ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – ตอนที่ 510 ชีวิตเซียนเป็นเพียงการแสดง (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 510 ชีวิตเซียนเป็นเพียงการแสดง (2)

องค์เง็กเซียนแย้มยิ้มโดยไม่เอ่ยอะไร เขาเพียงแสดงท่าทางเชื้อเชิญให้จ้าวกงหมิงนั่งลง

ทว่าสายตาของเหล่ามังกรหลายตัวก็เปลี่ยนไปทันทีที่พวกเขาได้ยินจ้าวกงหมิงพูดคำว่า อาจารย์อา

ก่อนหน้านี้ คนเผ่ามังกรส่วนใหญ่รู้สึกเศร้าใจว่าพวกเขากำลังจะอยู่ภายใต้อำนาจของผู้อื่น

เวลานี้ เมื่อจ้าวกงหมิงมาถึงที่นี่ และเรียกขานองค์เง็กเซียน ว่า อาจารย์อา ก็เหมือนดั่งว่า เขาได้เตือนพวกเขาว่า องค์เง็กเซียน พระแม่หวังหมู่ และจอมปราชญ์ทั้งหกก็ยังคงเป็นคนรุ่นเดียวกัน และยังคงถือว่าพวกเขาเป็นสหายศิษย์ร่วมสำนักกับซันชิง[1] …

ในด้านภูมิหลังแล้ว ย่อมไม่ใช่เรื่องน่าละอายที่พวกเขาจะแสวงหาที่หลบภัยและเข้าร่วมกับศาลสวรรค์

ทันใดนั้น หัวใจมังกรก็เริ่มรู้สึกถึงอารมณ์อ่อนไหว

ตำแหน่งเทพของอ๋าวอี่ในศาลสวรรค์นั้นก็ต่ำไปเล็กน้อย เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงผลท้อเซียน และในขณะนั้นเขาก็ไปนั่งข้างๆ เผ่ามังกร

หลังจากมีการร้องเพลงและร่ายรำมาเป็นเวลานาน บรรดาเซียนแห่งศาลสวรรค์ก็เริ่มดื่มอวยพรแล้ว และคนเผ่ามังกร ต่างก็สนทนากันเป็นกลุ่มสองหรือสามคน

องค์เง็กเซียนเพลิดเพลินกับการร่ายรำของฉางเอ๋อร์อย่างสำราญใจ ดูเหมือนว่า จะไม่มีงานสำคัญอะไรที่เขาต้องทำในวันนี้

ที่นั่งของหลี่ฉางโซ่วยังคงว่างเปล่ามาตลอดและไม่มีผู้ใดได้เห็นเขาเลย

จ้าวกงหมิงซึ่งอยู่ข้างๆ พลันรู้สึกอึดอัด ดังนั้นเขาจึงระงับกลิ่นอายลมปราณและอักขระเต๋าเพื่อให้ผู้อื่นรู้สึกถึงการดำรงอยู่ของเขาให้มากที่สุด และในบางครั้งเขาก็จะมองไปที่เทพเฒ่าจันทราซึ่งสวมชุดคลุมแต่งงานสีแดง

ในขณะนั้นเทพเฒ่าจันทราก็รำพึงในใจ…

เหตุใดศิษย์ชั้นนอกแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยถึงมองมาที่ข้าตลอดเวลา? หรือว่าเขามาที่นี่เพื่อถามข้าถึงเรื่องการแต่งงานระหว่างศิษย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยที่เพิ่มขึ้นมากอย่างกะทันหันในช่วงกว่าสิบปีที่ผ่านมา?

ทว่านั่นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาเลย มีสิ่งมีชีวิตโฮ่วเทียนจำนวนมากที่ได้ฝึกบำเพ็ญจนเป็นเซียนจินในสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย

พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นคู่บำเพ็ญเต๋า ซึ่งผูกด้ายแดงเอาไว้ด้วยตัวของพวกเขาเอง ต่อให้เทพเฒ่าจันทราจะได้รับความกล้ามาจากเทพแห่งท้องทะเลนับร้อยคน เขาก็ยังไม่กล้าวู่วามโจมตีสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยอย่างแน่นอน

แต่ถึงกระนั้น เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ด้วยความได้เปรียบในด้านจำนวนคนของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยเป็นอย่างมาก และจำนวนของเซียนจินที่ได้แต่งงานกัน ก็ทำให้แนวโน้มจำนวนคู่บำเพ็ญเต๋าของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยเหนือกว่าสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง

ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงกลองดังมาจากประตูสวรรค์กลาง และแม่ทัพสวรรค์อีกคนก็รีบมารายงานว่ามีศิษย์หกคนของสำนักบำเพ็ญประจิมมาถึงและขอพบองค์เง็กเซียน

เหล่ามังกรทั้งหลายล้วนหูผึ่ง และพวกที่มีอารมณ์ร้อนก็เดือดดาลขึ้นมาแล้ว

โชคดีที่หลี่ฉางโซ่วเพิ่งพูดคุยกับราชามังกรทั้งสี่คาบสมุทร

จากนั้นราชามังกรทั้งสี่คาบสมุทรก็ได้ส่งข้อความเสียงเพื่อให้บรรดามังกรที่อยู่นอกวังมังกรทะเลประจิมเงียบลง

ในขณะนั้นองค์เง็กเซียนพลันขมวดคิ้ว แม้เขาจะได้รับแจ้งจากหลี่ฉางโซ่วมานานแล้วว่า มีคนจากสำนักบำเพ็ญประจิมเข้ามาสร้างปัญหา แต่เขาก็ต้องแสดงท่าทีและจงใจเผยความรำคาญ

“สำนักบำเพ็ญประจิมหรือ?”

องค์เง็กเซียนกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “เหตุใดพวกเขาถึงมาทั้งที่ข้าไม่ได้เชิญพวกเขา? อย่าปล่อยให้พวกเขาเข้ามาในศาลสวรรค์”

ที่ด้านข้าง องค์ราชินีรีบกล่าวว่า “ฝ่าบาท ศาลสวรรค์ของเรายังไม่เติบโต มีปรมาจารย์จอมปราชญ์สองคนในสำนักบำเพ็ญประจิม และเราไม่อาจทำให้ปรมาจารย์จอมปราชญ์เสียหน้าและอับอายได้ วันนี้คืองานเลี้ยงผลท้อเซียน ไยเราไม่ให้พวกเขามาเข้าร่วมกับเรา?”

“ก็ได้” องค์เง็กเซียนมองไปที่ราชามังกรทั้งสี่คาบสมุทรและให้ท่าทีมั่นใจแก่พวกเขาก่อนที่จะออกคำสั่งให้พวกสำนักบำเพ็ญประจิมเข้ามา

หลังจากนั้นไม่นาน นักพรตเต๋าชราหกคนที่สวมชุดคลุมเต๋าขาดรุ่งริ่งก็ขี่เมฆบินมา เดิมทีพวกเขาโกรธราวกับว่าพวกเขาต้องการไถ่ถามเอาความกับองค์เง็กเซียน

นักพรตเต๋าทั้งหกคนบินไปยังงานเลี้ยงผลท้อเซียนที่สระหยก เพียงขณะที่พวกเขาร่อนเมฆลงมา นักพรตเต๋าชราผู้หนึ่งก็ได้เผยกลิ่นอายสูงส่งทะนงตนของศิษย์จอมปราชญ์ออกมาแล้ว…

“แค่กๆ!”

จ้าวกงหมิงที่ไม่เป็นที่สังเกต ก็กระแอมไอในลำคอและลูบเคราพลางเผยรอยยิ้ม แล้วจู่ๆ สีหน้าของนักพรตเต๋าชราทั้งหกคนก็เปลี่ยนไป ทันใดนั้น กลิ่นอายลมปราณของพวกเขาก็เป็นดุจลูกโป่งที่ถูกเคราของจ้าวกงหมิงเจาะทะลวงเข้าไป

“สหายเต๋า” จ้าวกงหมิงยิ้มและกล่าวว่า “พวกเจ้าอยากกินลูกท้อหรือ?”

นักพรตเต๋าทั้งหกคนพลันขมวดคิ้วและนิ่งเงียบ ในขณะนั้นพวกเขาส่งข้อความเสียงทันทีเพื่อหารือเรื่องบางอย่างและระงับการแผ่พุ่งกลิ่นอายลมปราณของพวกเขาไปชั่วคราว และภายใต้การจัดการของพระแม่หวังหมู่ พวกเขาก็ได้นั่งลงข้างๆ จ้าวกงหมิง

ในยามนั้น นักพรตเต๋าชราทั้งหกคนไม่ได้สังเกตเห็นสายตาบันดาลเดือดของเหล่ามังกรที่อยู่ตรงข้ามพวกเขา ในขณะที่ “มังกรสองห้า[2]” หลายสิบจากวังมังกรทะเลประจิมได้รับการส่งข้อความเสียงแล้วและกำลังรอโอกาสเพื่อสร้างปัญหา

ทุกคนในที่นี้

เมื่อผลท้อเซียนในสวนท้อเซียนยังไม่สุก จึงให้การแสดงร้องเพลงเต้นรำกลับมาอีกครั้ง

องค์เง็กเซียนยังคงไม่พอใจและเริ่มหลับตาเพื่อพักผ่อน ส่วนราชามังกรทั้งสี่คาบสมุทรยังคงเงียบและเฝ้ารอโอกาสที่จะได้พบหลี่ฉางโซ่วอยู่เงียบๆ

จ้าวกงหมิงไม่รู้อะไร นอกจากรู้เพียงว่า สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันนี้เป็นเรื่องใหญ่ และในขณะนั้น เขายังดื่มอวยพรให้นักพรตเต๋าทั้งหกคนที่อยู่ข้างๆ เขา

นักพรตเต๋าทั้งหกคนต่างขมวดคิ้วและครุ่นคิด บัดนั้น ความคิดทุกอย่างพุ่งทะยานโลดแล่นผ่านจิตใจของพวกเขา และพวกเขาก็กังวลว่าจะถูกวางแผนหลอกลวงอีกครั้ง…

ความจริงแล้ว การปรากฏตัวของปรมาจารย์จ้าวเป็นเพียงเหตุบังเอิญเท่านั้น

นับตั้งแต่ที่หลี่ฉางโซ่วได้รับข้อความลับของผู้บำเพ็ญเหวินจิงเมื่อครึ่งปีก่อน เขาก็ได้เตรียมมาตรการรับมือไว้บ้างแล้ว

ในศาลสวรรค์ องค์เง็กเซียนไม่ใช่คนที่จะล้อเล่นด้วยได้ และปรมาจารย์จ้าวก็ไม่จำเป็นต้องมาด้วยตัวเอง

ชั่วเวลาต่อมา นักพรตเต๋าชราจากสำนักบำเพ็ญประจิมซึ่งสวมเสื้อคลุมเต๋าที่ขาดรุ่งริ่งก็ยืนขึ้น …

เปี้ยนจวงผู้ซึ่งรออยู่ด้านนอกของงานเลี้ยงผลท้อเซียนมาเป็นเวลานาน ในที่สุด เขาก็ได้รับข้อความเสียงของเทพแห่งท้องทะเล!

ในขณะนั้น ในงานเลี้ยงผลท้อเซียน นักพรตเต๋าชราในชุดคลุมขาดรุ่งริ่งพลันกล่าวว่า “ฝ่าบาท วันนี้ข้ามาที่นี่เพราะมีเรื่อง…”

“ฝ่าบาท!”

ทันใดนั้น เปี้ยนจวงก็พุ่งเข้ามา เขาเต็มไปด้วยอารมณ์และส่งเสียงดังลั่น “เทพแห่งท้องทะเล!”

องค์เง็กเซียนยืนขึ้นทันทีโดยไม่สนใจนักพรตเต๋าชรา เขารีบถามว่า “เกิดอันใดขึ้นกับฉางเกิงหรือ?”

เปี้ยนจวงร้องว่า “เทพแห่งท้องทะเลกลับมาแล้ว ฝ่าบาท!”

“เร็วเข้า!”

องค์เง็กเซียนลิงโลดยิ่ง เขาโบกมือเพื่อส่งเทพธิดาฉางเอ๋อร์ที่กำลังร่ายรำออกไป แล้วเดินไปรอบๆ บัลลังก์ ก่อนจะเดินออกจากงานเลี้ยงไปอย่างรวดเร็ว

พระแม่หวังหมู่เย้ยในใจ

เมื่อกี้เขายังส่งข้อความเสียงมาบอกว่า ข้าแสดงแข็งไปสักหน่อย แล้วนั่นคือ การแสดงของเขาทั้งหมด!

เกินจริง!

บรรดาเซียนแห่งศาลสวรรค์ยืนขึ้นแล้วตามไปอย่างรวดเร็วในขณะที่เหล่ามังกรแห่งเผ่ามังกรยืนขึ้นและมองออกไปนอกเกาะอมตะ

ในยามนั้น นักพรตเต๋าชราในชุดคลุมขาดรุ่งริ่งและศิษย์ของจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมที่ถูกเพิกเฉย ก็ไม่อาจเข้าใจสถานการณ์ได้ พวกเขาอยากจะโกรธ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร

นับประสาอะไรกับปรมาจารย์จ้าวที่เต็มไปด้วยความรู้สึกสับสน

แล้วจู่ๆ ก็มีร่างสองร่างปรากฏขึ้นมาจากที่ใดก็สุดหยั่งรู้ ทั้งสองร่างนั้นได้มาถึงนอกเกาะอมตะ หนึ่งในนั้น มีผมสีขาวและสวมเสื้อคลุมเต๋า เขาคือ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เทพแห่งท้องทะเลของหลี่ฉางโซ่ว

องค์หญิงหลงจีซึ่งอยู่ด้านข้าง ได้เปลี่ยนเป็นชุดคลุมเต๋าที่ค่อนข้างสกปรก มีรอยเปื้อนที่ด้านล่างของเสื้อคลุมเต๋าของนาง และใบหน้าที่งดงามของนางก็ดูเหนื่อยล้า ซีดเซียวเล็กน้อย

นางถือกระบี่สังหารปีศาจจักรพรรดิสวรรค์เปล่งแสงสีทองแวววาวเอาไว้อยู่ในอ้อมแขน…

“ฉางเกิง!” ทันใดนั้น องค์เง็กเซียนร้องตะโกนว่า “ขุนนางของข้า ลำบากเจ้าแล้ว!”

หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับให้ด้วยการคารวะเต๋าอย่างสุดซึ้ง และกล่าวเสียงดังว่า “เทพน้อยได้แบ่งเบาความกังวลของฝ่าบาทและเพลิดเพลินกับมันได้อย่างไม่ลำบากเลย! เทพน้อยขอทูลฝ่าบาท !

ในช่วงสิบสองปีของการสำรวจดินแดนเทวะทักษิณ เทพน้อยได้ใช้แผนภาพอุทกศาสตร์ควบคุมน้ำต้าอวี่ เป็นแนวทาง และพร้อมกับกระบี่สังหารปีศาจที่พระองค์ทรงประทานให้ เทพน้อยได้ไปเยี่ยมชมส่วนต่างๆ และสำรวจเส้นทางน้ำหลักของดินแดนเทวะทักษิณ

เทพน้อยได้สังหารปีศาจ ชำระสิ่งสกปรก โสโครก และในที่สุด เทพน้อยก็ค้นพบทุกอย่างเกี่ยวกับเส้นทางน้ำหลักของดินแดนเทวะทักษิณ !

วันนี้ เทพน้อยรีบมาที่นี่ก่อนงานเลี้ยงผลท้อเซียนเพื่อเสนอแผนอุทกศาสตร์ของดินแดนเทวะทักษิณให้ฝ่าบาท หนึ่งพันสองร้อยสามสิบสองชุด!”

หลังจากกล่าวเช่นนั้นแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็หยิบถุงเก็บสมบัติสองใบออกมาจากกระเป๋าหน้าอกของเขาแล้วเปิดมันออก และทันใดนั้น ม้วนกระดาษสองกองที่ซ้อนทับกันราวกับภูเขาก็ปรากฏขึ้นข้างๆ เขา

ดวงตาขององค์เง็กเซียนฉายแสงวิบวับเล็กน้อย เขายิ้มและกล่าวว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เส้นทางน้ำของดินแดนเทวะทักษิณ จะอยู่ภายใต้การควบคุมของศาลสวรรค์!”

ทันทีที่องค์เง็กเซียนกล่าวจบ ก็มีลำแสงสีทองพุ่งออกมาจากร่างของเขาในขณะที่มีตราประทับขององค์เง็กเซียนปรากฏขึ้นเหนือศีรษะขององค์เง็กเซียน จากนั้น ลำแสงสีทองสองสายก็พุ่งออกมาจากตราประทับและสาดแสงไปที่ม้วนกระดาษทั้งสองกอง

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกระแสน้ำไหล!

ม้วนกระดาษทั้งสองกองก็กระจายไปในแสงสีทอง แล้วแม่น้ำที่มีความยาวต่างกันและทะเลสาบที่มีรูปร่างต่างกันก็ลอยอยู่ในแสงสีทอง พวกมันล้อมรอบหลี่ฉางโซ่ว และหลงจี๋ก่อนจะค่อยๆ หมุนวนเวียนไป!

หลังจากนั้นไม่นาน ภาพขนาดย่อของแม่น้ำและทะเลสาบก็พุ่งเข้าหาตราประทับขององค์เง็กเซียนและได้รับการยอมรับจากมัน!

ทันใดนั้นลำแสงสีทองก็สาดประกายแล้วหายไปจากหอสมบัติหลิงเซียว!

นั่นคือ…

บุญเคลื่อนตัวลงมา!

………………………………………………………………..

[1] สามบรรพาจารย์เต๋าสูงสุด องค์ไท่ชิง องค์เง็กเซียนหรือองค์หยวนสือ และองค์ทงเทียน

[2] มังกรที่ทรยศ

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท