่นั่งสี่ที่นั่งขึ้นมาพลางดื่มชาเงียบๆ อยู่บนก้อนเมฆ
ฉยงเซียวและปี้เซียวยังชื่นชมรากฐานที่ล้ำลึกของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ทั้งยังทึ่งว่าศิษย์ผู้นี้สามารถรักษารากฐานเต๋าให้มั่นคงในระดับเช่นนี้ได้จริงๆ
ทว่าในขณะนี้ อวิ๋นเซียวและปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ต่างก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและยังคงครุ่นคิดอย่างต่อเนื่อง
แน่นอนว่า ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่และอวิ๋นเซียวย่อมมีความแข็งแกร่งและความรู้สูงกว่าฉยงเซียวและปี้เซียวนัก
ในขณะนั้น ทั้งสองผู้ยิ่งใหญ่ต่างตระหนักได้ถึงปัญหาหนึ่ง
รากฐานเต๋าของหลี่ฉางมั่นคงอย่างยิ่ง! กระทั่งออกจะมั่นคงเกินไปสักหน่อย!
“รากฐานเช่นนี้ ไม่รู้ว่า จะทำให้เกิดทัณฑ์สวรรค์แบบใดกัน” อวิ๋นเซียวถอนหายใจเบา ๆ และกล่าวว่า “นับแต่สมัยโบราณมา มีผู้เลิศล้ำพรสวรรค์โดดเด่นน่าทึ่งหลายคนที่กลับต้องมาตกตายไปอยู่ภายใต้ทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่พยักหน้าช้าๆ และกล่าวว่า “บางที เราอาจต้องเชิญพลังแห่งสมบัติของท่านอาจารย์มาในคราวนี้”
อวิ๋นเซียวกล่าวว่า “หากเป็นเพียงทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน ถังทองฮุ่นหยวนของข้าก็ยังสามารถช่วยเขาได้ ศิษย์พี่เสวียนตูโปรดวางใจเถิดเจ้าค่ะ”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูทำมุทราหยั่งรู้ และกล่าวเบา ๆ ว่า “เกรงว่า จะไม่ใช่เพียงแค่ทัณฑ์สวรรค์เซียนจินธรรมดา”
ฉยงเซียวที่อยู่ข้างๆ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ศิษย์พี่เสวียนตู นี่คือความสำเร็จสมบูรณ์ที่ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตตามตำนานก่อนการสร้างเต๋าหรือไม่เจ้าคะ?”
“น่าจะเป็นเช่นนั้น”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวอย่างสงบว่า “ก่อนหน้านี้ข้าละเลยในเรื่องนี้ไป ข้ารู้สึกว่าเขาฝึกบำเพ็ญมาเพียงสองสามร้อยปีเท่านั้น และอย่างมากที่สุด เขาก็จะเรียกเก้าทัณฑ์สวรรค์เซียนจินมาและเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นต้าหลัวเซียนจิน
เขาไม่คาดคิดว่า ฉางโซ่วผู้นี้ จะเงียบและสร้างฐานเต๋าที่สมบูรณ์แบบ
ตอนนี้ข้าสงสัยจริงๆ ว่าฉางโซ่วผู้นี้คือการกลับชาติมาเกิดของปรมาจารย์อาวุโสบางคนจากสมัยโบราณหรือไม่? เขามาถึงระดับเช่นนี้ได้จริงๆ…”
อวิ๋นเซียวกล่าวว่า “หากเป็นตัวตนผู้ทรงพลังยิ่งใหญ่กลับชาติมาเกิด ข้าเกรงว่าปรมาจารย์ลุงใหญ่จะไม่ยอมรับเขา ”
“แค่เรื่องล้อเล่นน่า” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูหัวเราะเบาๆ
ฉยงเซียวพึมพำเบา ๆ ว่า “ไม่ใช่ท่านกล่าวหรือว่า เต๋าสวรรค์จะไม่ยอมรับผู้ฝึกบำเพ็ญที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้…?”
“ไม่เป็นไรหรอก” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มและกล่าวว่า “มาลองดูความโชคดีของฉางโซ่วกันก่อนเถิด”
เขากล่าวถ้อยคำที่ฟังดูช่างมั่นใจนัก แน่นอนว่า ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้เตรียมพร้อมจะลงมืออย่างสุดกำลังเพื่อคว้าตัวผู้ที่อยู่ภายใต้ทัณฑ์สวรรค์
ในขณะนี้ มีคลื่นอักขระเต๋าปรากฏขึ้นในค่ายกลใหญ่นั้น
เฉกเช่นถั่วงอกที่ดื้อรั้นที่โผล่ทะลุพ้นผืนดินหลังฝนตก ในเวลานี้ เต๋าที่เกิดจากไท่ชิงและเป็นของหลี่ฉางโซ่วเท่านั้น ที่ได้พุ่งทะลวงเข้าสู่ค่ายกลใหญ่!
ปี้เซียวกล่าวอย่างเบิกบานใจว่า “มาถึงอีกแล้วจริงๆ! ความเข้าใจในเต๋าของเขารวดเร็วเช่นนั้นเลยหรือ? ยังใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามด้วยซ้ำ!”
ทันทีที่ปี้เซียวกล่าวจบ ก็มีเสียงฟ้าร้องคำรามดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า แล้วทันใดนั้น พลังแห่งสวรรค์อันยิ่งใหญ่ก็ปรากฏขึ้นมาจากฟากฟ้า แล้วพุ่งมาจากทั่วทุกทิศทางอย่างบ้าคลั่ง!
อย่างไรก็ตาม พลังยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ก็ทำให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่และอวิ๋นเซียวขมวดคิ้วเล็กน้อยในขณะที่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดภายในบริเวณรัศมีหลายหมื่นลี้ต่างพากันตื่นตกใจกลัว
บัดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็กระโดดขึ้นไปบนหินก้อนใหญ่ และยืนไพล่มือเอาไว้ที่ด้านหลัง และในขณะที่เขากำลังจะอ้าปากกล่าวคำขอบคุณเต๋าสวรรค์ก่อนการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ ทว่าทันใดนั้น ก็เกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้นบนท้องฟ้า จู่ๆ ก็มีเมฆสีเทาขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราวหนึ่งร้อยจั้งปรากฏขึ้นมา แล้วควบแน่นขึ้นเป็นใบหน้าเลือนรางของชายชราผู้หนึ่ง จ้องมองไปที่หลี่ฉางโซ่วที่อยู่ด้านล่าง…
อวิ๋นเซียวรู้สึกแปลกใจ จึงเอ่ยถามอย่างสงสัยว่า “เหตุใดถึงมีเงาของบรรพาจารย์เต๋าอยู่ที่นั่น … ”
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่หลี่ฉางโซ่วได้พบกับภาพเงานั้น…
และก่อนที่หลี่ฉางโซ่วจะทันได้เอ่ยอะไร จู่ๆ เขาก็ตระหนักถึงบางอย่างขึ้นมาในใจ ดูเหมือนว่ามีคนถามคำถามเขา แต่เขาไม่ได้ยินเสียงหรือสัมผัสถึงอักขระเต๋าใดๆ จากอีกฝ่ายเลย เขาเพียงแค่รู้ว่าคำถามนั้นคืออะไร
“ข้ามผ่านหรือ?”
“ขอรับ!” หลี่ฉางโซ่วพยักหน้ารับหนักแน่น “ข้ามผ่าน!”
เมฆสีเทาสลายไปในทันที และทั่วหล้าภายในรัศมีหนึ่งหมื่นลี้ ก็มืดลงอย่างกะทันหัน และทันใดนั้น พลังวิญญาณมหาศาลไร้ที่สิ้นสุดก็พลุ่งพล่านขึ้นมา
เขาไม่รู้แน่ชัดว่า เมฆทัณฑ์สวรรค์นั้นมาจากที่ใด และแทบจะในชั่วพริบตา ท้องฟ้าเบื้องบนก็เต็มไปด้วยเมฆสีดำซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าลี้ กดลงไปที่ด้านล่างอย่างสุดกำลัง!
คลื่นพลังแห่งสวรรค์ตรึงเป้า พุ่งตรงไปที่หลี่ฉางโซ่วราวกับกลัวว่าเขาจะหนีไป
หลี่ฉางโซ่วสูดลมหายใจเข้าลึก และคำขอบคุณสุดซึ้งจากใจก็เปล่งออกมาอย่างเอาใจใส่ด้วยสีหน้าท่าที น้ำเสียง และสำเนียงที่เต็มไปด้วยความพิถีพิถัน
ในขณะเดียวกันก็มีเสือดำสองสามตัวนอนหมอบอยู่ในป่าห่างออกไปหลายพันลี้
เดิมที พวกมันตื่นตกใจเพราะพลังแห่งสวรรค์มาก่อนหน้านี้ และอยากหลบหนีไปให้ห่างไกลตามสัญชาตญาณ แต่หลังจากวิ่งไปได้สองสามร้อยลี้ พลังแห่งสวรรค์ที่แข็งแกร่งอีกสายก็กดทับพวกมันลงไปอย่างหนักหน่วงจนไม่กล้าจะเคลื่อนไหวใดๆ เลย
และในขณะนั้น ตานปีศาจ[1]ของเสือดำที่มีฐานพลังสูงสุดในหมู่ตระกูลเสือดำนี้ ได้ควบแน่นและแข็งแกร่งขึ้น มันกำลังพยายามยืนขึ้นและมองไปยังบริเวณพื้นที่ส่วนที่มีพลังแห่งสวรรค์แข็งแกร่งแรงกล้าหนาแน่นที่สุด
สายตาจับจ้องของมันดูซับซ้อนยิ่ง “เป็นทัณฑ์สวรรค์เซียนจินอีกแล้วหรือ? มันง่ายมากเลยหรือที่จะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เซียนจินในโลกบรรพกาล? ตอนนี้ข้าสัมผัสได้อย่างหนึ่ง”
“เหตุใดพลังแห่งสวรรค์จึงน่าสะพรึงกลัวเพียงนี้… อาจเป็นทัณฑ์สวรรค์เซียนจินในตำนานที่อยู่ในสามระดับแรกหรือไม่?”
เอ่อ ไฉนข้าถึงรู้เรื่องนี้ได้เล่า…
หากเป็นทัณฑ์สวรรค์เซียนจินในตำนานจริงๆ ก็คงไม่มีผู้ใดรอดพ้นได้ มันย่อมเป็นการลงทัณฑ์ตบตาและเป็นที่ริษยาแห่งสวรรค์
ริษยาแห่งสวรรค์… คำเหล่านี้ช่างคุ้นเคยยิ่ง ข้ามีความทรงจำและความเข้าใจเหล่านี้มาจากที่ใดกัน?
ช่างเถิด มันไม่สำคัญอะไร
เหล่าสิ่งมีชีวิตที่ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ในวันนี้ จะต้องตายอย่างแน่นอน หากรอดพ้นไปได้ เสือดาวเช่นข้า จะกินเปลือกไม้ไปสามปี!
………………………………………………………………..
[1] เป็นเม็ดเล็กๆ เรียกเป็นเม็ดยาปีศาจหรือแกนปีศาจ เป็นจุดรวมพลัง