ตอนที่ 474 เพียง… เจ้าเอาชนะจิตมารได้ (1)
เสียงปลาไม้และเสียงระฆังดังขึ้น
ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสามกลายเป็นเด็กสาว หญิงชรา และหญิงวัยกลางคนตามลำดับ พวกนางล้วนนั่งขัดสมาธิอยู่รอบกายโหย่วฉินเสวียนหย่าพร้อมกับชูเครื่องมือเวทของพวกนาง และท่อง ‘คาถาเวทสงบใจขององค์ไท่ชิง’ อย่างพร้อมเพรียงกัน
ภายใต้การใช้พลังเซียนจิน คาถาที่ก่อตัวขึ้น เป็นถ้อยคำสีเขียวขนาดเล็กที่หมุนไปรอบๆ กายโหย่วฉินเสวียนหย่า
ทว่าในพริบตานั้น ความเจ็บปวดบนใบหน้าของโหย่วฉินเสวียนหย่า ก็หายไปเป็นส่วนใหญ่ และร่างของนางก็ไม่สั่นเทาอีกต่อไป
แต่นี่เป็นเพียงการแก้ปัญหาชั่วคราว แต่ยังไม่ได้เป็นการรักษาที่สาเหตุของปัญหาอย่างแท้จริง
หลี่ฉางโซ่วชี้ไปที่ประตูถ้ำของนาง แล้วใช้ข่ายอาคมปิดผนึกมันก่อนจะก้าวเดินออกไปข้างหน้า
จากนั้น เขาก็หยิบเบาะทำสมาธิออกมาจากแขนเสื้อและนั่งลงข้างหลังโหย่วฉินเสวียนหย่าในระยะห่างออกไปห้าก้าว เขาใช้คาถาเวทร่ายเวทธรรมดาเพื่อตรวจสอบปราณวิญญาณของโหย่วฉินเสวียนหย่าอย่างระมัดระวัง
เมื่อทำเช่นนั้นแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ตระหนักได้ว่า… บัดนี้ จิตใจที่เป็นพิษภัยอันตรายของนางกำลังยุ่งเหยิงวุ่นวาย จิตมารของนางได้เติบโตขึ้นอย่างมากจนถึงสถานะอันตรายร้ายแรงแล้ว
หลี่ฉางโซ่วอดจะรู้สึกพิศวงงงงวยไม่ได้
เมื่อย้อนกลับไปในยามนั้น การประเมินโหย่วฉินเสวียนหย่าของเขาคือ นางมีหัวใจเต๋าที่ไร้ที่ติและจะไม่มีจิตมารใดๆ ปรากฏขึ้นมาในชีวิตของนาง ทว่าโหย่วฉินเสวียนหย่า ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขาคิดผิดไปจริงๆ…
ความจริงแล้ว ต่อให้เป็นสิ่งที่เรามั่นใจมาก ก็ไม่อาจด่วนสรุปได้
ข้าควรรวมสิ่งนี้ไว้ในพระสูตรมั่นคงฉบับปรับปรุงครั้งถัดไปในภายหน้า นอกจากนี้ มันยังทำหน้าที่เป็นคำเตือนได้อีกเช่นกัน
แล้วข้าควรจัดการกับจิตมารของผู้อื่นอย่างไร?
หลี่ฉางโซ่ววางแผนเจ็ดถึงแปดแผนติดต่อกัน เดิมที เขาได้เตรียมเอาไว้สำหรับอาจารย์และศิษย์น้องหญิงของเขาโดยไม่คิดว่าจะต้องเอามันมาใช้กับศิษย์น้องหญิงจอมพิษตัวอันตรายของเขา…
นอกจากนี้ ระดับฐานพลังของเขายังสูงกว่าของโหย่วฉินเสวียนหย่ามากนัก มันจึงง่ายมากที่เขาจะทำเช่นนั้นโดยไม่มีความเสี่ยงใดๆ เลย
ทว่า… เอาเป็นว่า ข้าก็ควรทำให้ตัวเองมั่นคงปลอดภัยไว้ก่อน เพราะอย่างไรเสีย มันก็เป็นจิตมารที่ข้ายังต้องให้ความเคารพอยู่ดี
มีคำกล่าวในโลกบรรพกาลว่า
หลังจากบรรพชนปีศาจ หลัวโหวสิ้นชีพ ความคิดปีศาจของเขายังไม่ได้ตาย ดังนั้น เขาจึงรวบรวมมันแล้วสร้างขึ้นเป็นอุปสรรคมารต้าเต๋าเพื่อเป็นอุปสรรคขัดขวางการฝึกฝนของผู้ฝึกบำเพ็ญ
ดังนั้นหลี่ฉางโซ่วจึงไม่กล้าไม่ระวังเมื่อเผชิญกับจิตมารของโหย่วฉินเสวียนหย่า
หลี่ฉางโซ่วยกมือขึ้นและตบหน้าอกของเขาเบาๆ เจ็ดครั้งบนและใช้ค่ายกลต้านมารเจ็ดดาวเพื่อปกป้องปราณวิญญาณของเขา
จากนั้นจึงใช้บุญของตนสร้างชุดป้องกัน สวมกางเกงชั้นใน เสื้อคลุมแขนยาว รองเท้าหุ้มข้อ ทั้งยังสวมหมวกป้องกันศักดิสิทธิ์ แว่นตานิรภัย และหน้ากาก เขาสวมอาวุธยุทโธปกรณ์ครบครัน
ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็ยังคงรู้สึกไม่เพียงพอ ปราณวิญญาณของเขาถือสมบัติพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพแห่งท้องทะเลเอาไว้และเสริมเสี้ยวพลังแห่งเต๋าสวรรค์เพิ่มเข้าไปในร่างของเขา บัดนั้น ปราณวิญญาณของเขาก็สาดแสงสีทองเจิดจ้า!
ออกเดินทางได้!
จากนั้น เขาก็ปล่อยเสี้ยวพลังปราณวิญญาณของเขาออกมา ซึ่งมีราวหนึ่งในสิบของพลังปราณวิญญาณของเขาก่อนจะเข้าไปในจิตสำนึกที่ไม่ได้รับการป้องกันของโหย่วฉินเสวียนหย่าอย่างระมัดระวังและมุ่งหน้าไปยังจิตมารภายในของนาง
ท่ามกลางความพร่ามัว หมู่เมฆลอยขึ้นและหมอกก็หนาขึ้น
หลี่ฉางโซ่วมองเห็นโลกที่มืดมิด
นี่คือ การแสดงออกจากจิตใจของโหย่วฉินเสวียนหย่า มันคล้ายกับความฝัน และหัวใจเต๋าของโหย่วฉินเสวียนหย่าก็ถูกจิตมารขังเอาไว้อยู่ที่นี่
เสียงฆ่าฟันและเสียงโห่ร้องดังมาตามสายลมและเข้ามาในหูของเขา โลกเต็มไปด้วยควันสีดำในขณะที่มีกลุ่มทหารต่างๆ ต่อสู้กันอยู่ทั่วทุกที่
บรรดาเซียนทั้งหลายกำลังต่อสู้กันอยู่บนท้องฟ้า ในขณะที่เหล่าทหารมนุษย์กำลังต่อสู้กันอยู่บนพื้นดิน
มีซากศพถูกกองทับถมกันราวกับเป็นภูเขา และเลือดไหลหลั่งนองเป็นสายราวกับแม่น้ำ ดูราวกับว่า ทั้งสองฝ่ายต่างกำลังตกอยู่ในความบ้าคลั่ง พวกเขาไม่ถอยทัพเพราะมีคนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก…
นี่คือจิตมารในตัวนางหรือ? ดูเหมือนว่าจะไม่ถูกต้องนัก
หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วขณะมองไปยังสถานที่นั้น ทุกอย่างล้วนดูสมจริง แต่ไร้กลิ่นอายลมปราณแห่งอุปสรรคมาร
เมื่อคิดคำนวณบางอย่างแล้ว เขาก็ตระหนักได้ว่า ภาพเหล่านั้นเป็นเพียงภาพเหตุการณ์ในความทรงจำของโหย่วฉินเสวียนหย่า
หัวใจเต๋าของโหย่วฉินเสวียนหย่าได้ถูกจิตมารขังเอาไว้อยู่ที่นี่
เป็นเพราะความทรงจำเกี่ยวกับสงครามในโลกมนุษย์ที่ได้กระตุ้นจิตมารหรือไม่?
หลี่ฉางโซ่วไม่รีบร้อน เขาเป็นเพียงผู้ยืนดูเหตุการณ์ธรรมดาๆ เขาเดินไปรอบๆ สนามรบเพื่อค้นหา ร่องรอยของโหย่วฉินเสวียนหย่า
หลังจากนั้นไม่นาน หลี่ฉางโซ่วก็ได้ค้นพบเจตจำนงวิญญาณของโหย่วฉินเสวียนหย่าอยู่ที่มุมหนึ่งของสนามรบ
ในขณะนั้น นางยืนอยู่ที่ขอบหน้าผา ร่างของอยู่ในชุดสีฟ้าเย็นที่ถูกย้อมไปด้วยสีแดงเลือด ที่ข้างหลังนาง มีร่างสองร่างยืนพิงกัน ที่เบื้องหน้าของนางมีเงาพร่ามัวต่างๆ
นั่นเป็นธรรมชาติของภาพเหตุการณ์ที่โหย่วฉินเสวียนหย่าได้จินตนาการไว้ และภาพเหตุการณ์นั้น… น่าอนาถใจยิ่งนัก
ทว่าคนสองคนที่อยู่เบื้องหลังของโหย่วฉินเสวียนหย่านั้น ก็คือ ข้าและหลิงเอ๋อร์ไม่ใช่หรือ?
แน่นอนว่า พวกเขายังเป็น “ศิษย์พี่ฉางโซ่ว” และ “ศิษย์น้องหลิงเอ๋อร์” ที่โหย่วฉินเสวียนหย่าได้จินตนาการไว้
ศิษย์น้องหญิงหลิงเอ๋อร์สบายดี ชุดกระโปรงของนางดูเรียบร้อยและเป็นระเบียบ แต่มีคราบเลือดบางๆ ติดอยู่ที่มุมปากของนางในขณะที่ “ศิษย์พี่ฉางโซ่ว” มีบาดแผลนับพันอยู่บนร่างกาย!
ไม่ กล่าวให้ชัดๆ ก็คือ ทั่วทั้งร่างของ “ศิษย์พี่ฉางโซ่ว” ได้ถูกปะติดปะต่อเป็นชิ้นๆ ขึ้นมาจากบาดแผลต่างๆ เขาแทบจะไม่มีร่างมนุษย์และเกือบจะตายแล้ว…
มันนรกบ้าอะไรกันนี่?
เจ้าเพียงแค่หวังว่า ข้าจะอยู่ในสภาพที่ดีขึ้นไม่ได้หรือ?
ทันใดนั้นเส้นสีดำมากมายหลายเส้นก็เผยให้เห็นอยู่บนหน้าผากของหลี่ฉางโซ่ว เขาถึงกับพูดไม่ออกและเกือบจะหันหลังกลับแล้วเดินจากไป
ที่ขอบหน้าผา เงาดำต่างๆ นั้น ยังคงโจมตีไม่หยุด
โหย่วฉินเสวียนหย่า ซึ่งร่างถูกปกคลุมไปด้วยบาดแผล ชูนิ้วกระบี่ขึ้น แล้วปล่อยกระบี่บินมากกว่าสิบเล่มออกไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแทบไม่อาจต้านทานการโจมตีของเงาดำต่างๆ นั้นได้
ในขณะนั้น โหย่วฉินเสวียนหย่าไม่มีพลังเซียนเหลืออยู่มากนัก และกำลังใกล้จะทรุดกาย พังทลายลงไปแล้ว
อันตรายของจิตมารก็คือ การที่โหย่วฉินเสวียนหย่าไม่รู้ว่าทุกอย่างล้วนไม่ใช่ของจริง
ในกรณีที่เลวร้ายรุนแรง ผู้ที่มีจิตมารเข้าแทรกก็จะสูญเสียสติ และบ้าคลั่งได้ ซึ่งหากภาพฉายในจิตของนางในสถานที่นี้ ได้พังทลายลง หรือ หากนางถูกจิตมารสังหาร จิตของนางก็จะถูกจองจำเอาไว้ที่นี่ตลอดกาล
ส่วนผลที่ตามมา ซึ่งเบากว่านั้นก็จะเป็นการเบี่ยงเบนการฝึกฝนบ่มเพาะพลังตบะ ในขณะที่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายจะส่งผลให้นางพินาศย่อยยับ!
ท่ามกลางเงาดำต่างๆ นั้น หลี่ฉางโซ่วได้เห็นหยวนชิง “บุรุษผู้ใจดี” ที่ตายไปด้วยน้ำมือของโหย่วฉินเสวียนหย่า จากนั้น เขาก็เห็นผู้อาวุโสว่านหลินหยุนที่ดุร้าย และผู้อาวุโสผู้พิทักษ์สำนักและคนอื่นๆ
ที่เรียกว่า จิตมารนั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่าความลุ่มหลงในใจ หากต้องการช่วยโหย่วฉินเสวียนหย่า หลี่ฉางโซ่วเพียงต้องกำจัดอุปสรรคมารแล้วยื่นมือช่วยเหลือนาง พานางออกไปจากสถานที่แห่งนี้
แต่การกระทำเช่นนั้นจะทำให้นางเสียโอกาสนี้ แม้จิตมารจะเป็นอันตราย แต่หากเอาชนะมันได้ หัวใจ เต๋าของนางก็จะแข็งแกร่งขึ้นพร้อมกับขอบเขตเต๋าของนางจะปรับปรุงเพิ่มขึ้นเช่นกัน
หลี่ฉางโซ่วมองไปที่ “ศิษย์พี่ฉางโซ่ว” ซึ่งกำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนของ “ศิษย์น้องหลิงเอ๋อร์” มุมปากของเขาก็กระตุกขึ้นทันที
แม่สาวจอมพิษตัวอันตรายผู้นี้ มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะปกป้อง
แล้วข้าจะช่วยให้นางได้รับโอกาสนี้ได้อย่างไร?
ในขณะนั้น จู่ๆ หลี่ฉางโซ่วก็ฉุกคิดขึ้นมาและเข้าใจได้ในทันทีว่า จะชี้แนะนำทางให้นางได้อย่างไร
จากนั้น เสี้ยวจิตสำนึกนั้น ก็ได้เข้าสู่ความหลงใหลของ “ศิษย์พี่ฉางโซ่ว” ไปอย่างเงียบๆ
ชั่วขณะนั้น ริมฝีปากของ “ศิษย์พี่ฉางโซ่ว” ที่บิดเบี้ยวอยู่ พลันสั่นเล็กน้อย และเสียงอ่อนๆ ที่ไม่ต่อเนื่องก็ถูกส่งเข้ามาในหูของโหย่วฉินเสวียนหย่า “พุ่งไปสี่ก้าว… แค่กๆ ข้า แล้วถอยหลังไปหกก้าว…
“ศิษย์น้องโหย่วฉิน… สัตว์ร้ายใต้หน้าผาตื่นตระหนกแล้ว หลังจากนี้ เมื่อข้าบอกให้เจ้ากระโดด… เจ้าก็พาหลิงเอ๋อร์กับข้าที่ด้านหลัง กระโดดถอยหลังออกไป…”
อาจกล่าวได้ว่า เขาหล่นเข้าสู่การเป็นผู้แสดงในฉากเหตุการณ์นี้ทันที และแสดงความสามารถในการคิดบทของเขาออกมาอย่างเต็มที่!
โหย่วฉินเสวียนหย่าเม้มริมฝีปากและแอบพยักหน้าอย่างลับๆ ในการต่อสู้ที่ดุเดือดกับจิตมารภายใน คลื่นของการโจมตีที่รุนแรงก็ปะทุออกมาและกระแทกขับไล่จิตมารภายในทั้งหมดที่อยู่ต่อหน้านางให้ล่าถอยกลับไป
ทันใดนั้น หน้าผาก็เริ่มสั่นสะเทือน หลี่ฉางโซ่วหันไปมองที่ก้นผา และทันใดนั้น สายตาการมองเห็นของเขาก็กลายเป็นสีดำอย่างช่วยไม่ได้
หัวกิเลนซึ่งกว้างหลายร้อยจั้ง กำลังพุ่งขึ้นมาจากด้านล่าง ซึ่งใต้หน้าผานั้น มีสระพิษสีดำ!
โหย่วฉินเสวียนหย่าได้จินตนาการถึงสถานการณ์นั้นโดยไม่รู้ตัว และกิเลนก็เฉกเช่นกัน!
ข้าถูกวางยาพิษหรือ?
เหตุใดข้าถึงสร้างปัญหายากลำบากให้ตัวข้าเอง?
………………………………………………………………..