ตอนที่ 476 กระบี่สังหารปีศาจขององค์เง็กเซียน แยกเทพแห่งแม่น้ำและทะเลสาบ! (1)
ในขณะที่เปี้ยนจวงผู้สวมชุดเกราะเงินใหม่เอี่ยมและยืนอยู่ริมแม่น้ำเทียนเหอที่เงียบสงบแต่กว้างใหญ่นี้ กำลังรอให้เทพแห่งท้องทะเล และแม่ทัพตงมู่ตรวจสอบ เขาก็… มีอารมณ์ซับซ้อนยิ่ง
ย้อนกลับไปในตอนนั้น เขา เปี้ยนจวง ได้ไปศาลสวรรค์เพียงเพื่อเทพธิดาผู้นั้น
แม้เขาจะยังไม่รู้นามของนางและได้เลิกตามเกี้ยวนางไปแล้ว แต่เขาก็ไม่อาจต้านเหตุผลของเขาได้
ทว่าในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น ศาลสวรรค์ได้ใช้ความดีความชอบและอำนาจเพื่อทำให้เปี้ยนจวง… มีความทะเยอทะยานปรารถนาความก้าวหน้าและมีใจรักงาน!
นานเพียงใดแล้วที่เขา เปี้ยนจวงได้เติบโตมาจากแม่ทัพถั่วสวรรค์ที่หยอกล้อกัน กลายมาเป็นรองผู้บัญชาการแห่งกองทัพเรือเทียนเหอ!?!
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่พลังบุญที่เขาสะสมเอาไว้นั้น ยังมากกว่าที่เขาสะสมจากการบริหารหอเทียนหยาในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมาหลายเท่าตัว!
แน่นอนว่า ไม่มีโอกาสมากนักที่จะสั่งสมบุญได้ด้วยการดำเนินการดังกล่าวสำหรับ ‘ภัยพิบัติแห่งความรักฉับพลัน’
ตอนนี้ ในศาลสวรรค์ เปี้ยนจวงจะเรียกเหล่าแม่ทัพสวรรค์ว่าเป็นพี่น้องกัน และเมื่อเขาพบทหารสวรรค์ขณะเดินไปรอบๆ พื้นที่ที่เขามีอิสระในการเคลื่อนไหว เขาก็จะได้รับการเรียกขานว่า ‘แม่ทัพ’ หรือ ‘จอมทัพ’
คำว่า ‘จอมทัพ’ นั้น ดีกว่า ‘ประมุขน้อย’ เป็นร้อยเท่า และฟังสบายใจกว่าเมื่อถูกเรียกว่า ‘นายน้อย’ เป็นพันเท่า!
ที่สำคัญกว่านั้น เมื่อเขาเดินผ่านกลุ่มเทพธิดาเป็นครั้งคราว พวกนางก็มักจะมองมาที่เขาด้วยความอยากรู้อยากเห็นและชื่นชมแทนที่จะเผยท่าทีไม่พอใจ หรือรู้สึกรังเกียจเขา
นี่เป็นเพียงประโยชน์ที่เขาเสามารถเห็นได้เท่านั้น ยังไม่นับผลประโยชน์อื่นๆ ที่มีมากมายเกินกว่าจะนับได้!
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือ การเพิ่มฐานพลังของเขานั้นง่ายดายขึ้น และดูเหมือนว่า จุดตีบตันที่เคยมีแต่เดิมก็ได้หายไปแล้ว…
ตอนนี้ เขา เปี้ยนจวง ได้ตัดสินใจมุ่งมั่นอย่างจริงใจที่จะเป็นแม่ทัพผู้เป็นเอกในศาลสวรรค์!
ดังนั้นเมื่อเปี้ยนจวง ได้รับคำสั่งโอนจากหอทงหมิง เขาจึงตื่นเต้นมากถึงขนาดที่หัวใจเต๋าของเขาเกือบจะได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานจากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน!
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นประโยคสุดท้ายของพระราชโองการว่า— “จงนำทหารสวรรค์ไปจัดเตรียมเป็นกำลังพลภายใต้บัญชาการควบคุมของเทพแห่งท้องทะเลแห่งสี่คาบสมุทรผู้ล้ำลึกและไร้ที่ติ” ทันใดนั้น สายตาของเปี้ยนจวง ก็ดับมืดลง เขาเกือบจะหนีออกจากศาลสวรรค์ในชั่วข้ามคืนแล้ว!
เหตุใดกัน
สิ่งที่เขากลัวที่สุดในตอนนี้คือ เทพแห่งท้องทะเล!
นอกจากในเรื่องของความรักชายหญิงแล้ว เปี้ยนจวงก็ ไม่ใช่คนโง่
เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าเหตุผลที่เขาได้รับรางวัลมากมายจากศาลสวรรค์คือการที่เขาเผลอพูดอะไรผิดไปหลังจากดื่ม? เขาคุยโม้โอ้อวดว่า เขาได้รับการยอมรับชื่นชมจากปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู และเทพแห่งท้องทะเลแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน
โชคดีที่ผู้ดำรงอยู่ที่ไม่ธรรมดาอย่างปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยนั้น
ส่วนเทพแห่งท้องทะเลก็ค่อนข้างยุ่งและไม่ได้ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยเช่นกัน
แต่ตอนนี้…
เปี้ยนจวง ไม่ใช่คนปลูกถั่วที่ไม่รู้อะไรอีกต่อไป เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงพลังของเทพแห่งท้องทะเลในศาลสวรรค์
ว่ากันว่า แม่ทัพตงมู่ได้กล่าวด้วยตัวเองว่า ตอนนี้ เทพแห่งท้องทะเลรับผิดชอบ เรื่องสำคัญต่างๆ ในศาลสวรรค์มากกว่าแปดในสิบส่วนของทั้งหมด เขาเป็นผู้ที่องค์เง็กเซียนไว้วางใจมากที่สุด และเป็นเสนาบดีคนสำคัญเพียงคนเดียวแห่งศาลสวรรค์ที่มีอำนาจในการระดมกำลังพล นอกเหนือจากแม่ทัพตงมู่!
แน่นอนว่า ผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดของเทพแห่งท้องทะเลนั้น ย่อมเป็นผู้อาวุโสคนที่สามแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน
แล้วเขา เปี้ยนจวง เล่า?
ตระกูลของเขามีทรัพย์สินเพียงบางส่วน และไม่มีอะไรในศาลสวรรค์
ด้วยการสนับสนุนจากการคุยโวโอ้อวดไร้สาระที่เขาทำและคราดจากวังดุสิตที่เขามี บัดนี้ เขาจึงกลายเป็นแม่ทัพสวรรค์ผู้มีชื่อเป็นที่นิยมของศาลสวรรค์
ทว่าทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นเพียงวิมานในอากาศ[1] เป็นบุปผาฉายในกระจก และเป็นจันทราในวารี[2]เท่านั้น เพราะหากเทพแห่งท้องทะเลพูดออกมา เขาก็จะถูกเปิดโปงตัวตนที่แท้จริงทันที…
และในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าตอนนี้จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นสูงเพียงใด เขาก็จะถูกโยนลงไปกับพื้นอย่างน่าสังเวชในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้านี้!
“ข้ากำลังจะตายแล้ว!”
ข้าควรทำอย่างไรดี?
เปี้ยนจวงยังคงลังเล เขาอยากจะจากไป แต่เขาก็ทนที่จะแยกจาก ‘ความเจริญรุ่งเรืองและความมั่งคั่ง’ที่มีอยู่ในยามนี้ไม่ได้
ในท้ายที่สุดแล้ว เปี้ยนจวง ก็ตัดสินใจจะไปเยี่ยมเยือนเทพแห่งท้องทะเลก่อนล่วงหน้า ไม่ว่าเขาจะต้องทุ่มทุนจ่ายราคาเท่าใดก็ตาม เขาก็ต้องขอร้องให้เทพแห่งท้องทะเลอย่าได้เปิดเผยเรื่องเป่าหนังวัว[3]ของเขา แต่ในขณะที่เปี้ยนจวง กำลังจะออกไป จู่ๆ ก็มีกลุ่มของเหล่าทหารสวรรค์มาเรียกและเร่งเร้าให้เขาไปควบคุมกองทหารที่แม่น้ำเทียนเหอในทันที
มันนานปานใดกันเล่า?
เมื่อวานนี้ เขาเพิ่งได้รับคำสั่งจากหอทงหมิง และวันนี้เขาก็กำลังจะรับหน้าที่นี้แล้ว!
ในเวลานั้น ขาของเปี้ยนจวงอ่อนยวบจนเขาเกือบจะทรุดลงไปในลานที่พำนักอยู่ของเขาเอง
เหล่าทหารสวรรค์รีบช่วยพยุงเขาขึ้นมาทันทีก่อนที่พวกเขาจะพาเขาไปยังสถานที่นั้นและวางเขาในตำแหน่งรองผู้บัญชาการโดยไม่เอ่ยอะไรอีก
เมื่อมองเห็นรอยยิ้มกริ่มอิ่มเอมใจบนใบหน้าของเหล่าทหารสวรรค์ เปี้ยนจวงก็อยากจะส่งพวกเขาไปที่หอสตรีแห่งหอเทียนหยาเพื่อรับใช้เซียนสตรีที่ชมชอบการทรมานผู้อื่น!
เขาควรทำอย่างไร?
แล้วเขาจะทำอะไรได้อีก?
บัดนี้ เปี้ยนจวงอยู่ในความวุ่นวายใจเมื่อสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาจับภาพร่างของแม่ทัพตงมู่ และเทพแห่งท้องทะเลที่ขี่เมฆมาถึงแล้ว
ในขณะนั้น ภาพเหตุการณ์ที่ฉายอยู่ในดวงตาซ้ายของเปี้ยนจวง คือ ภาพเหตุการณ์ที่เขาดื่มกับแม่ทัพแห่งสวรรค์และได้รับการเรียกขานจากเหล่าเทพธิดาว่าเป็น “พี่ชายจอมทัพ”
ส่วนภาพเหตุการณ์ที่ฉายอยู่ในดวงตาขวาของเขานั้น เขาถูกทหารสวรรค์สองสามคนตรึงเอาไว้กับพื้นและโยนลงไปในสระลงทัณฑ์สวรรค์ จากนั้น เขาก็ถูกสายฟ้าฟาดอย่างรุนแรงจนกลายเป็นเถ้าถ่าน ดวงตาของเหล่าเทพธิดาเต็มไปด้วยแววดูถูกเหยียดหยาม…
เขาสามารถจินตนาการถึงสิ่งที่เหล่าเทพธิดากำลังพูดคุยกันได้!
“เอ๋ เขาปลอมแปลงคำสั่งของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเพื่อมาหลอกดื่มกินและลวงผู้คน เขายังได้รับรางวัลมากมายจากศาลสวรรค์อีกด้วย เขาช่างไร้ยางอายจริงๆ”
“สวะ! ไร้ยางอาย!”
“ไม่น่าเลย ข้ายังคิดว่าเขาจะเป็นจอมทัพในอนาคต”
ไม่นะ…
ทั้งหมดนี้จะทิ้งข้าไปเฉยๆ ไม่ได้นะ ข้า เปี้ยนจวง ต้องฉวยโชคชะตาของข้าให้ได้!
“เทพแห่งท้องทะเล!”
ในขณะนั้น เส้นเลือดที่ลำคอของเปี้ยนจวงปูดโปนออกมาแล้ว เสียงของเขาแหบพร่าในขณะที่ร้องคำรามและตะโกนออกมาจากปราณวิญญาณของเขา
“เทพแห่งท้องทะเลมาถึงแล้ว! นั่นคือ เทพแห่งท้องทะเล! ท่านเทพแห่งท้องทะเล!”
ที่เบื้องหลัง เปี้ยนจวง…
ในยามนั้น ทหารสวรรค์แสนนายยืนเรียงกันเป็นสามแถว แถวหน้า แถวกลาง และแถวหลัง ในขณะนั้นพวกเขาทั้งหมดมองไปที่ล้วนมองเปี้ยนจวงอย่างงุนงง
ทว่าเปี้ยนจวงก็ไม่สนใจอะไรอีกต่อไป ทันใดนั้น เขาก็ขี่เมฆขาวตรงไปหาแม่ทัพตงมู่และหลี่ฉางโซ่วพร้อมด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอเบ้าทันที
ห่างออกไปไม่กี่ร้อยลี้ เปี้ยนจวงได้ร้องตะโกนว่า “เทพแห่งท้องทะเล! ข้า เปี้ยนจวงเป็นรองผู้บัญชาการของท่านขอรับ!”
………………………………………………………………..
[1] เรื่องเพ้อฝัน
[2] สิ่งสวยงามแต่ไม่ใช่ของจริง จับต้องไม่ได้
[3] พูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เกินจริง และขี้อวด