ตอนที่ 383 การประลองครั้งแรกในโลกบรรพกาล… (1)
อ๋าวอี่จากไปไม่ถึงครึ่งวัน กลุ่มมอบของขวัญจากวังมังกรก็มาถึงวิหารเทพทะเลพร้อมด้วยบรรดาหีบสมบัติ
เป็นเพราะวังมังกรนั้นทรงพลัง มั่งคั่งและอาศัยอยู่ในสี่คาบมหาสมุทรมายาวนานนับไม่ถ้วน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ตระหนี่เมื่อมอบของขวัญ
อย่างไรก็ตาม… เขารับของขวัญด้วยมือซ้าย และมอบตำแหน่งเทพให้ด้วยมือขวา…
ไฉนหลี่ฉางโซ่วถึงรู้สึกว่าเขาได้บีบตัวเองให้กลายเป็นจอมวายร้ายเจ้าเล่ห์แห่งศาลสวรรค์ที่วางแผนเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและขายตำแหน่งเจ้าหน้าที่เพื่อหารายได้?
เขาเป็นเสนาบดีที่ดี!
ในห้องโถงด้านหลังของวิหารเทพทะเล ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วที่อยู่ในรูปของเซียนชราได้กวาดแส้หางม้าของเขา แล้วหีบสมบัติส่วนใหญ่ก็หายไป
เขาเก็บบรรดาไข่มุก หินโมรา ปะการัง และไข่มุกเรืองแสง ซึ่งถือเป็นสมบัติในโลกมนุษย์เท่านั้น เอาไว้เป็นรางวัลสำหรับคนใต้บัญชาของเขา
จากนั้นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ได้ปรับการแต่งหน้าของเขาและขี่เมฆไปทางทะเลบูรพา และเริ่มแผนการที่เขาได้พูดคุยกับอ๋าวอี่ก่อนหน้านี้
นี่เป็นครั้งแรกที่โลกบรรพกาลมีการแสดงความสามารถ แค่กๆ การแข่งขันคัดเลือกเทพ!
ในการแข่งขันครั้งนี้ ราชามังกรแห่งสี่ทะเลเป็นแขกรับเชิญพิเศษ และผู้อาวุโสเผ่ามังกรสามสิบเก้าคนเป็นคณะกรรมการตัดสิน เทพเสวียนใหญ่ไร้ต้านแห่งสี่คาบสมุทร อ๋าวอี่ และบรรพชนแห่งเผ่ามังกรจะอยู่ใน “กลุ่มอาวุโส” ของการแข่งขันครั้งนี้
หากโดดเด่นพอ เหล่า “ผู้อาวุโส” ย่อมเห็นความสำคัญและมอบตำแหน่งเทพแห่งศาลสวรรค์ให้!
ด้วยวิธีนี้ ดูเหมือนว่า วังมังกรได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก และยังสร้างบารมีให้ศาลสวรรค์อีกด้วย
เนื่องจากเป็นการคัดเลือกภายในของเผ่ามังกร เผ่ามังกรจึงมีการต่อต้านน้อยลง
ในเวลาเดียวกัน ยังช่วยให้เขาได้เพลิดเพลินบันเทิงใจกับเผ่ามังกร ลดความขัดแย้งในเผ่า ทั้งยังทำให้ชีวิตประจำวันที่น่าเบื่อของเผ่ามังกร ตื่นเต้น คึกคักมากขึ้น… และอื่นๆ
หลี่ฉางโซ่วให้ถ้อยคำปลุกใจว่าว่า ‘ศึกประลองมังกรพิชิตตำแหน่งเทพ’!
แน่นอนว่า การแข่งขันคัดเลือกเทพในครั้งนี้ไม่โปร่งใส ๆ นัก เพราะได้มีการตัดสินผู้สมัครเบื้องต้นเอาไว้แล้ว และเหล่ามังกรส่วนใหญ่ก็เพียงมาดูความสนุกสนานเท่านั้น
ตำแหน่งเทพสิบหกตำแหน่งแทบจะถูกแบ่งออก มันเป็นเพียงแค่การทำตามขั้นตอนเพื่อสร้างบารมีให้ศาลสวรรค์และวังมังกรเท่านั้น
ในความประทับใจของหลี่ฉางโซ่ว ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา…
แค่กๆ มาคุยเรื่องจริงจังกันเถอะ
เมื่อพวกเขามาถึงทะเลบูรพา อ๋าวอี่ก็ได้นำเหล่าแม่ทัพเล็กๆ จำนวนมากมาต้อนรับก่อนที่พวกเขาจะมาถึงวังมังกร
สถานที่ได้จัดเตรียมตามคำแนะนำของหลี่ฉางโซ่ว โดยจะจัดงานที่โถงด้านข้างของวังผลึกแก้ว และมีการจัดเตรียมงานต่างๆ ภายในนั้นเอาไว้พร้อมพรักแล้ว
ในวันพรุ่งนี้ ราชามังกรแห่งสี่คาบสมุทรจะมารวมตัวกันที่นั่นเท่านั้น และผู้อาวุโสเผ่ามังกรจะต้องมารวมกันที่นี่ โดยจะใช้เวลาราวสิบชั่วยาม…
หลี่ฉางโซ่ว และอ๋าวอี่จะใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้เพื่อวางกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ
ตัวอย่างเช่น บุตรและธิดามังกรที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องมีความรู้และสามารถที่ใช้งานได้จริงๆ ไม่เพียงแต่รู้จักสั่งการ ร้องเพลงและเต้นรำเท่านั้น แต่ยังต้องมีความรับผิดชอบและมีความรู้สึกต่อเผ่ามังกรและทั้งสี่คาบสมุทร พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีเรื่องราวที่น่าประทับใจ เพราะล้วนมาจากเผ่ามังกรรุ่นที่สอง และย่อมไม่มีใครเชื่อในความลำบาก ไม่ว่าพวกเขาจะทำตัวน่าเวทนาปานใด
และเป็นไปตามคำขอของหลี่ฉางโซ่ว ช่างฝีมือมังกรหลายคนได้สร้างแท่นที่หมุนได้หกแห่งในที่นั้น เพื่อใช้เป็นที่ให้ราชามังกรแห่งสี่คาบสมุทรและคู่หูแห่งสำนักเทพทะเลในภายหลัง…
หลี่ฉางโซ่วยังพบนักดนตรีในวังมังกรที่เคยร่วมงานกันมาก่อน และได้พูดคุยถึงรายละเอียดเกี่ยวกับดนตรีประกอบกับพวกเขา
เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็มองไปที่ห้องโถงอันโอ่อ่า กว้างขวางและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
เขารู้สึกว่าขาดอะไรบางอย่างไป…
การแสดงร้องเพลงและเต้นรำได้ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว และนี่คือสิ่งที่เผ่ามังกรขาดไม่ได้เลย
นอกจากนี้ ยังได้เลือกเจ้าหญิงเผ่ามังกรที่มีเรือนร่างโปร่งเพรียว ดูสง่างามและมีทักษะวาจาคารม มาเป็นพิธีกรของการแข่งขัน นางจะไม่ประกาศนามผู้เข้าร่วมการแข่งขันอย่างผิด ๆ แน่
แล้วยังขาดอันใดอีก?
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และไม่นาน ดวงตาของเขาก็สว่างวาบขึ้น
เขาขาดผู้ชม เขาขาดกลุ่มผู้คนที่หัวเราะและร้องไห้ได้ตามต้องการ!
เรื่องนี้แก้ได้ไม่ยาก แม้ระดับการแสดงโดยรวมของเผ่ามังกรจะไม่ได้น่าทึ่งนัก แต่เผ่ามังกรปกครองเผ่าทะเลมากมาย ย่อมไม่ยากที่จะเลือกบุรุษ สตรีเผ่าทะเลที่มีหน้าตาท่าทางดีและอารมณ์ดีจากเผ่าทะเลมาให้ชมกัน
หลี่ฉางโซ่วร้องขอไป และอ๋าวอี่จัดการให้ทันที หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เรียกความสนใจจากเหล่า ‘ผู้ชม’ เผ่ามังกรและเผ่าทะเลหลายร้อยคนได้ หลี่ฉางโซ่วจึงแนะนำพวกเขาทันทีและขอให้พวกเขาแสดงท่าทางเข้ากับดนตรี
เขายังให้ความสำคัญเป็นพิเศษมากเช่นกันในเรื่องการเคลื่อนไหวที่ไม่ให้ดูเกินจริง และทำให้ผู้ชมส่งเสียงให้กำลังใจกันอย่างสนุกสนาน ไม่ดังจนเกินไป
การทำเช่นนั้น หลี่ฉางโซ่วได้ลองทำหลังจากเป็นเซียนจิน เขาใช้ตัวตนในฐานะหัวหน้าผู้กำกับและ “อาจารย์” เพื่อจัดการงานแข่งขันคัดเลือกเทพเผ่ามังกร
แม้ว่าจะเป็นเพียงรูปแบบพิธีการ แต่ก็ถือว่าโดดเด่นไม่ซ้ำใคร
หลี่ฉางโซ่วยังฉวยโอกาสนี้เพื่อพบกับเหล่าราชามังกรแห่งสี่คาบสมุทรอย่างเป็นทางการอีกด้วย…
ก่อนเริ่มการแข่งขัน ในห้องโถงใหญ่แห่งวังมังกร ผู้อาวุโสหัวมังกรทั้งสี่นั่งอยู่ด้วยกันบนแท่นสูง ส่วนหลี่ฉางโซ่ว และอ๋าวอี่ถูกจัดให้นั่งอยู่ที่ด้านข้างแท่นสูง
ผู้อาวุโสหัวมังกรทั้งสี่นี้ ล้วนมีหน้าตาคล้ายกัน แต่สูง เตี้ย อ้วน และผอมต่างกัน
ราชามังกรแห่งทะเลบูรพานั้นดูสง่างามที่สุด แต่ก็ดูเกียจคร้านที่สุดเช่นกัน
ราชามังกรทะเลอุดรนั้นดูผอมบางในขณะที่ราชามังกรทะเลประจิมดูหรูหราฟู่ฟ่าเล็กน้อย ส่วนราชามังกรทะเลทักษิณนั้นดูสุภาพเรียบร้อยที่สุด
เมื่อหลี่ฉางโซ่วเดินออกจากห้องโถงด้านข้าง ราชามังกรแห่งสี่คาบสมุทรต่างก็ลุกขึ้นต้อนรับเขา
เมื่อหลี่ฉางโซ่วนั่งลง ราชามังกรแห่งสี่คาบสมุทรก็ชูขวดสีทองของพวกเขาขึ้นเพื่อชวนดื่มเป็นการให้เกียรติหลี่ฉางโซ่ว เทพแห่งท้องทะเล…
ไม่เพียงแค่นั้น พวกเขาล้วนเอ่ยวาจาไพเราะน่าฟังยิ่ง พวกเขาพยายามทำให้หลี่ฉางโซ่วพอใจ
“ที่วังมังกรได้ผูกมิตรดี และยังได้รับตำแหน่งเทพจากศาลสวรรค์เพื่อแก้ไขสถานการณ์ในยามนี้นั้น ทั้งหมดล้วนอาศัยการช่วยไกล่เกลี่ยของสหายเต๋า!”
นั่นคือถ้อยคำสรรเสริญของราชามังกรทะเลประจิม ซึ่งมีผู้ใต้บังคับบัญชาส่วนใหญ่เป็นพวกเด็กสองห้า[1]
“ข้าคิดว่า ในทั่วทั้งสวรรค์และปฐพี ตั้งแต่สมัยโบราณมาจนถึงบัดนี้ มีเพียงผู้เดียวที่มีสติปัญญาและเล่ห์เหลี่ยมเทียบได้กับเทพแห่งท้องทะเล นั่นก็คือ จ้าวปีศาจคุนเผิงแห่งศาลปีศาจโบราณเท่านั้น!”
ราชามังกรทะเลอุดรผู้นี้กล่าวชื่นชม แล้วไฉนถึงมาเหน็บข้าด้วยเล่า?
ราชามังกรทะเลทักษิณดูครึกครื้นขึ้น และกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “มาดื่มกันเถิด!” หลี่ฉางโซ่วจึงฉวยประโยชน์จากสถานการณ์ และหยิบขวดสุราขึ้นมา จากนั้นก็เริ่มกล่าวยกย่องพวกเขาเช่นกัน เพียงกล่าวไปไม่กี่คำ ราชามังกรทั้งสี่คาบสมุทรต่างก็หรี่ตาลงและยิ้ม พวกเขาล้วนพยักพเยิดไม่หยุดและชื่นชมเทพแห่งท้องทะเลในใจ…
หลังจากงานเลี้ยง พวกเขาก็จะเริ่มงาน “การคัดเลือกมังกรเพื่อรับตำแหน่งเทพ” หลี่ฉางโซ่วได้จัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้แล้ว เขาจะปล่อยให้เผ่ามังกรได้รับตำแหน่งเทพระดับล่างเหล่านี้ แล้วค่อยดำเนินการตามขั้นตอนในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ ราชามังกรทะเลอุดรก็กล่าวขึ้นทันทีว่า “ข้าคิดว่า การจัดเตรียมงานการคัดเลือกเหล่าศิษย์เผ่ามังกรเพื่อเข้าสู่ศาลสวรรค์ของเทพแห่งท้องทะเลนั้นสมบูรณ์แบบยิ่ง และจะไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ จึงควรค่าแก่การเฉลิมฉลองนัก เช่นนั้น เหตุใดเราไม่เชิญบรรดาสหายเต๋าแห่งโลกบรรพกาลมาเป็นประจักษ์พยานด้วยเล่า?
หลี่ฉางโซ่วเงียบงันฉับพลัน
นี่ก็เช่นกัน…ช่างน่าขายหน้านัก!
เมื่อเห็นว่าราชามังกรอีกสามคนกำลังจะพยักหน้า หลี่ฉางโซ่วก็รีบชิงกล่าวว่า
เมื่อเห็นว่าราชามังกรอีกสามคนกำลังจะพยักหน้า หลี่ฉางโซ่วรีบกล่าวว่า “ขอท่านราชามังกรโปรดพิจารณา ข้าเห็นว่า ตำแหน่งผู้พิทักษ์แห่งท้องทะเลที่ศาลสวรรค์ให้รางวัลในครั้งนี้ ยังไม่ใช่ตำแหน่งเทพระดับสูง แล้วหากป่าวประกาศและเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่เช่นนั้น จะทำให้เผ่ามังกรเสื่อมเสียชื่อเสียงไปหรือไม่?”
“ไม่หรอก” ราชามังกรทะเลทักษิณกล่าวว่า “น่าจะทำเช่นนั้นดีกว่า”
ราชามังกรทะเลอุดรยิ้มและกล่าวว่า “โลกบรรพกาลรู้ดีว่าเผ่ามังกรอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย แล้วไยเราไม่ใช้โอกาสนี้เพื่อให้พวกเขารู้ว่าเรามีมิตรภาพที่ดีกับศาลสวรรค์”
“เป็นเช่นนั้นก็ได้” ราชามังกรแห่งทะเลบูรพาพยักหน้าช้าๆ แล้วสรุปเรื่องนี้
………………………………………………………………..
[1] สายลับหรือคนทรยศ ปรับมาจากการเรียกพวกสายลับของสมาคมลับในสมัยราชวงศ์ชิง