ตอนที่ 409 ทุกอย่างเป็น…ทางเลือก (2)
“พรึ่ด แค่กๆๆ หยุดพูดเหลวไหลเลยนะ!”
จากนั้น พวกนางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ จากด้านข้าง แล้วกระโปรงของหลิงเอ๋อร์และเสวียนหย่าก็พลิ้วไหว ขณะที่พวกนางเดินมาด้วยกัน และเริ่มสนใจผลการฝึกครึ่งเดือนของจิ๋วอวี่ซือเพื่อเปลี่ยนหัวข้อออกไปจากศิษย์พี่ฉางโซ่ว
ไม่นานหลังจากนั้น ภายในศาลาแห่งนั้นก็ยังคงเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะต่อไป
ในขณะนั้น นักพรตเต๋าผมขาวคนหนึ่ง ซึ่งแสร้งทำเป็นเดินผ่านมา ก็หยุดเดินตามทางของเขาก่อนจะเลี้ยวมุมหนึ่ง แล้วเดินเอามือไพล่หลัง ตรงไปที่กรงสัตว์วิญญาณข้างๆ เพื่อตรวจสอบสุขภาพของสัตว์วิญญาณ
นั่นคือการตรวจสอบของผู้นำยอดเขา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ยากจะเกิดขึ้นได้ในรอบหนึ่งร้อยปีบนยอดเขาหยกน้อย
“ลู่หยา”
ในหอโอสถ หลี่ฉางโซ่ว ยืนเอามือไพล้ไว้ที่ด้านหลังของเขาขณะสังเกตสถานการณ์ในสำนัก เขานึกถึงภารกิจที่เขาเพิ่งได้รับมอบหมายจากองค์เง็กเซียน
นานเพียงใดแล้วที่ข้าขึ้นสู่ศาลสวรรค์? ไฉนข้าถึงเริ่มช่วยองค์เง็กเซียน ทำงานสกปรก?
อืม…
ในแผนเดิมของเขา ความจริงแล้ว เขาควรให้ผู้บำเพ็ญเหวินจิงทำงานเหล่านี้
น่าเสียดายที่ผู้บำเพ็ญเหวินจิงยังเปิดเผยตัวตนไม่ได้…
จะให้จัดการมีดบินสังหารเซียน นักพรตเต๋าลู่หยา ง่ายๆ ได้อย่างไรกัน?
ในเวลานี้ ด้วยเหตุที่มีตำราเจ็ดลูกศรหัวตะปูอยู่ เขาจึงมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขาไม่ได้
ความจริงแล้ว แม้ยากจะกำจัดนักพรตเต๋าลู่หยาได้ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
เพียงแต่มันเสี่ยงมากเกินไป และเขาจะกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของนักพรตเต๋าลู่หยา
อีกอย่าง มันมีกรรมใหญ่หลวงยิ่ง
ตามตำราโบราณของสำนักบำเพ็ญเต๋า เต๋าอันยิ่งใหญ่มีห้าสิบ แต่สวรรค์ใช้เพียงสี่สิบเก้า ทุกสรรพสิ่งที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น ล้วนวิวัฒน์อยู่ในเต๋าสวรรค์มานานแล้ว
หากเขาทำลายลู่หยา ลิขิตแห่งมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพย่อมจะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน มันจะมีผลกระทบเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่มโหฬารอยู่เบื้องหลัง ก่อให้เกิดสิ่งที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้มากมายนับไม่ถ้วน
หลี่ฉางโซ่วไม่ต้องการวางแผนเพื่อกลายเป็นเทพ และเขายังไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ในมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ นอกเหนือจากตำแหน่งเทพ และบุญ รวมถึงโอกาสที่จะได้รับสมบัติวิญญาณบ้าง ก็ไม่มีอะไรมากที่ต้องวางแผนแล้ว
แน่นอนว่า ตามความเข้าใจของหลี่ฉางโซ่ว มหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ นั้นเป็นเพียงความเป็นไปได้ในอนาคตสำหรับโลกบรรพกาลที่เขาอยู่ในขณะนี้
ทว่าหากลู่หยาบังเอิญหายตัวไป ความเป็นไปได้นี้ย่อมจะเปลี่ยนไป
แต่ในขณะเดียวกัน เต๋าสวรรค์ก็มีพลังที่จะดึงเส้นด้ายโลกต่างๆ ทั้งหมดกลับไปอีกครั้ง ณ จุดใดจุดหนึ่งในอนาคต มันจะกลับคืนสู่ความเป็นไปได้ที่จะกลับคืนสู่สถานะเดิมอีกครั้งซึ่งจะไม่ทำให้ปริมาณภัยพิบัติโดยรวมเปลี่ยนแปลง…
ใช่แล้ว ทุกอย่างเป็นทางเลือกของแผ่นหยกแห่งโชค!
“เรื่องนี้รีบร้อนไม่ได้ ข้าต้องวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนไปทีละขั้น และยังมีเรื่องเกี่ยวข้องมากมาย…”
หลี่ฉางโซ่วยืดเหยียดแผ่นหลัง ในขณะที่มีความคิดซับซ้อนมากมายวิ่งวนเวียนอยู่ในใจ เขาก็เห็นท่านอาจารย์เดินเล่นไปรอบๆ กรงสัตว์วิญญาณ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ขี่เมฆบินออกไปจากหอโอสถ
สงหลิงลี่กำลังติดตามนักพรตเต๋าชราแหยวนอย่างกระตือรือร้นยิ่ง นางบรรยายเรื่องราวของสัตว์วิญญาณทุกตัวอย่างละเอียด ตั้งแต่การผสมพันธุ์ ขยายพันธุ์ การทำคลอด การเลี้ยงดูให้อาหาร การเชือด และจากนั้นก็นำไปปรุงอาหารและกำจัดขยะในครัว
“พี่ชายมาแล้ว!”
สงหลิงลี่สังเกตเห็นหลี่ฉางโซ่วก่อนและโบกมือให้อย่างตื่นเต้น
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและเดินไปข้างหน้าแล้วโค้งคารวะพร้อมกับทักทายอาจารย์ก่อนจะ “เดินเล่น” ไปกับเขา
ไม่นานหลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็พาอาจารย์ของเขาไปที่ห้องเดินหมากเล่นไพ่แห่งยอดเขาหยกน้อย รุกของ จิ่วจิ่ว หลิงเอ๋อร์ และโหย่วฉินเสวียนหย่า กำลังสอนวิธีโคจรลมปราณและสัมผัสอักขระเต๋าธรรมชาติให้จิ๋วอวี่ซือ
ทั้งสามคนล้วนเป็นรุ่นเยาว์ในสำนัก และในบรรดารุ่นเยาว์ และรุ่นก่อนหน้านี้ ก็มีอัจฉริยะในด้านความเข้าใจและฉลาดในการเรียนรู้สูงนับได้เพียงหยิบมือเดียว ซึ่งแน่นอนว่า พวกนางย่อมมีความสามารถมากเกินพอที่จะชี้แนะให้จิ๋วอวี่ซือ
“ศิษย์พี่ฉางโซ่ว!”
เมื่อโหย่วฉินเสวียนหย่าเห็นหลี่ฉางโซ่ว นางก็เริงร่าขึ้นมาทันทีแล้วร้องตะโกนพลางก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อต้อนรับเขา
“ศิษย์พี่…เอ่อ ท่านอาจารย์!”
หลิงเอ๋อร์ก็กำลังจะลิงโลดแต่ครั้นได้เห็นท่านอาจารย์ ก็พาลให้ใจนางเหี่ยวแห้งลงไปอีกครั้งอย่างรวดเร็วแล้วรีบโค้งคำนับให้อาจารย์
จิ่วจิ่วที่อยู่ข้างๆ ยิ้มซุกซนและกล่าวว่า “ศิษย์พี่ฉีหยวน ลมอะไรพาท่านมาถึงที่นี่ได้เล่า?”
ฉีหยวนกระแอมไอพลางยิ้มและกล่าวว่า “แค่มาเยี่ยมดูศิษย์น้องหญิงทั้งสองของข้า ยอดเขาหยกน้อย ของข้าไม่มีสมบัติมากนัก แต่บริสุทธิ์แจ่มใสยิ่งนัก ศิษย์น้องหญิงทั้งสองฝึกฝนอยู่ที่นี่ หากมีสิ่งใดขาดตกบกพร่องไป ก็โปรดบอกข้า
“จิ๋วอวี่ซือที่หลบอยู่ด้านหลังจิ่วจิ่ว ก็รีบโค้งคำนับให้อย่างรวดเร็ว และกล่าวเบาๆ ว่า “ขอบคุณศิษย์พี่เจ้าค่ะ”
แม้ฉีหยวนจะคงสีหน้าสงบ แต่แขนของเขาก็สั่นเทาเล็กน้อย
หลี่ฉางโซ่วรีบก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวเพื่อปกปิดท่าทางไม่สงบนิ่งที่น่าอายของท่านอาจารย์เอาไว้ให้ทันการณ์
เขายิ้มและกล่าวว่า “ขอท่านอาจารย์ โปรดวางใจ ศิษย์จัดการเตรียมสิ่งต่างไว้เรียบร้อยแล้วขอรับ”
“อ๋าย” จิ่วจิ่วมองท้องฟ้าอย่างสงบพลางกล่าวว่า “ศิษย์พี่ฉีหยวน ไม่นานมานี้ ศิษย์น้องหญิงทั้งสองของท่านไม่มีสุราเพียงพอเลย”
ฉีหยวนรีบกล่าว “อวี่ซือยังไม่ได้เริ่มก้าวไปบนวิถีแห่งการฝึกบำเพ็ญ และยังเยาว์วัยนัก ข้าจึงยังไม่กล้าให้นางดื่ม! โดยเฉพาะสุราเซียนเมามาย! ”
จิ่วจิ่วกะพริบตา เวลานี้ ขณะที่กำลังจะเคาะลำไม้ไผ่ของหลี่ฉางโซ่ว นางก็อดจะรู้สึกผิดเล็กน้อยไม่ได้ นางจึงรีบชี้แจงอย่างรวดเร็วว่า นางไม่ได้ให้จิ๋วอวี่ซือดื่มสุราเลย…
หลี่ฉางโซ่วหัวเราะเบาๆ และหยิบถุงสมบัติอีกใบออกมา มีสุราชั้นดีและโอสถวิญญาณอยู่ภายในนั้น ซึ่งเขาได้เตรียมไว้ให้จิ่วจิ่วแล้ว
หลังจากอยู่ที่นี่สักพักแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็จากไปพร้อมกับท่านอาจารย์ของเขา
เห็นได้ชัดว่าท่านอาจารย์พอใจมากทีเดียว และยังคงพึมพำเบาๆ ในระหว่างทางกลับมาว่า
“นางเรียกข้าว่าศิษย์พี่จริงๆ ช่างวิเศษจริงๆ”
หลี่ฉางโซ่วเตือนเขาอย่างแนบเนียนว่า “ท่านอาจารย์ ท่านน่าจะทำจิตใจให้อ่อนเยาว์ ท่าทีที่ปรากฏย่อมเกิดมาจากใจนะขอรับ”
ฉีหยวนเผยสีหน้าจริงจังและดุดันขณะตอบกลับว่า “หมายความอันใดกัน? ข้าเป็นเช่นนั้นหรือ? ข้ามีวัยมากกว่าหนึ่งพันปีแล้ว ส่วนนางมีอายุเท่าใดกัน!?!”
“ท่านอาจารย์ ท่านต้องมองปัญหานี้จากมุมมองระยะยาวขอรับ” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ยามนี้เป็นเช่นนี้ แล้วอีกพันปีต่อมา? และอีกสองพันปีต่อมา? อีกสามพันปีต่อมาเล่าขอรับ? ท่านอาจารย์ ท่านคิดว่าจะยอมรับมันได้หรือไม่ขอรับ”
ฉีหยวนอดจะตะลึงงันไม่ได้ แล้วถอนหายใจอย่างหดหู่พลางโบกมือแล้วขี่เมฆจากไป
หลี่ฉางโซ่วหัวเราะเบาๆ และกลับไปที่หอโอสถ
ปล่อยอาจารย์ไปเถิด
หลี่ฉางโซ่วยังคงคิดถึงลู่หยาต่อไป
เรื่องนั้นก็เหมือนกับการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ของเขา หากไม่มีโอกาสสำเร็จถึงเก้าสิบแปดในร้อยส่วน ก็ย่อมจะดีที่สุดที่เขาจะไม่เริ่มดำเนินการ
แต่เพียงเพราะเขาไม่เริ่มดำเนินการ ก็ไม่ได้หมายความว่าลู่หยาจะไม่ลงมือจัดการเขา…
หลี่ฉางโซ่วกลับไปที่ห้องลับใต้ดินและมองไปที่คำว่า ‘มั่นคง’ ที่แขวนอยู่บนผนังก่อนจะมองดูแผนที่สมบัติวิญญาณที่เพิ่งแขวนไว้ข้างๆ คำว่า ‘มั่นคง’ เมื่อไม่นานมานี้
ในท้ายที่สุด ก็ยังเป็นเรื่องของความแข็งแกร่ง
เวลานี้ ขอบเขตเต๋าของเขาก้าวหน้าไปช้ามากแล้ว จิตอริยะของเขาจะเกิดขึ้นทุกๆ ครึ่งเดือนเท่านั้น สมบัติวิญญาณจึงเป็นวิธีที่สะดวกในการปรับปรุงและเสริมสร้างตัวเขาเองอย่างแท้จริง
หลี่ฉางโซ่วนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะ เขาหยิบกองตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ออกมา แล้วเริ่มสร้างตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์รุ่นล่าสุด จากนั้นก็หยิบปากกาขึ้นมา เขียนคำว่า ‘สมบัติ’ ไว้ที่ด้านหลังตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทีละตัว
ราวครึ่งเดือนต่อมา ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์รุ่นใหม่ที่มีความแข็งแกร่งเทียบได้กับเซียนเทียนขั้นปลายจำนวนมากกว่ายี่สิบตัว ก็ยืนอยู่อย่างเรียบร้อยบนโต๊ะและแสดงความเคารพให้หลี่ฉางโซ่ว
ทันทีที่หลี่ฉางโซ่วดีดนิ้ว ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็หันกลับไปพร้อมๆ กัน แล้วกระโดดเข้าไปในถุงเก็บของสะพายหลังของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่มีคำว่า ‘ขนส่ง’
จากนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ‘ขนส่ง’ ก็แปลงร่าง กลายเป็นเด็กสาวผู้หนึ่ง แล้วใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกาย หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เริ่มงานกันเลย!
………………………………………………………………..