ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – ตอนที่ 453 พาองค์เง็กเซียนไปตกปลา (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 453 พาองค์เง็กเซียนไปตกปลา (1)

วิหารเทพทะเลในเมืองอันสุ่ยได้ถูกหัววัวและหน้าม้าทำลาย…

แค่กๆ หลังจากที่ถูกกลุ่มอสุราทำลาย เขาก็ใช้โอกาสขยับขยายและสร้างวิหารขึ้นใหม่

ในตอนนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเทพแห่งท้องทะเล และเผ่ามังกรไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพื่อแสดงความขอบคุณต่อเทพแห่งท้องทะเล เผ่ามังกรจึงได้ระดมช่างฝีมือของเผ่ามังกร และเหล่าพลทหารเล็กๆ มาเป็นจำนวนมาก และด้วยการเสริมพลังเซียนของเขา เขาจึงใช้เวลาเพียงครึ่งเดือนในการสร้างอาคารหลักสำคัญแห่งใหม่ของเมืองอันสุ่ย นั่นคือ วิหารเทพทะเลใหม่

ขนาดของวิหารได้ถูกขยายเพิ่มขึ้นหลายเท่า มันดูศักดิ์สิทธิ์และสง่างามมากขึ้น

เผ่ามังกรได้ดำเนินการตามการจัดเตรียมของหลี่ฉางโซ่ว และเปลี่ยนห้องโถงใหญ่ให้เป็นแบบสามห้องโถง

ห้องโถงด้านหน้าเป็นโถงเทพทะเล มีรูปปั้นเทพแห่งท้องทะเล รูปปั้นผู้พิทักษ์ใหญ่ ผู้พิทักษ์มังกรแท้ และอื่นๆ

หลังจากที่เหล่าสานุศิษย์ได้สักการะเทพแห่งท้องทะเลแล้ว พวกเขาก็จะสามารถเดินไปรอบๆ และเข้าไปในโถงกลางที่ดูศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นได้ มีรูปเหมือนของหอสมบัติหลิงเซียวแขวนอยู่สูงในห้องโถง และองค์เง็กเซียนผู้เป็นจักรพรรดิแห่งสวรรค์ของสามอาณาจักร ซึ่งมองไม่เห็นใบหน้า ได้นั่งอยู่ในหอสมบัติหลิงเซียว หลังจากเคารพรูปเหมือนขององค์เง็กเซียนแล้ว เขาก็เดินอ้อมเข้าไปในห้องโถงด้านหลัง การตกแต่งนั้นเรียบง่าย มีเพียงแผนภาพไทจี๋ที่แขวนอยู่ตรงกลางเท่านั้น

หลี่ฉางโซ่วยังคิดจะคัดลอกภาพเหมือนของจอมปราชญ์เทพในสำนักตู้เซียน แต่เขาก็กลัวว่า เหล่ามนุษย์จะล่วงเกินจอมปราชญ์เทพได้ ดังนั้นเขาจึงใช้แผนภาพไทจี๋มาเป็นตัวแทนของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเท่านั้น

หลังจากที่แผนภาพไทจี๋เป็นแกนหลักแท้จริงของวิหารเทพทะเลแล้ว ก็มีพู่กันและหมึกของจอมปราชญ์เทพแขวนอยู่บนผนังด้วย และห้องโถงด้านในก็มีพลังแห่งแผนภาพไทจี๋

ในขณะนั้น ชายหนุ่มในชุดขาว ผู้กระตุ้นเจตจำนงวิญญาณของหลี่ฉางโซ่ว กำลังยืนอยู่คนเดียวในมุมหนึ่งและชื่นชมภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เหล่าปรมาจารย์เผ่ามังกรได้สร้างขึ้นมา

ผู้มาเยี่ยมเยือนมากมายที่มาสักการะ ไม่ได้ให้ความสนใจเขาและไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย…

สำหรับทูตเทวะและสานุศิษย์ผู้ศรัทธาที่คอยดูแลวิหาร พวกเขาได้รับคำแนะนำจากหลี่ฉางโซ่วก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งพวกเขาจะไม่หยุด “บรรดาเทพเซียน” หากพบพวกเขา

เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มชุดขาวอารมณ์ดี หลังจากที่เขามาถึง เขาก็เผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้าอยู่ตลอดเวลาโดยไม่จางหายไปเลย

เนื่องจากระบบเรื่องราวที่หมุนเวียนอยู่ในวิหารเทพทะเลในช่วงสิบปีที่ผ่านมานี้ ลักษณะของ “องค์เง็กเซียน” จึงได้รับการส่งเสริมเป็นอย่างมาก สานุศิษย์ส่วนใหญ่ที่มาสักการะที่วิหารเทพทะเลจะไปที่โถงกลางเพื่อสักการะรูปปั้นขององค์เง็กเซียน

นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด เนื้อหาของภาพจิตรกรรมฝาผนังก็ยังแตกต่างไปจากเดิมอีกด้วย พวกเขาได้เพิ่มเนื้อหาบางอย่างขององค์เง็กเซียนลงในเนื้อหาที่เกี่ยวกับเทพแห่งท้องทะเลมาแต่เดิม อย่าง “เทพแห่งท้องทะเลเป็นอย่างไร” เป็น “เทพแห่งท้องทะเลได้รับคำสั่งจากองค์เง็กเซียนอย่างไร”?

แน่นอนว่า เรื่อง “ความลับระหว่างเทพแห่งท้องทะเลและหญิงหม้ายแห่งเส้นทางตะวันตก” เป็นฉบับที่ประวัติศาสตร์ที่สนุกสนานและไม่เป็นทางการนั้น ไม่อาจเปลี่ยนเป็น “ความลับขององค์เง็กเซียน เทพแห่งท้องทะเล และหญิงหม้ายแห่งเส้นทางตะวันตก” ได้

พวกเขาล้วนพิถีพิถันและใส่ใจในรายละเอียด

ในขณะที่ชายหนุ่มชุดขาวกำลังตื่นตาตื่นใจอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงดังฟังดูเร่งรีบ มาจากห้องโถงด้านหลัง

“น้อมพบ ฝ่าบาท!”

ทันใดนั้น ชายหนุ่มในชุดขาวก็หันกลับมามองเซียนชราร่างผอมบางที่คุ้นเคยทันที

หลี่ฉางโซ่วถือแส้หางม้าของเขาและเดินไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่ใส่ใจต่ออาการความตกตะลึงของเหล่าสานุศิษย์ผู้ศรัทธาและทูตเทวะ และโค้งคำนับให้ชายหนุ่มในชุดขาว ซึ่งโบกมือและกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องมากพิธีต่อหน้าเหล่ามนุษย์หรอก

หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามอย่างรวดเร็วว่า “ฝ่าบาท เหตุใดจึง… ใช้ร่างแท้ของฝ่าบาท ลงมาที่นี่?”

“ศาลสวรรค์ปกติดี เลยลงมาเดินเล่นสักหน่อย” องค์เง็กเซียน หัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “พวกเราไปคุยกันในที่เงียบๆ เถิด”

หลี่ฉางโซ่วจึงหันกลับและเชิญองค์เง็กเซียนไปที่ห้องโถงด้านหลัง

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็แผ่สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาออกไปตรวจดูและพบว่ามีเมฆขาวสองสามก้อนบนท้องฟ้าที่อยู่ห่างไกลออกไป เวลานี้ แม่ทัพตงมู่พร้อมด้วยกองทหารจำนวนมาก กำลังรอคอยอย่างเชื่อฟัง

เขาน่าจะได้รับบัญชาจากองค์เง็กเซียนว่าไม่ให้ตามมา

ในยามนี้ องค์เง็กเซียนประทับนั่งในที่นั่งหลักของห้องโถงด้านหลังและมีทูตเทวะส่งชาหอมกรุ่นให้ ซึ่งหลี่ฉางโซ่วได้ถวายชาให้ด้วยตัวเองโดยไม่กล้าไร้มารยาท

องค์เง็กเซียนยิ้มและกล่าวว่า “ขุนนางของข้า วิหารของเจ้าปรับปรุงดีขึ้น”

“ก่อนหน้านี้ มีปีศาจบุกเข้ามาและทำลายวิหารนี้ แต่ได้เผ่ามังกรมาช่วยซ่อมแซมให้ขอรับ” หลี่ฉางโซ่วซึ่งยืนอยู่ข้างๆ กล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาโค้งตัวเล็กน้อยและยืนในท่าที่ผ่อนคลาย

“โอ้? เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”

“มันเป็นเผ่าอสุรา…”

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วได้เล่าเรื่องราวของเผ่าอสุราที่บุกมา ทำให้เกิดซากปรักหักพังขนาดใหญ่ให้องค์เง็กเซียนสดับฟัง

องค์เง็กเซียนขมวดคิ้วทันที

เขาก็ควรจะขมวดคิ้วจริงๆ

อสุรา อสุรา สัตว์ปีศาจบรรพกาล…

สำนักบำเพ็ญประจิมเปิดเผยกองกำลังชายขอบออกมามากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่คำนึงถึงความแข็งแกร่งของจอมปราชญ์หรือความแตกต่างของบรรดาศิษย์ของจอมปราชญ์ ขอบข่ายงานโดยรวมทั่วไปของสำนักบำเพ็ญประจิมนั้น “ใหญ่มาก” อยู่แล้ว

กองกำลังชายขอบเหล่านั้นเป็นเพียงหมากที่สำนักบำเพ็ญประจิมสามารถละทิ้งได้อย่างง่ายดาย พวกเขาทั้งหมดล้วนถูกทำลายและจะไม่เป็นภัยต่อสำนักบำเพ็ญประจิม

องค์เง็กเซียนถอนหายใจและกล่าวว่า “หากสำนักบำเพ็ญประจิมได้เผ่ามังกรไป ข้าเกรงว่าศาลสวรรค์จะไม่อาจลุกขึ้นมาได้แน่ โชคดีที่มีฉางเกิงมาช่วยพวกเรา” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ฝ่าบาท เทพน้อยไม่ได้ทำอะไรเลย เป็นเพียงว่า ศาลสวรรค์อยู่ในสถานะที่ดีแล้วหลังจากได้รับอำนาจ ฝ่าบาทควรเข้าสู่สามอาณาจักร”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ศิษย์พี่ไท่ชิงน่าจะเป็นคนดูแลข้า”

องค์เง็กเซียนหัวเราะลั่นและขยิบตาให้หลี่ฉางโซ่ว

หลี่ฉางโซ่วอดจะขมวดคิ้วและกะพริบตาสองสามครั้งไม่ได้

องค์เง็กเซียนพยักหน้าและกะพริบตาอีกครั้ง… หลี่ฉางโซ่วก้มศีรษะลงและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้สึกอับจนหนทาง องค์เง็กเซียนเสด็จลงมาครั้งนี้เพื่อค้นหาปัญหาของลู่หยา นอกจากนี้ เขายังค่อนข้างมั่นใจว่า หากเขาพบลู่หยา เขาย่อมจะสามารถฆ่าลู่หยาได้อย่างง่ายดาย

นี่…

องค์เง็กเซียนกล่าวว่า “ขุนนางฉางเกิงของข้า ไยเจ้าไม่พาข้าไปที่ทั้งสี่คาบสมุทรเพื่อลาดตระเวนดูเล่า?”

“ฝ่าบาทจะกล้าไปเสี่ยงอะไรง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร?”

องค์เง็กเซียนในชุดขาวหัวเราะและกล่าวว่า “เหตุใดกัน? เจ้าคิดว่าจักรพรรดิปีศาจแห่งศาลปีศาจเพียงกำลังซ่อนตัวอยู่ในวังสวรรค์ในช่วงสงครามจอมเวท-ปีศาจเท่านั้นหรือ?”

“เอ่อ…” หลี่ฉางโซ่วพึมพำกับตัวเอง เขาอดจะพึมพำเล็กน้อยไม่ได้

การเสริมพิษภัยเต๋าสวรรค์ของเสือดำน้อยนั้นทรงพลังหรือไม่?

ทันทีที่เขาวางแผ่นป้ายจารึกบูชาของนักพรตเต๋าลู่หยาเพื่อสักการะ องค์เง็กเซียนก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยตัวเองเพื่อสร้างปัญหาให้เขา

หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป บทของมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพจะไม่ถูกเปลี่ยนแปลงหรือ

“ฝ่าบาท” หลี่ฉางโซ่วกล่าวผ่านการส่งข้อความเสียงว่า “โปรดประทานอภัยให้เทพน้อยที่กล้าให้คำแนะนำบางอย่างแก่ฝ่าบาท ฝ่าบาททรงประสงค์จะตรวจสอบความทุกข์ยากของสิ่งมีชีวิตและและสัมผัสความกังวลของสามอาณาจักร นี่คือ พระทัยเมตตาของฝ่าบาท เทพน้อยในฐานะผู้รับใช้ภายใต้บัญชาแห่งศาลสวรรค์ ย่อมไม่ควรขัดขวางฝ่าบาท ทว่าฝ่าบาท พระองค์ทรงเกี่ยวข้องกับอำนาจแห่งศาลสวรรค์ ความมั่นคงแห่งสามอาณาจักร และการดำเนินงานแห่งเต๋าสวรรค์ ขอฝ่าบาททรงโปรดให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของพระองค์เองและสถานการณ์โดยรวมของสามอาณาจักรด้วยเถิด”

“แน่นอน!”

องค์เง็กเซียนในชุดขาวเห็นด้วยพร้อมกับเผยสีหน้าท่าทีจริงจัง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสบายใจ

องค์เง็กเซียนกล่าวต่อไปว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ต้องรอช้าอีกต่อไป เราจะไปกันตอนนี้เลยหรือไม่?”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและถามว่า “ฝ่าบาท คุณต้องการที่จะสง่างามมากขึ้นหรือเป็นทางการมากขึ้น? “การค้นหาปีศาจที่เหลือเป็นเพียงหนึ่งในนั้น ฉันสามารถออกไปดูเพื่อคลายความเบื่อหน่ายได้” จักรพรรดิหยกกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทำไมเราไม่หาเรือลำเล็กตามคลื่นให้สบายใจล่ะ”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและถามว่า “ฝ่าบาท ทรงต้องการสง่างามมากขึ้นหรือเป็นทางการมากขึ้นกว่านี้?”

“การค้นหาเศษซากของเผ่าปีศาจเป็นเพียงหนึ่งในนั้น และข้าก็เพียงอยากออกไปเดินเล่นและมองดูเพื่อคลายความเบื่อหน่าย” องค์เง็กเซียนยิ้มและกล่าวว่า “ไยเราไม่ไปหาเรือลำเล็กๆ แล้วลุยโต้คลื่นกันให้สบายใจเล่า? ไปกันเถิด”

หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับและรับบัญชา เขาขอให้องค์เง็กเซียนรอสักครู่และให้เหล่าทูตเทวะตั้งค่าค่ายกลทันที

หลังจากที่หลี่ฉางโซ่วติดตามองค์เง็กเซียนไปเดินเล่นรอบเมืองอันสุ่ยได้สักพัก เขาก็ขี่เมฆไปที่ท่าเรือริมทะเล มีเรือไม้ยาวหลายสิบจั้งอยู่ที่นั่นแล้ว มีนักดนตรีชราสองสามคนและนักร่ายรำยอดนิยมสองสามคนในเมืองอันสุ่ย…

ในเวลาเดียวกันนั้น เหนือเมฆบนท้องฟ้า แม่ทัพตงมู่ได้ใช้สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาออกไปตรวจจับและสังเกตสถานการณ์ด้านล่างแล้วถอนหายใจ ฝ่าบาททรงเชื่อใจเทพแห่งท้องทะเลมาก…

ข้าเป็นผู้ที่มาก่อน…

เฮ้อ บัดนี้ ผู้ที่อยู่เคียงข้างฝ่าบาทได้ถูกแทนที่แล้ว…

ผู้คนจะสนใจเพียงผู้มาใหม่เท่านั้น ผู้ใดจะไยดีคนเก่าเล่า?

เขาได้ยินข้อความเสียงหนึ่งเข้ามา “ท่านแม่ทัพตงมู่ อย่าเพียงยืนนิ่งเฉยราวกับสากอยู่ที่นั่นสิ องค์เง็กเซียนจะทรงรับความเพลิดเพลินในสี่คาบสมุทร รีบเลือกแม่ทัพสวรรค์สองสามคนที่มีระดับฐานพลังสูง ให้พวกเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมาอารักขาพระองค์ด้วยเถิด หากท่านไม่ต่อสู้เพื่อแสดงผลงานในตอนนี้ แล้วท่านจะทำเมื่อใดกันเล่า”

แม่ทัพตงมู่ตื่นตกใจและแอบชื่นชมว่า เทพแห่งท้องทะเลเป็นพี่น้องของข้า!

………………………………………………………………..

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท