ตอนที่ 445 ทัณฑ์สวรรค์วิญญาณขาวเก้าสวรรค์ (2)
“หากศิษย์พี่ฉางโซ่วให้ศิษย์น้องหลิงเอ๋อร์ทำ มันย่อมต้องเป็นประโยชน์ต่อนางอย่างแน่นอน” โหย่วฉินเสวียนหย่ากล่าวว่า “เพียงแค่เชื่อมั่นในตัวศิษย์พี่ฉางโซ่ว”
สงหลิงลี่พยักหน้าเห็นด้วย “ญาติผู้พี่ของข้ายอดเยี่ยมยิ่ง!”
“ปัญหาคือ เหตุใดฐานเต๋าของหลิงเอ๋อร์ถึงไม่เสถียร?” จิ่วจิ่วเม้มริมฝีปากและกล่าวว่า “ข้าเคยเห็นฐานเต๋าของหลิงเอ๋อร์มาสองสามครั้งก่อนหน้านี้ ในตอนที่นางกำลังตรัสรู้ ฐานเต๋าดอกบัวเขียวของนางก็มีมากกว่าแปดกลีบแล้ว ในตอนนั้น ฐานเต๋าของนางยังมั่นคงกว่าของข้ามากนัก”
“เฮ้” เจียงหลินเอ๋อร์ขัดจังหวะจิ่วจิ่วทันทีและชี้ไปที่เพดานพลางกล่าวว่า “ดูสิ!”
“ปัญหาคือ เหตุใดฐานเต๋าของหลิงเอ๋อร์ถึงไม่เสถียร?” จิ่วจิ่วเม้มริมฝีปากและกล่าวว่า “ข้าเคยเห็นฐานเต๋าของหลิงเอ๋อร์,kสองสามครั้งก่อนหน้านี้ ในตอนที่นางกำลังตรัสรู้ ฐานเต๋าดอกบัวเขียวของนางก็มีมากกว่าแปดกลีบแล้ว ในตอนนั้น ฐานเต๋าของนางยังมั่นคงกว่าของข้ามากนัก”
“เฮ้” เจียงหลินเอ๋อร์ขัดจังหวะจิ่วจิ่วทันทีและชี้ไปที่เพดาน แล้วกล่าวว่า
“ดูสิ!”
ทันใดนั้น พวกนางก็มองขึ้นไปและเห็นดอกบัวเขียวขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสองชุ่นที่กำลังลอยอยู่บนเพดานช้าๆ มันสีเขียวจางๆ และกลีบดอกทั้งเก้านั้นก็กำลังเปล่งแสง
ราวกับมีกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่ว จิ่วจิ่วเบิกตารูปผลซื่งของนางกว้างขึ้นและร้องอุทานว่า
“เก้ากลีบ!”
“นั่นไม่ถูกต้อง” ดวงตาของเจียงหลินเอ๋อร์เปล่งประกายเมื่อเห็นสถานการณ์ในยามนี้ของหลิงเอ๋อร์
ในห้องอันเงียบสงบบนชั้นสอง หลิงเอ๋อร์ ซึ่งเดิมที นอนอยู่บนเตียงที่ถูกห่อหุ้มด้วยแสงวิญญาณนั้น ขณะนี้ นางนั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศและถูกรายล้อมด้วยอักขระที่ดูคลุมเครือ
อักขระเหล่านั้น กำลังรวมตัวอยู่เบื้องหลังหลิงเอ๋อร์ และมีภาพเลือนรางของตำราที่กำลังก่อตัวขึ้น
“เร็วเข้า!” เจียงหลินเอ๋อร์เริ่มร้องเรียกทันที “หลิงเอ๋อร์กำลังจะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์! เร็วเข้า! เร็วเข้า!”
จิ่วจิ่วกล่าวอย่างกังวลว่า “ท่านทำอันใดกัน อาจารย์หญิง!?!”
ในขณะนั้น โหยวฉินเสวียนหย่ายังคงเงียบและรีบพุ่งขึ้นไปยังชั้นบนทันที
“ทุกคนอย่ากังวล ในยามนี้ นางกำลังทำความเข้าใจเต๋าก่อนที่นางจะกลายเป็นเซียน”
ในเวลานั้น ก็มีสายลมพัดโชยมาจากทางด้านนอกประตู และหลี่ฉางโซ่วก็ปรากฏกายขึ้นต่อหน้าพวกนาง
นางได้รับการตรัสรู้อย่างรวดเร็ว? หลี่ฉางโซ่วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาคิดว่า หลิงเอ๋อร์คงต้องพักสักครึ่งเดือนก่อนที่นางจะสามารถทะลวงด่านไปได้…
ไม่ นั่นไม่ถูกต้อง หลี่ฉางโซ่วจ้องมองไปที่หลิงเอ๋อร์ซึ่งอยู่บนชั้นสอง แล้วสายตาของเขาก็เลื่อนไปมองยังภาพเงาของตำราที่อยู่ด้านหลังหลิงเอ๋อร์
ในขณะนั้น เขามองเห็นคำว่า ‘มั่นคง’ ได้อย่างชัดเจน
นางเข้าสู่เต๋าผ่านพระสูตรมั่นคง?
ทันใดนั้น มุมปากของหลี่ฉางโซ่วก็กระตุกสองสามครั้ง เขาก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย โชคดีที่หลังจากสังเกตมาระยะหนึ่งแล้ว เขาก็ตระหนักได้ว่า ความจริงแล้ว ศิษย์น้องหญิงของเขาได้ก้าวไปบนวิถีเต๋าที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง บนรากฐานของพระสูตรนิรกรรม…
มันไม่มีอะไรผิดปกติในเต๋านั้น นางยังคาดหวังอนาคตได้ หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ท่านปรมาจารย์ใหญ่ โปรดแจ้งทางสำนักว่า หลิงเอ๋อร์จะออกไปข้างนอกสำนักเพื่อข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์หลังจากนี้ และยังต้องขอให้บรรดาศิษย์ของสำนักอย่าได้เข้าไปใกล้และรบกวนนาง ด้วยเกรงว่า พวกเขาจะได้รับบาดเจ็บจากการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ขอรับ”
เจียงหลินอ๋อร์กล่าวว่า “ได้ ข้าจะไปที่หอไป่ฝาน แล้วบอกพวกเขาว่า นั่นเป็นคำกล่าวจากฟู่กุ้ยของข้า!”
โหย่วฉินเสวียนหย่าถามว่า “ศิษย์พี่ มีอะไรที่ข้าพอทำได้บ้างหรือไม่เจ้าคะ?”
“การข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เป็นเรื่องส่วนตัว” หลี่ฉางโซ่วยิ้มพลางกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วง หลิงอ๋อร์ได้เตรียมตัวมาเพียงพอแล้ว ข้าจะปกป้องนางหลังจากนี้เอง”
จิ่วจิ่วขันอาสา “ข้าจะไปให้กำลังใจหลิงเอ๋อ!”
สงหลิงลี่ก็เอ่ยถามเบาๆ ว่า “ให้ข้าช่วยได้หรือไม่?”
“ได้!” จิ่วจิ่วโบกมือและกล่าว “เจ้าน่าจะเป็นกลอง!”
สงหลิงลี่ตกลงอย่างขมขื่นทันที นอกจากนี้ยังมีเสียงหัวเราะในศาลาเช่นกัน มันแตกต่างจากการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์แบบอิหลักอิเหลื่อ บิดไปบิดมาของฉีหยวน และมันยังแตกต่างจากการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ของหลี่ฉางโซ่ว ซึ่งมีวงจรซ้ำๆ
ทัณฑ์สวรรค์ของหลิงเอ๋อร์มาถึงอย่างอ่อนโยน
หลังจากการตรัสรู้เต๋าครั้งสุดท้ายก่อนที่นางจะกลายเป็นเซียน หลิงเอ๋อร์ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยแสงวิญญาณที่เจิดจ้า ทั่วร่างของนางถูกห่อหุ้มด้วยก้อนเมฆบางเบา และผิวขาวราวหิมะของนางก็ดูเปราะบางนัก
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วได้ส่งข้อความเสียงไปหานางว่า “ทัณฑ์สวรรค์มาถึงแล้ว เจ้าพร้อมหรือไม่?”
“เจ้าค่ะ” หลิงเอ๋อร์พยักหน้าเบาๆ บัดนี้ นางสัมผัสถึงมันได้แล้ว
นางคิดว่า นางย่อมจะกังวลและหวาดกลัวเล็กน้อย แต่ครั้นได้ยินเสียงศิษย์พี่ นางก็ผ่อนคลาย สงบใจลงได้ในทันที ทัณฑ์สวรรค์จะสามารถทำอะไรได้เล่า?
หลังจากข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์แล้ว ข้าจะมีอายุขัยยืนยาวขึ้น และอยู่ร่วมกับศิษย์พี่บนยอดเขาได้… หลิงเอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และตรวจสอบคลังเวทจัดเก็บต่างๆ บนร่างของนางอย่างรวดเร็ว
นางมองดูถุงเก็บสมบัติต่างๆ ที่ “ใช้เป็นพิเศษ” เฉพาะสำหรับการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์และจัดอยู่ในหมวดหมู่ต่างๆ นางรู้สึกมั่นใจมากขึ้น และยังได้เปลี่ยนเป็นสวมใส่ชุดกระโปรงเวทผ้าแพรบางเบาพิเศษ เส้นผมยาวของนางที่ระลดหลั่นกันลงมา ก็ถูกมัดเอาไว้อย่างเรียบง่าย
จากนั้น นางก็ถือกระบี่สั้นและขลุ่ยหยก แล้วลงไปข้างล่างพลางยิ้มให้ศิษย์พี่ของนาง ครั้นเมื่อผลักประตูเปิดออกไป นางก็ถูกห้อมล้อมด้วยหมู่เมฆมืดทะมึนแล้ว พลังวิญญาณที่ไร้ขอบเขตพลันพุ่งขึ้นและหมู่เมฆที่อยู่เหนือหมู่เมฆมืดทะมึนนั้นก็ปั่นป่วนปรวนแปร
บรรดาเซียนในส่วนต่างๆของสำนักต่างก็ตื่นตระหนกในขณะที่ปล่อยสัมผัสเซียนรับรู้ของพวกเขาไปรวมตัวกันอยู่ที่นั่น
ในเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วก็โบกแขนเสื้อ จากนั้น ก็มีเมฆสีขาวยกร่างเขาและหลิงเอ๋อร์ขึ้นมา แล้วเขาก็ขี่เมฆตรงไปทางประตูสำนัก
หลี่ฉางโซ่วถามนางว่า “เจ้าตรวจสอบทุกอย่างแล้วหรือไม่”
“เจ้าค่ะ” หลิงเอ๋อร์กล่าวและพยักหน้าเบาๆ “ศิษย์พี่ไม่ต้องห่วง ข้าพร้อมแล้วเจ้าค่ะ”
“เอานี่ใส่ปากซะ”
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็หยิบเม็ดโอสถทองคำที่ห่อหุ้มด้วยพลังเซียนออกมา
หลิงเอ๋อร์ไม่ได้คิดอะไรในเรื่องนี้และไม่ได้เอ่ยถามว่ามันคืออะไร นางหยิบเม็ดโอสถขึ้นมาแล้วใส่เข้าไปในปาก แล้วมุมปากของนางก็หยักโค้งขึ้น
หลี่ฉางโซ่วเตือนนางว่า “อย่ากลืนโอสถนี้โดยตรง นี่เป็นไพ่ไม้ตายใบสุดท้ายของเจ้า และเจ้าควรมีมันเผื่อไว้เพื่อความอยู่รอดของเจ้าเอง มันมีราคาแพงมาก”
“มันอยู่ในปากของข้า… ข้ายังพูดไม่ได้นักด้วยซ้ำ…”
“หยุดพูดได้แล้ว”
“เจ้าค่ะ” หลิงเอ๋อร์รับคำอย่างว่าง่าย แล้วมองขึ้นไปที่หมู่เมฆดำพร้อมด้วยหัวใจเต๋าที่สงบของนาง
ที่ประตูสำนัก
ในขณะนี้ มีร่างมากกว่าสิบร่าง กำลังรอพวกเขาทั้งสองคนอยู่
ปรมาจารย์ใหญ่เจียงหลินเอ๋อร์ ท่านอาจารย์ฉีหยวน อาจารย์อาเล็กจิ๋วอวี่ซือ อาจารย์ลุงจิ่วอู อาจารย์ป้าจิ่วซือ เหล่าจิ่วเซียนอีกสี่คน ศิษย์พี่หญิงเยี่ยนเอ๋อร์ ศิษย์พี่น้องฉีฉี…
หลิงเอ๋อร์ทำการคารวะเต๋าให้ในขณะที่เจียงหลินเอ๋อร์แย้มยิ้มและกล่าวว่า “ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์แล้ว ข้าจะขอให้ปรมาจารย์ลุงใหญ่หว่างฉิงของเจ้าลงมือจัดการตีศิษย์พี่ของเจ้าให้หมดสติก่อนจะโยนเขาเข้าไปในห้องของเจ้า!”
………………………………………………………………..