ตอนที่ 403 ราชาแห่งบทกวี (1)
ในขณะนี้ ศาลสวรรค์ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักจริงๆ
มีทหารสวรรค์หลายหมื่นคนและกองทหารมังกรเซียนวารีชั้นยอดของเผ่ามังกรอยู่ในแนวหน้า ในขณะนั้น พวกเขากำลังเคลื่อนไหวด้วยพลังขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งเต็มกำลัง และมีคนกล้ามาหยุดพวกเขากลางทาง
ประเด็นก็คือ…พวกเขามาหยุดกองทัพจริงๆ
นักพรตเต๋าชราที่ปรากฏตัวออกมากลางทางผู้นี้ มีพลังลมปราณที่แข็งแกร่งและพลังสะกดข่มรุนแรง ขอบเขตเต๋าของเขาอยู่เหนือเซียนจินมากนัก
ในยามนี้ แทบจะมองไม่เห็นขอบเขตของพลังของหลี่ฉางโซ่วแล้ว และเขายังได้ใกล้ชิดกับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ อาจารย์ลุงจ้าว เทพธิดาอวิ๋นเซียวผู้อ่อนโยน และปรมาจารย์ระดับสูงคนอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้จอมปราชญ์
ชั่วเวลาที่นักพรตเต๋าชราในชุดเสื้อคลุมสีน้ำตาลปรากฏตัวออกมา เขาก็แผ่พุ่งพลังกดดันออกมาอย่างเต็มที่ และเผยฐานพลังที่น่าทึ่งยิ่งออกมา แต่หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกได้ด้วยสัญชาตญาณว่า ขอบเขตเต๋าของคนผู้นี้ ยังเทียบไม่ได้กับบรรดาศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักบำเพ็ญเต๋า…
ทว่าในสถานที่นั้น นักพรตเต๋าชราผู้นี้ก็ยังข่มขวัญแม่ทัพสวรรค์แห่งศาลสวรรค์ได้จนหมดสิ้น ในขณะนี้ สิ่งที่ศาลสวรรค์ขาดมากที่สุดก็คือ พลังการต่อสู้ระดับสูง
ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่ว มีความแข็งแกร่งและขอบเขตการตรวจจับจำกัด ทว่าเพียงเมื่อความคิดเหล่านี้ผุดขึ้นมาในใจ แม่ทัพตงมู่ก็ได้ยืนขึ้นแล้ว
แม่ทัพตงมู่ถอนหายใจและกล่าวว่า “ดูสิ ดู! จอมทัพกระทำการบ้าบิ่นได้อย่างไร ? ตอนนี้ เขาไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะไม่โต้ตอบหากเผชิญปัญหาไม่ใช่หรือ? ท่านเทพแห่งท้องทะเล โปรดนำทัพของท่านจากข้างหลังมา ขอให้ข้าไปดูด้านหน้าสักหน่อย”
“แม่ทัพตงมู่ ให้ข้าไปเองเถิด” หลี่ฉางโซ่วยืนขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งขรึมยิ่ง “นักพรตเต๋าผู้นี้ไม่ธรรมดา เราไม่ควรมีเรื่องขัดแย้งกับเขา”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น แม่ทัพตงมู่ก็ไม่กล้าวู่วามและตอบตกลงทันที
หลี่ฉางโซ่วสะบัดแส้หางม้าแล้วกลายร่างเป็นควันสีเขียวจางๆ ก่อนจะพุ่งปรี่หนีหายไปในสายลมทะเล แล้วเดินทางไปหลายพันลี้ในชั่วพริบตา
นักพรตเต๋าชราผู้นี้เป็นใครกัน?
เขาร้องตะโกนว่า “ปีศาจใหญ่เหล่านี้เป็นลูกหลานที่ถูกทอดทิ้งของศาลปีศาจ” เขาถือน้ำเต้าสีม่วงขาวขนาดใหญ่อยู่ในมือ รูปลักษณ์ของเขาออกจะดูธรรมดาและเรียบง่ายไปสักหน่อย เขาเป็นแม่แบบของนักพรตเต๋าชราที่มักพบเห็นได้ทั่วไปในโลกบรรพกาล…
หลี่ฉางโซ่วไม่รู้ว่ามีพลังเวทที่ไม่รู้จักมากมายเพียงใดในโลกบรรพกาล เพื่อความปลอดภัย หลี่ฉางโซ่วจึงไม่อาจระบุตัวตนของคนผู้นั้นได้โดยอาศัยเพียงแค่น้ำเต้า
นักพรตเต๋าชราผู้นี้น่าจะมาจากเผ่าปีศาจ หรือมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับเผ่าปีศาจ…
ทว่า…มีบางอย่างผิดพลาดในการใช้ศาลสวรรค์ปีศาจมาขออนุมัติจากศาลสวรรค์แห่งสามอาณาจักรในยามนี้หรือไม่?
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วทำได้เพียงเดาคร่าวๆ เขาห่วงว่าร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนจะได้รับบาดเจ็บ จึงใช้หลีกลมเร้นกายเต็มกำลัง
เขาเป็นคนวางแผนปราบปีศาจ
ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนอยากสัมผัสการผจญภัยโลดโผนที่ลูกผู้ชายใฝ่ฝันถึง เทพแห่งท้องทะเลก็เพิ่งหยุดแม่ทัพตงมู่เอาไว้และสนับสนุนให้ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนออกไป
หากองค์เง็กเซียนแพ้พ่ายและถูกทำร้าย หรือแม้กระทั่งร่างจำแลงของเขาถูกสังหาร ศาลสวรรค์ย่อมจะอับอายขายหน้าและกลายเป็นตัวตลกของโลกบรรพกาลทันที บางทีท่านปรมาจารย์จอมปราชญ์อาจยังกังขาในความสามารถจัดการของศิษย์น้อยของเขา!
แม้หลี่ฉางโซ่วจะยังมั่นใจในเวทหลบหนีของเขา และรีบไปยังที่ตั้งกองทัพเดิมทันที แต่ก็ยังช้าไปครึ่งก้าว
ไม่มีทางแล้ว เพราะประโยคแรกที่แม่ทัพใหญ่รี่เทียนกล่าว ก็ทำให้นักพรตเต๋าชราลุกเป็นไฟฉับพลันแล้ว
“บังอาจ!”
ฮวารี่เทียนเลิกคิ้วพลางชี้กระบี่ออกไปข้างหน้าแล้วกล่าวว่า “เจ้าพวกเศษเดนของศาลปีศาจ กล้าดีอย่างไรถึงมาสกัดกั้นกองทัพศาลสวรรค์ของข้า!”
ขณะที่ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนกล่าว ร่างของหลี่ฉางโซ่วก็ปรากฏขึ้นทางด้านซ้ายของร่างจำแลงขององค์เง็กเซียน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่ฉางโซ่วก็แทบจะคุกเข่าลงที่องค์เง็กเซียน
เขามันบ้าระห่ำสุดๆ…
ไม่ นี่ไม่ใช่ความบ้าระห่ำ แต่เป็นคนสับสนที่ไม่รู้สถานการณ์
องค์เง็กเซียนเพียงหัวรั้นเท่านั้น เท่านั้นจริงๆ !
ในที่สุด หลี่ฉางโซ่วก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง ในขณะนั้น องค์เง็กเซียนไม่เห็นนักพรตเต๋าชราผู้นี้อยู่ในสายตาเลย
องค์เง็กเซียนมีเต๋าสวรรค์และบรรพาจารย์เต๋าคอยอยู่เบื้องหลัง และเขายังเป็นผู้ปกครองในนามสามอาณาจักร จอมปราชญ์เทพทั้งหกล้วนเป็นพี่น้องของเขา!
แล้วจะต้องกลัวอันใดเล่า?
การที่นักพรตเต๋าชรามาขัดขวางงานสำคัญครั้งใหญ่ของศาลสวรรค์ในวันนี้ก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่เขาต้องใช้ศาลปีศาจโบราณเพื่อปราบศาลสวรรค์ในยามนี้ นี่ถือว่าเขาได้เหยียบหน้าองค์เง็กเซียนให้อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาและยังบดขยี้อย่างแรงอีกด้วย
ในขณะนี้ มีโอกาสกว่าแปดส่วนที่องค์เง็กเซียนต้องการสังหารนักพรตเต๋าชราผู้นี้เพื่อเสริมสร้างพลังอำนาจแห่งศาลสวรรค์ให้แข็งแกร่ง!
ยิ่งกว่านั้น ดูจากท่าทางแล้ว ก็เหมือนว่า ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนจะมีความมั่นใจในตัวเองเช่นกัน
…
หลี่ฉางโซ่ววิเคราะห์เรื่องเหล่านี้อย่างรวดเร็วในใจ และหาจุดยืนให้ตัวเองพร้อมกับเตือนตัวเองให้ยึดมั่นในหลักการเหล่านั้นโดยไม่หวั่นไหว
แม่ทัพใหญ่รี่เทียนร้องตะโกนอีกครั้ง “เหล่าแม่ทัพอยู่ที่ใด?”
แม่ทัพสวรรค์ที่อยู่ด้านหลัง พลันตะโกนออกมาพร้อมๆ กันว่า “น้อมรับบัญชาท่านแม่ทัพใหญ่!”
เสียงของเขาสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วทั้งเก้าสวรรค์และพลังลมปราณของเขาก็พุ่งทะยานขึ้น!
ในขณะนั้น นักพรตเต๋าชราในชุดสีน้ำตาลที่อยู่ต่อหน้าเขาก็เบิกตากว้าง คำว่า ‘เศษเดนของศาลปีศาจ’ ทำให้เขาโกรธจัด ทันใดนั้น เขาก็ตะโกนว่า
“แม่ทัพสวรรค์คิดว่าอาศัยบุญคุ้มกายจนคิดว่าผู้อื่นไม่อาจแตะต้องได้!?! เจ้าอยากให้ข้าต่อสู้กับเจ้าใช่หรือไม่?”
เมื่อกล่าวเช่นนั้นแล้ว ทั้งเคราและเส้นผมของนักพรตเต๋าชราก็ปลิวสะบัด เขายังคงแผ่พลังกดดันที่น่าตื่นตะลึงออกมาตั้งแต่หัวจรดเท้า และพลังเซียนที่อยู่เบื้องหลังเขา ก็ก่อตัวขึ้นเป็นพายุเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่!
ฮวารี่เทียนไม่หวาดกลัวใดๆ เขาชูกระบี่ยาวในมือขึ้นสูงในขณะที่มีลำแสงสีทองสาดส่องลงมาจากเก้าสวรรค์และเปล่งประกายอยู่บนร่างของเขา!
ในแสงสีทองนั้น ฮวารี่เทียนยังคงท่าชูกระบี่ขึ้น บัดนั้น ชั้นพลังศักดิ์สิทธิ์สีทองได้เข้าครอบคลุมไปทั่วทั้งร่างของเขา ดวงตาของเขายิ่งเปล่งประกายไปด้วยแสงสีทองขณะจ้องมองไปที่นักพรตเต๋าชราที่อยู่ข้างหน้าเขา
ในชั่วพริบตา เขาก็ได้ต้านทานพลังแรงกดดันส่วนใหญ่ที่นักพรตเต๋าชราแผ่พุ่งออกมา ทำให้ขวัญกำลังใจของเหล่าทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์พุ่งทะยานขึ้นมาก!
นักพรตเต๋าชราเบิกตากว้างทันที…
เขาเคยใช้พลังเวทข่มขู่ แต่กลับถูกแม่ทัพแห่งศาลสวรรค์เมินเฉยต่อหน้าเขา แม่ทัพสวรรค์ยังถึงกับคิดว่าเขาช้าเกินไปและต้องการโจมตีเขา
มีเหตุผลในเรื่องนี้หรือไม่?
เหตุผลของศาสตร์การต่อสู้ยังคงยิ่งใหญ่อยู่ในโลกบรรพกาลหรือไม่?
นักพรตเต๋าชราร้องคำราม “เอาล่ะ! วันนี้ข้าจะสังหารเจ้าให้ได้ แม่ทัพสวรรค์ผู้หยิ่งผยอง!”
เขาใช้มือขวาตบน้ำเต้าสีม่วงทันที แล้วฉับพลันนั้น ก็มีลำแสงพุ่งมาจากปากน้ำเต้าแล้วทะยานสูงขึ้นไปในอากาศสามจั้ง จากนั้น ก็รวมตัวเป็นกลุ่มเมฆควันทันทีในขณะที่ดวงตาเย็นชาคู่หนึ่ง จ้องมองไปที่ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียน!
ในขณะนั้น ทั้งเคราและเส้นผมของนักพรตเต๋าชราก็เฒ่าปลิวไสวไปตามสายลม พลังลมปราณทั่วร่างของเขาพลันทวีความรุนแรงขึ้นมาก และไอสังหารเย็นยะเยือกก็กวาดพัดออกไปกดดันทั่วทั้งสถานที่นี้อย่างกะทันหัน!
“ตรึง!”
………………………………………………………………..