ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – ตอนที่ 407 จักรพรรดิในชุดขาวมีเจตนาสังหาร (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 407 จักรพรรดิในชุดขาวมีเจตนาสังหาร (2)

เวลานี้ ดูเหมือนว่า มีดบินสังหารเซียนจะยังไม่สมบูรณ์แบบ และเวทตรึงปราณวิญญาณก็ยังจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงเช่นกัน ซึ่งนั่น น่าจะเป็นข้อกำหนดเบื้องต้นในการเปิดใช้งานมีดบินสังหารเซียน

ยิ่งไปกว่านั้น มาพูดถึงตำราเจ็ดลูกศรหัวตะปูที่ลึกลับกันเถิด…ข้าควรวางแผนให้อาจารย์ลุงจ้าวสังหารนักพรตเต๋าลู่หยาก่อนล่วงหน้าดีหรือไม่?

ทว่าเมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมาในใจ หลี่ฉางโซ่วก็บีบคางแล้วปัดความคิดนั้นออกไปทันที หากเขาทำเช่นนั้นจริงๆ แล้วกลายเป็นว่าอาจารย์ลุงจ้าวสังหารนักพรตเต๋าลู่หยาไม่สำเร็จ เขาย่อมจะสร้างความบาดหมางกับลู่หยา แล้วนั่นจะทำให้เขามีชะตากรรมเหมือนอาจารย์ลุงจ้าวหรือไม่?

ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย เขาจึงไม่อาจใส่ใจเรื่องมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพได้ และในขณะที่หลี่ฉางโซ่วกำลังคิดถึงปัญหานี้ เขาก็คิดถึงแนวทางบางอย่างขึ้นมาได้

หากต้องการช่วยชีวิตอาจารย์ลุงจ้าว เขาจะต้องไม่เข้าไปยุ่งมากเกินไป มันเร็วเกินไป เขาต้องปล่อยให้อาจารย์ลุงจ้าวผ่านภัยพิบัติที่กำหนดไว้แต่เดิมก่อน เมื่อได้รับตำแหน่งเทพแล้ว ค่อยเปลี่ยนวิถีการขึ้นสู่สวรรค์เล็กน้อย ยังมีหลายสิ่งที่ต้องพิจารณา

หลังจากถูกทำร้ายจนตาย เสี้ยวหนึ่งของปราณวิญญาณของเขาจะไปอยู่ในทะเบียนเทพ และจากนี้ไป เขาก็จะกลายเป็นหุ่นเชิดของเต๋าสวรรค์ ซึ่งไม่ว่าอย่างไร พระราชโองการใดๆ จากองค์เง็กเซียน ก็ต้องได้รับการจัดการจากเต๋าสวรรค์

ร่างกายของเขาอยู่ในทะเบียนเทพ โดยตรง และเป็นเหมือนหลี่ฉางโซ่ว เขาดำรงตำแหน่งในศาลสวรรค์และออกไปตามต้องการได้ทุกเมื่อ และมีทางเลือกขั้นพื้นฐานที่สุด

แน่นอน สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือคนที่ถูกทำร้ายจนตาย แต่ไม่อาจเข้าสู่ทะเบียนเทพได้นั้น จะต้องตายอย่างไร้ประโยชน์

และโอกาสที่ปลอดภัยที่สุดในการช่วยเหลืออาจารย์ลุงจ้าวก็คือ ช่วงระหว่างเกิดมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ

และเมื่อเป็นเช่นนั้น เขาก็จะลดกรรมไปได้มากที่สุด เขาเพียงต้องเปลี่ยน “รูปแบบ” การขึ้นสู่สวรรค์ของอาจารย์ลุงจ้าวเล็กน้อย…

ตอนนี้ตำแหน่งของข้าในศาลสวรรค์ยังไม่มั่นคง ข้าจึงควรมุ่งความสนใจไปที่การเป็นเทพแห่งท้องทะเลก่อนเท่านั้น ทั้งหมดนี้ล้วนเพื่ออนาคต

จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ถอนหายใจเบาๆ และฝังความคิดเหล่านั้นเอาไว้ในใจ แล้วจดจ่ออยู่กับ “งานหลัก” ในยามนี้ของเขา

เขาต้องปกป้องแม่ทัพใหญ่แห่งสวรรค์!

……

ต่อจากนั้น ร่างจำแลงของหลี่ฉางโซ่วจึงคอยติดตามร่างจำแลงขององค์เง็กเซียน ไปทุกที่

นั้นคือ ร่างทองแห่งบุญที่ออกมาจากร่างของเขา…

และในขณะที่ก้มกราบกราน ท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยผงบุญทองคำ!

หลี่ฉางโซ่วต้องรีบหารือเรื่องการช่วยให้เผ่ามังกรขึ้นสู่ศาลสวรรค์กับองค์เง็กเซียน โดยด่วน และเขาก็ไม่ได้ขออะไรอีก มันคงเพียงพอแล้วหากองค์เง็กเซียนจะสร้างร่างทองแห่งบุญให้เขาได้!

เขาคิดถึงผลท้อ

ในขณะนี้ กองทัพพันธมิตรของศาลสวรรค์และเผ่ามังกรได้มาถึงแล้ว เผ่าปีศาจแห่งทะเลประจิมก็ลงมือตอบโต้เป็นเชิงสัญลักษณ์ก่อนจะหลบหนีกระจัดกระจายกันไปทั่วทุกทิศทาง

แต่ในเวลานี้ เส้นทางหลบหนีจากโลกบรรพกาลได้ถูกผนึกเอาไว้จนหมดสิ้น พวกมันจึงได้แต่วิ่งไปทั่วเพียงเพื่อเพิ่มความเร็วของทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์เท่านั้น

ตามคำแถลงอย่างเป็นทางการของศาลสวรรค์…

การรบครั้งนี้ดุเดือดเลือดพล่านและเอาเป็นเอาตายกันสุดเหวี่ยง ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันจนฟ้ามืด และในไม่ช้า น้ำทะเลก็หนาแน่นไปด้วยอาหารทะเล

ในขณะนั้น ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนที่กำลังต่อสู้อย่างหนักและชุ่มโชกไปด้วยเลือด จู่ๆ ก็หันกลับมา มองดูเซียนชราที่ติดตามเขามาในระยะสามจั้ง…แล้วร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนก็ส่งข้อความเสียงว่า “ขุนนางของข้า ฉางเกิงก็อยู่ด้วย!”

“ฝ่าบาททรงฆ่าพวกมันได้เลย ไม่ต้องห่วงเทพน้อย” หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าพลางยิ้มและส่งข้อความเสียงว่า “กระหม่อมจะปกป้อง อยู่เคียงข้างฝ่าบาท ไม่ปล่อยให้เจ้านักพรตนั่น พลิกอาชาจู่โจมได้”

ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนส่งข้อความเสียงกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วง…ช่างมัน”

เมื่อมองดูชายชราท่าทางใจดีมีเมตตาที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมด้วยรอยยิ้ม องค์เง็กเซียนก็ไม่อาจหยิบยกศักดิ์ศรีของจักรพรรดิแห่งสวรรค์ออกมาได้ เขาจึงหันกลับไปนำทัพเพื่อไล่เข่นฆ่าอย่างรวดเร็วต่อไป

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหยิบตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สองตัวออกมาจากแขนเสื้อแล้วโยนมันออกไปและกลายร่างเป็นชายที่แข็งแกร่งในชุดเกราะสีเงินสองคน คนหนึ่งไปทางด้านซ้ายและคนหนึ่งไปทางด้านขวา คอยติดตามองค์เง็กเซียน แต่ละคนล้วนถือกระบี่และทวนเพื่อต่อสู้กับศัตรูอย่างดุเดือด พวกเขาล้วนเฝ้าคุ้มกันอยู่ข้างๆ ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียน

พวกเขาจะให้บริการพี่เลี้ยงครบวงจรและรับสู้ศึกทั่วทิศ!

ในระหว่างการรบพุ่งนั้น หลี่ฉางโซ่วได้ค้นพบแม่ทัพสวรรค์ที่เป็นต้นกล้าศักยภาพดีอยู่สองสามคน

ตัวอย่างเช่น อ๋าวอี่ รองเจ้าสำนักของเขา ซึ่งนำกลุ่มกองกำลังทหารเผ่ามังกรโดยไม่พูดอะไรสักคำ เขากัดกระดูกที่แข็งที่สุดและฆ่าปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดในขณะที่ร่างมังกรครามที่แท้จริงของเขาก็สะบัดเหวี่ยงไปมาอย่างต่อเนื่อง

และจอมเจ้าชู้เปี้ยนจวง “แม่ทัพทหารถั่วสวรรค์” ซึ่งได้กลายเป็นแม่ทัพน้อยในศึกครั้งนี้เช่นกัน เขานำทหารสวรรค์สองพันนายพุ่งทะยานออกไปข้างหน้า

ไม่คาดว่า ครานี้ เปี้ยนจวงจะมีท่าทางเป็นลูกผู้ชายในการต่อสู้จริงๆ ในระหว่างรบ คราดฟันเก้าซี่ในมือของเขาเป็นอาวุธเฉียบคมในการต่อสู้ ไม่รู้ว่า เปี้ยนจวงมีพลังเวทในการต่อสู้ทางน้ำด้วยหรือไม่ แต่ร่างของเขาว่องไวยิ่งกว่ายามเมื่อไม่ได้อยู่ในน้ำและด้วยคราดเก้าฟันนั้น นอกจากปีศาจเฒ่าเหล่านั้นแล้ว ก็มีน้อยคนนักที่จักเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้!

หลี่ฉางโซ่วแอบจดจำเรื่องทั้งหมดนั้นเอาไว้ เขาจะรายงานต่อองค์เง็กเซียนในภายหลัง

เวลานี้ ศาลสวรรค์ยังขาดผู้มากพรสวรรค์

แต่ในที่สุด หลี่ฉางโซ่วก็ตระหนักว่ามันไร้ประโยชน์สำหรับเขา

ครึ่งวันต่อมา สงครามในทะเลประจิมก็หยุดชะงักไปชั่วครู่หนึ่ง กองทัพเหล่าแม่ทัพสวรรค์ ทหารสวรรค์ และกองทัพมังกรได้เข้ารวมกองกำลังกัน และจากนั้นพวกเขาก็กวาดล้างส่วนลึกของทะเลประจิม จากทางใต้ไปเหนือ

ในท้ายที่สุด ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนก็หลงใหลได้ปลื้มกับการเป็นแม่ทัพ เมื่อเขากลับไปนั่งตัวตรงที่กองกำลังกลาง จึงทำให้หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจอย่างโล่งอกได้จริงๆ

ข้าควรคิดหาวิธีทำให้องค์เง็กเซียนไม่ก่อปัญหาเช่นนี้อีกในภายหน้า…

กองทัพนี้ออกลาดตระเวนไปทั่วทั้งสี่คาบสมุทรมาครึ่งเดือนแล้ว พวกเขาเข่นฆ่า ล่าสังหารและจับกุมเหล่าปีศาจใต้ทะเลลึกเหล่านั้นและยังโจมตีกลุ่มกบฏเผ่าทะเลได้หลายกลุ่มอีกด้วย

บัดนี้ เผ่ามังกรเชื่อใจศาลสวรรค์มากขึ้นเรื่อยๆ และเหล่าผู้อาวุโสเผ่ามังกรก็มองดูทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์แห่งศาลสวรรค์ด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดีเช่นกัน

แม่ทัพตงมู่กล่าวว่า “เหล่าปีศาจใต้ทะเลลึกถูกขับไล่ออกไป บัดนี้ทั่วทั้งสี่คาบสมุทรก็สงบแล้ว!”

พวกเขาใช้เวลาเพียงสิบหกวัน นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการทางทหารแห่งศาลสวรรค์ จนศึกสู้ที่ดุเดือดได้ยุติลงแล้ว

ทันทีที่แม่ทัพตงมู่กล่าวจบ ธารแสงสีทองก็ปรากฏขึ้นในระหว่างสวรรค์และปฐพี ทันใดนั้น บุญแห่งเต๋าสวรรค์ก็ตกลงมาแล้วกลายเป็นฝนสีทองโปรยปรายกระจายไปยังกองทัพของศาลสวรรค์ และกองทัพเผ่ามังกร!

ในขณะนั้น บรรดาทหารสวรรค์ที่เหนื่อยล้าสิ้นแรงก็ได้รับพลังสดชื่นขึ้นทันทีที่สายฝนสีทองต้องกาย ส่วนกองทหารมังกรเซียนวารีและทหารเล็กๆ ต่างก็พากันตื่นเต้นดีใจเช่นกัน

บุญที่เต๋าสวรรค์ประทานให้นั้น จะขึ้นอยู่กับการมีส่วนสนับสนุนช่วยเหลือในระหว่างการเดินทัพครั้งนี้ นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับระดับของตำแหน่งเทพ ซึ่งทางด้านเผ่ามังกร อ๋าวอี่จะได้บุญมากที่สุด เขาได้รับเสาแสงสีทอง และฐานพลังของเขาก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนผู้อาวุโสเผ่ามังกรคนอื่นๆ และปรมาจารย์เผ่ามังกรต่างก็ได้รับขนสีทองมากกว่าสิบชิ้น และกรรมร้ายของพวกเขาก็ได้รับการชำระล้างเล็กน้อย ในขณะนั้น ไม่ว่าจะมากหรือน้อย พวกเขาก็ล้วนเผยท่าทีตื่นเต้นดีใจออกมาเช่นกัน

แม้จะได้บุญน้อยแต่ก็มีหวัง ผู้อาวุโสเผ่ามังกรร้องตะโกนว่า “เต๋าสวรรค์สัมผัสได้ และมอบบุญให้! ในที่สุดเผ่ามังกรของเราก็ได้รับการยอมรับจากเต๋าสวรรค์แล้ว!”

ในเวลานั้น มีเพียงฮวารี่เทียน และหลี่ฉางโซ่วเท่านั้นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแสงสีทองเหล่านี้

บุญเช่นนี้ย่อมไร้ประโยชน์สำหรับองค์เง็กเซียน เต๋าสวรรค์จะไม่ให้บุญแก่องค์เง็กเซียนเพียงเพราะเรื่องนี้แม้แต่น้อย

ส่วนหลี่ฉางโซ่ว…

ในเวลานั้น บนยอดเขาหยกน้อย มีลำแสงสีทองสาดส่องลงมาจากท้องฟ้าโดยไม่ใส่ใจค่ายกลเวทพิทักษ์ขุนเขาที่ปกป้องสำนักตู้เซียน แล้วฟาดลงบนศีรษะของหลี่ฉางโซ่วโดยตรง

แม้ลำแสงสีทองนี้จะสาดสายลงมาอย่างรวดเร็ว แล้วหายไปในชั่วพริบตา แต่ก็ยังดึงดูดความสนใจของผู้คนเป็นอย่างมาก

โชคดีที่เจ้าสำนักจี้อู๋โหย่วบินออกมาจากโถงตู้เซียนทันเวลา บัดนั้น เขายืนอยู่เหนือยอดเขาหยกน้อย และกวาดสัมผัสเซียนรับรู้ออกไปตรวจจับ แล้วพึมพำกับตัวเอง

“ไม่เลว ค่ายกลลำแสงสีทองที่ข้าวางเอาไว้ที่นี่ได้ผลดี”

นั่นเป็นการช่วยหลี่ฉางโซ่วปกปิดมัน

ในสถานการณ์ตอนนี้ จี้อู๋โหย่วไม่มีทางเลือก เห็นได้ชัดว่าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูกำลังมอบบุญให้เสี่ยวฉางโซ่ว

เฮ้อ…

สุขใจจริงๆ ที่มีพื้นหลังแข็งแกร่ง

ในเวลาเดียวกันนั้น ระหว่างทางกลับไปศาลสวรรค์ แม่ทัพใหญ่ฮวารี่เทียนก็คิดจะขอให้เทพแห่งท้องทะเลจงใจชะลอความเร็วในเส้นทางเมฆลงเล็กน้อย

“ขุนนางฉางเกิงของข้า ลู่หยาผู้นี้ มีปัญหา ข้าคิดว่าเขาไม่ได้มีพรอ่อนแอ และน่าจะได้รับพรจากโชคฟื้นคืนชะตาของเผ่าปีศาจ เกรงว่าเขาอาจจะเป็นตัวตนที่จัดการได้ยากในภายหน้า เช่นนั้น ไยเราไม่มาลองคิดแผนร่วมกันตอนนี้ คิดแผนที่ครอบคลุมเพื่อจัดการเขาให้เร็วที่สุด…”

แม่ทัพรี่เทียนยกมือขึ้นโบกไปมาเบาๆ ขณะที่ดวงตาของเขาฉายแววเจตนาสังหารออกมาเล็กน้อย

หลี่ฉางโซ่วกะพริบตาก่อนจะเข้าใจว่า เหตุใดองค์เง็กเซียนถึงมีเจตนาสังหาร

ว้าว อดีตองค์ชายแห่งราชวงศ์ก่อน

………………………………………………………………..

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท