ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – ตอนที่ 444 ทัณฑ์สวรรค์วิญญาณขาวเก้าสวรรค์ (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 444 ทัณฑ์สวรรค์วิญญาณขาวเก้าสวรรค์ (1)

เวลาล่วงผ่านไปสองสามวันแล้ว นับจากงานเลี้ยงแต่งงานบนเกาะเต่าทอง

“ศิษย์พี่เจ้าสำนักอยู่สูงเกินเอื้อมของเราแล้ว เฮ้อ”

ในวังมังกรแห่งทะเลบูรพา ในวังขององค์ชายรอง ขณะนี้ ร่างสองร่างกำลังโอบกอดกันอยู่ที่มุมเตียงขนาดใหญ่ ยาวหลายสิบฉื่อ

ขณะนั้น เจียงซื่อเอ๋อร์ไม่รู้ว่าจะปลอบโยนอ๋าวอี่อย่างไร นางจึงทำได้เพียงโน้มกายเข้าไปใกล้สามี

จากนั้น นางก็กล่าวเบาๆ ว่า “สามี ท่านถอนหายใจด้วยเหตุใดกัน? ท่านเจ้าสำนักได้ดูแลพวกเราเป็นอย่างดีแล้ว เขาทำดีที่สุดเพื่อเผ่ามังกรแล้ว ก่อนหน้านี้ ผู้อาวุโสไม่ได้บอกหรือว่าเมื่อท่านเข้าไปในศาลสวรรค์ โชคของเผ่ามังกรก็เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน? หลังจากที่เทพลาดตระเวนทะเลระดับล่างทั้งสิบหกคนกลับมา โชคของเผ่ามังกรก็ยิ่งเพิ่มขึ้นอีก ทั้งหมดนี้เป็นผลประโยชน์ที่ท่านเจ้าสำนักมอบให้เรา”

“สิ่งนี้เรียกว่าเป็นทั้งการหัวเราะและถอนหายใจ ข้ามีความสุขกับศิษย์พี่เจ้าสำนัก” อ๋าวอี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ตอนนี้ ศิษย์พี่เจ้าสำนักสามารถนั่งที่โต๊ะเดียวกันกับผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ย้อนกลับไปตอนนั้น ศิษย์พี่เจ้าสำนักก็เป็นเพียง …”

“สามี”

จู่ๆ เจียงซื่อเอ๋อร์ก็ขัดจังหวะอ๋าวอี่ และกล่าวเสียงเบาว่า “ท่านเตือนให้ข้าว่าห้ามกล่าวถึงเรื่องอดีตและภูมิหลังของศิษย์พี่เจ้าสำนัก ดังนั้น ท่านเองก็ไม่อาจกล่าวถึงเรื่องนั้นกับข้าได้เช่นกัน”

อ๋าวอี่ได้สติตื่นตัวฉับพลัน เขาตรวจสอบค่ายกลด้านนอกตำหนักทันทีและถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ขอบใจซื่อเอ๋อร์ที่เตือนข้า”

เจียงซื่อเอ๋อร์กล่าวเบาๆ ว่า “มีศัตรูที่ทรงพลัง เกลียดชังและอิจฉาริษยาต่อท่านเจ้าสำนักเพราะเผ่ามังกร ดังนั้น พวกเราย่อมไม่อาจทำผิดพลาดเช่นนั้นได้”

อ๋าวอี่กอดภรรยาของเขาแนบแน่นขึ้นและกล่าวถ้อยคำรักใกล้ชิดสนิทสนมกับนาง

ในขณะนั้น ก็มีนางกำนัลมากล่าวอยู่ที่ด้านนอกว่า “ทูลองค์ชายรอง บัดนี้ องค์ชายแห่งทะเลประจิม อ๋าวฉื้อ ได้เสด็จมาถึงวังแล้ว พระมารดามังกรให้มาทูลเชิญองค์ชายรองเสด็จไปพบด้วย พระนางมีรับสั่งมาว่า มีเรื่องบางอย่างจะหารือกับองค์ชายรองด้วยเพคะ”

เมื่อเจียงซื่อเอ๋อร์ได้ยินสาวทะเลมารายงานอยู่ด้านนอกตำหนัก นางก็ร้องคร่ำครวญเบาๆ ก่อนจะหลบซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่มบางๆ

ในขณะนั้น อ๋าวอี่ก็กระตุกปากเบาๆ สองสามครั้ง …

จากนั้น เขาก็กล่าวออกไปว่า “เข้าใจแล้ว ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”

“สามี” เจียงซื่อเอ๋อร์โผล่ศีรษะออกมาจากผ้าห่มและกระซิบว่า “อย่าลืมปรึกษาเรื่องทุกอย่างกับ ท่านเจ้าสำนัก แม้เมื่อเร็วๆ นี้ จะไม่มีเรื่องอะไรสำคัญในทั่วทั้งสี่คาบสมุทร แต่ข้าก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ”

“ได้” อ๋าวอี่กล่าวให้ท่าทางดูมั่นใจกับเจียงซื่อเอ๋อร์ ก่อนจะรีบแต่งตัวแล้วออกจากตำหนักอย่างรวดเร็ว

ครึ่งชั่วยามต่อมา อ๋าวอี่ก็กลับมาพร้อมกับขมวดคิ้ว เจียงซื่อเอ๋อร์ที่แต่งตัวแล้ว จึงรีบเดินเข้ามาหาและกล่าวถามว่า “สามี มีเรื่องอันใดหรือไม่”

“มันไม่เกี่ยวอะไรกับเราหรอก” อ๋าวอี่กล่าวตอบ

“ญาติผู้พี่ อ๋าวฉื้อ มาที่นี่เพื่อเชิญพี่ชายของเราไปร่วมงานเลี้ยงที่วังมังกรทะเลประจิม คราวนี้ องค์รัชทายาทแห่งวังมังกรทั้งสี่คาบสมุทรกำลังรวมตัวกัน พวกเขาอาจเพียงแค่แสวงหาความสุขและไม่ใช่เรื่องจริงจังอะไร”

“แล้วท่านขมวดคิ้วด้วยเหตุใดกัน?” เจียงซื่อเอ๋อร์เอ่ยถาม

“ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ” อ๋าวอี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และนึกถึงสิ่งที่เขาได้เห็นมาก่อนหน้านี้

“วันนี้ ไม่เพียงแต่ญาติผู้พี่ อ๋าวฉื้อ จะมาที่นี่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงญาติผู้พี่ อ๋าวโหมวจากทะเลทักษิณอีกด้วย เจ้าอาจไม่รู้ว่าตัวตนของญาติผู้พี่ อ๋าวโหมวเป็นอย่างไร เขาไม่ชอบกฎเกณฑ์และข้อจำกัด เขาเป็นคนใจร้อนเล็กน้อย ยิ่งกว่านั้น เขายังค่อนข้างตามใจตัวเองและมักจะคลุกคลีกับพวกนางกำนัล สาวใช้ … ”

เจียงซื่อเอ๋อร์พลันกะพริบตาและกล่าวว่า “มีลูกหลานเช่นนั้นอยู่จำนวนมากในเผ่ามังกร”

“เชอะ” อ๋าวอี่กล่าวเสียงเบา “ครั้งล่าสุดที่ข้าได้พบญาติผู้พี่ อ๋าวโหมว คือเมื่อสองปีที่แล้ว เขามีพลังวิญญาณต่ำ ดูเซื่องซึม พลังหยางของเขาเหือดหาย ต้นกำเนิดมังกรของเขาไม่เสถียร และมีพลังลมปราณอ่อนแอ”

จากนั้นเขาก็กล่าวต่อไปว่า “แต่เมื่อข้าพบญาติผู้พี่ อ๋าวโหมว ในวันนี้ ดวงตาของเขาดูมีชีวิตชีวา เปี่ยมไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ และพลังลมปราณของเขาก็หนาแน่นและมั่นคง ใบหน้าของเขาดูระเรื่อ เป็นสีดอกกุหลาบและต้นกำเนิดมังกรของเขาก็ลึกล้ำ ดูเหมือนว่า เขาจะกลายเป็นคนอีกคนที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง”

“ท่าน…” เจียงซื่อเอ๋อร์กล่าวติติง” เขาเปลี่ยนตัวตนของเขาไม่ได้หรือ? หรือว่า เขากินโอสถเสริมหำลังบางอย่าง?”

“มันมีปัญหา” อ๋าวอี่ส่ายหัวพลางกล่าว แล้วเขาลุกขึ้นเดินไปรอบเตียงขณะที่ใคร่ครวญอย่างระมัดระวัง

“แต่ข้าไม่อาจไปรบกวนศิษย์พี่เจ้าสำนักเพราะเรื่องนี้ได้”

เจียงซื่อเอ๋อร์รีบกล่าวว่า “สามี ท่านอย่าทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย ท่านเจ้าสำนัก เคยกล่าวไว้ว่า ท่านต้องเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขารับรู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่โตเพียงใดก็ตาม”

“ไม่ต้องห่วง” อ๋าวอี่คิดอย่างรอบคอบแล้วกล่าว หากข้าเป็นศิษย์พี่เจ้าสำนัก ข้าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรดี?

ไม่นาน อ๋าวอี่ก็มีความคิดหนึ่งขึ้นมา

อย่างแรกให้มั่นคง “ข้าจะไปหารือเรื่องนี้กับเหล่าผู้อาวุโส แล้วดูว่า ข้าจะสามารถเชิญปรมาจารย์สักสองสามคนให้แอบตามข้าไปดูเหตุการณ์ที่ทะเลประจิมได้หรือไม่” อ๋าวอี่กล่าวและจากนั้น เขาก็รีบออกจากตำหนักไป

เวลานั้น เจียงซื่อเอ๋อร์อยากจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่นางก็หยุดตัวเองเอาไว้

ในห้องเล่นไพ่เดินหมากที่ด้านหลังภูเขาแห่งยอดเขาหยกน้อย ในขณะนั้น มีไพ่หลังจากการเล่นไพ่เสร็จแล้ววางอยู่บนโต๊ะ

เวลาเดียวกันนั้น อวี่ซือ ซึ่งเพิ่งเริ่มฝึกบำเพ็ญ ก็กำลังนั่งสมาธิอยู่ในห้องข้างๆ

ร่างสองร่างที่งดงามและร่างสูงตระหง่านร่างหนึ่ง กำลังรวมตัวกันอยู่ที่บันไดห้องใต้หลังคาพลาง เงยหน้าขึ้นมองด้วยความเป็นห่วง

ไม่นานหลังจากนั้น จิ่วจิ่วก็เดินลงบันไดไปเงียบๆ และใช้พลังเซียนของนาง สร้างข่ายอาคมเอาไว้ก่อนจะถอนหายใจโล่งอก

โหยวฉินเสวียนหย่าเอ่ยถามว่า “ศิษย์น้องหลิงเอ๋อร์ ฝึกบำเพ็ญอยู่หรือไม่?”

“ไม่ นางแค่ผล็อยหลับไป”

จิ่วจิ่วขมวดคิ้วพลางถอนหายใจและกล่าวว่า“นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!”

เจียงหลินเอ๋อร์จึงรีบถามว่า “เกิดอันใดขึ้น? ข้าเห็นนางขี่เมฆกลับมาเมื่อครู่ก่อนนี้ ข้าเห็นนางขี่เมฆ บินกลับมา นางดูไร้เรี่ยวแรง และดูเหมือนว่า จะสูญเสียวิญญาณไปแล้ว”

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” จิ่วจิ่วขมวดคิ้วและกล่าวอย่างจริงจังว่า

“ข้าได้ยินนางพึมพำอะไรบางอย่าง ศิษย์พี่อยากให้นาง… ทำห้าพันสี่ร้อยครั้ง… หรืออะไรสักอย่างนี่แหละ”

โหยวฉินเสวียนหย่าสับสนฉงนใจ “ทำห้าพันสี่ร้อย?”

“พรึ่ด!” เจียงหลินเอ๋อร์เกือบจะหัวเราะออกมาขณะกล่าว “เสวียนหย่า เจ้าอย่าคิดมาก จิ่วจิ่วเพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้น”

โหย่วฉินเสวียนหย่าเอียงศีรษะและตกอยู่ในความสับสน

“ฮิฮิฮิ” จิ่วจิ่วกระโดดลงไปสองขั้นก้าวทำให้ ด้ายไหมบนเสื้อผ้าป่านของนางกระตุกขึ้น

จิ่วจิ่วยิ้มและกล่าวว่า “เขาต้องการให้นางคัดลอกพระสูตรห้าพันสี่ร้อยจบ อาจารย์หญิง ท่านกำลังคิดมากเกินไป หลิงเอ๋อร์ยังคงถูกพี่ชายของนางสบประมาทว่าฐานเต๋าของนางไม่เสถียร”

เมื่อกล่าวถึงการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ ในฐานะปรมาจารย์ใหญ่ของหลิงเอ๋อร์ เจียงหลินเอ๋อร์ก็อดจะมีท่าทีจริงจังไม่ได้เมื่อกล่าวว่า “หลิงเอ๋อร์กำลังจะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ หากฐานเต๋าของนางไม่เสถียรจริงๆ นางย่อมจะลำบาก ทว่าการคัดลอกพระสูตรจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับฐานเต๋าได้อย่างไร?”

………………………………………………………………..

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท