ตอนที่ 511 วันนี้ ข้า เทพแห่งท้องทะเลจะรักษาใบหน้าของจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิม! (1)
ห่างออกไปสามพันลี้ ด้านนอกสำนักตู้เซียน ใน “เหมืองพักผ่อน” ที่ถูกทิ้งร้าง จู่ๆ ก็มีแสงสีทองสาดส่องผ่านกำแพงหินหนาทึบ
เมื่อแสงสีทองสลายไป ร่างที่ซ่อนตัวอยู่ภายในนั้นก็หายตัวไปเงียบๆ
หลังจากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ แน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วย่อมไม่อาจยืนอยู่บนยอดเขาหยกน้อย และรอให้ปรมาจารย์เต๋าสวรรค์มอบบุญให้อย่างเชื่อฟัง
นานๆ ครั้ง เจ้าสำนักผู้ว่างเปล่าจะช่วยเขาจะ ปกปิดไว้ได้ สองสามครั้ง…
แต่ไม่ใช่ว่าบรรดาเซียนในสำนักจะโง่เขลาไปหมดทุกคน!
อย่างน้อยๆ พวกเขาส่วนใหญ่ก็ฉลาดล้ำ เป็นเพียงว่าความสามารถในการจินตนาการและการเชื่อมโยงเรื่องราวของพวกเขายังอ่อนด้อยไปเล็กน้อย
ทว่าบุญนั้นก็ท่วมท้นล้นเหลือจริงๆ!
หากไม่นับการสั่งสมบุญจากเมื่อก่อนหน้านี้ เพียงผลบุญที่เพิ่งได้รับนี้ ก็ทำให้หลี่ฉางโซ่วสร้างท่อนแขนของร่างทองแห่งบุญให้สำเร็จเสร็จสมบูรณ์ได้ทั้งท่อนแขน… ตามที่หลี่ฉางโซ่วคาดหวังไว้!
ในขณะนี้ ปราณวิญญาณของเขาก็กำลังดื่มด่ำ จมจ่อมอยู่ในพลังบุญบริสุทธิ์ และแหวกว่ายไปรอบๆ อย่างมีความสุข ส้อมเหล็กของเทพแห่งท้องทะเลที่อยู่ข้างๆ เขา แค่กๆ ตรีศูลเหล็กสมบัติพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพแห่งท้องทะเลก็ถูกห่อหุ้มด้วยพลังบุญเช่นกัน และดูเหมือนว่ามันจะบริสุทธิ์ขึ้น…
เขาพอใจ อิ่มเอมใจ และตื้นตันใจยิ่ง!
หลังจากพากเพียรวาดแผนภาพมาอย่างหนักถึงสิบสองปี…
ในครั้งนี้ ข้าได้ทำกำไรมหาศาล!
ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็รู้ว่ามีโอกาสน้อยมากที่เขาจะได้รับบุญ
ประการแรก ดินแดนเทวะทักษิณ ค่อนข้างพิเศษ ในฐานะมนุษย์ซึ่งถือเป็นตัวเอกของโลก ชะตากรรมของเผ่าพันธุ์มนุษย์แปดถึงเก้าส่วน ได้มารวมตัวกันในโลกมนุษย์ ดินแดนเทวะทักษิณ
ประการที่สอง ด้วยการทำให้การตรวจสอบเส้นทางน้ำกลายเป็นส่วนหนึ่งภายใต้ขอบเขตอำนาจปกครองของศาลสวรรค์ เขาก็อาจได้รับการพิจารณาว่าช่วยส่งเสริมอำนาจของศาลสวรรค์ได้เล็กน้อย และเขายังได้เติมเต็มรายละเอียดของเต๋าสวรรค์อย่างอ้อมๆ อีกด้วย
เมื่อผสานรวมทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน หลี่ฉางโซ่วก็ได้รับบุญมหาศาล
หากเขาอยากได้รับบุญที่คล้ายคลึงกัน เขาก็สามารถทำตามแนวความคิดเดียวกันและไปสำรวจภูเขาในดินแดนเทวะทักษิณได้
ทว่าอุทกวิทยาหรือวิชาว่าด้วยน้ำนั้น เป็นประโยชน์ต่อประชาชน มันมีความสำคัญต่อมนุษย์สามัญชนและผู้คนที่อาศัยอยู่ริมน้ำอย่างยิ่ง
แต่ภูเขานั้นยังขาดความหมายบางอย่าง และบุญที่จะได้รับนั้นก็น้อยมาก
ทว่าไม่ว่าขายุงจะบางเพียงใด ก็ยังคงเป็นเนื้อ[1]เช่นกัน หลี่ฉางโซ่วจึงตัดสินใจส่งตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ให้ไปจัดการกับเผ่ามังกรอย่างช้าๆ
วันนี้ได้บุญใหญ่เป็นครั้งที่สอง!
ในเวลานั้น หลี่ฉางโซ่ววนรอบสำนักตู้เซียน และซ่อนตัวอยู่ในแม่น้ำ เขารอคอยอยู่เงียบๆ และแผ่สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาออกไปตรวจสอบพื้นที่ภายในรัศมีห้าพันลี้
ในสำนัก ขณะนี้ หลิงเอ๋อร์ยังคง “นอนหลับ” หลี่ฉางโซ่วได้เปลี่ยนข้อความที่วางข้างมือของนางโดยบอกให้นางกินลูกท้อ และรวบรวมฐานพลังของนางต่อไป และในยามราตรี พวกเขาจะทำการแลกเปลี่ยนฉันท์มิตรในฐานะสหายศิษย์ร่วมสำนัก
ในขณะที่ร่างหลักของหลี่ฉางโซ่วเคลื่อนไหว ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย
เพื่อให้แน่ใจว่า วันนี้จะไม่มีเหตุไม่คาดฝันใดเกิดขึ้น เขาจึงหยุดตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ประเภทอื่นๆ ทั้งหมด ยกเว้นแต่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เทพแห่งท้องทะเลที่กำลังสร้างปัญหาในศาลสวรรค์เท่านั้น
เขาทุ่มเทสุดกำลังเพื่อจัดการงานเลี้ยงผลท้อเซียน!
เมื่อสักพักก่อนหน้านี้ ที่งานเลี้ยงผลท้อเซียน หลี่ฉางโซ่วได้รับความชื่นชมในผลงานของเขา จากนั้นเขาก็ส่งคืนกระบี่สังหารปีศาจจักรพรรดิสวรรค์กลับไป
เวลานี้ แสงสีทองส่องสว่างเป็นประกายอยู่ในหอสมบัติหลิงเซียว เมื่อบุญมหาศาลถูกส่งไปยังร่างหลักของหลี่ฉางโซ่ว ก็มีแสงสีทองสาดส่องไปยังหลงจี๋ที่อยู่ข้างๆ หลี่ฉางโซ่ว และทำให้ร่างนางถูกปกคลุมไปด้วยผงสีทองชั้นหนึ่ง
องค์เง็กเซียนยิ้มและมองไปที่ธิดาของพระองค์ในขณะที่หลงจี๋ก้มศีรษะลงทันทีด้วยไม่กล้ามองพระบิดาของนาง
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ในระหว่างทาง ฝ่าบาทหลงจี๋ได้มีส่วนช่วยสนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้อย่างมาก ไม่เพียงแต่ช่วยเทพน้อยจะสำรวจเส้นทางน้ำเท่านั้น แต่ยังทรงกวัดแกว่งกระบี่สังหารปีศาจ เพื่อช่วยกระหม่อมกำจัดปีศาจอีกด้วย ขอฝ่าบาททรงพระเมตตา ประทานรางวัลแด่องค์หญิงหลงจี๋ด้วย ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
องค์เง็กเซียนหัวเราะดังลั่นออกมาอย่างเต็มที่ทันที เขามองไปยังใบหน้าที่ดูกระวนกระวายใจเล็กน้อยของหลงจี๋ และกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่และนั่งลงข้างระมารดาของเจ้า วันนี้มีแขกผู้มีเกียรติในศาลสวรรค์ ดังนั้นจงอย่าให้เสียมารยาท”
ร่างบางของหลงจี๋สั่นเล็กน้อย นางเงยหน้าขึ้นมององค์เง็กเซียนแล้วรีบก้มศีรษะลงพลางกล่าวเบาๆ ว่า “น้อมรับพระบัญชาฝ่าบาท”
หลี่ฉางโซ่วคลี่ยิ้มเมื่อเห็นเช่นนั้น
เมื่อสิบสองปีก่อน เขาได้ค้นพบบางสิ่งว่า แม้องค์เง็กเซียนจะทรงโปรดปรานองค์หญิงหลงจี๋ แต่เขาก็ไม่เคยประกาศถึงการดำรงอยู่ของนางต่อผู้คน ยังมีน้อยคนนักในศาลสวรรค์ที่รู้เรื่องของธิดาขององค์เง็กเซียน
และนั่นก็เป็นหนามเล็กๆ ทิ่มตำในใจของหลงจี๋เช่นกัน
หลี่ฉางโซ่วเพียงเข็นเรือตามน้ำ[2] และฉวยประโยชน์จากสถานการณ์เพื่อช่วยหลงจี๋เท่านั้น สำหรับเขามันเป็นเรื่องเล็กน้อย นอกจากนี้ ยังอาจทำให้องค์เง็กเซียนรู้สึกภาคภูมิใจ พร้อมกันนั้น ก็ยังช่วยปูทางให้เขาวางแผนต่อต้านมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ…
ส่วนการปาหินก้อนเดียวฆ่าวิหคได้หลายตัวก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“เทพแห่งท้องทะเล” หลงจี๋เรียกเบาๆ น้ำเสียงของนางตื่นเต้นเล็กน้อย “แล้วข้าจะกลับออกมาใหม่นะ”
หลี่ฉางโซ่วมองนางและประสานมือคารวะให้นางพร้อมเผยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็หันหลังกลับแล้วเดินไปข้างหน้า
องค์เง็กเซียนยกมือขึ้นคว้าแขนของหลี่ฉางโซ่ว แล้วลากดึงเขาเข้าไปในสถานที่จัดงานเลี้ยงผลท้อเซียนก่อนจะพาเขามาตรงหน้าเก้าอี้ว่างที่หนึ่งและกล่าวว่า “ลำบากเจ้าแล้ว ขุนนางฉางเกิง รีบนั่งลงเถิด งานเลี้ยงผลท้อเซียนในวันนี้จะเป็นงานเฉลิมฉลองให้เจ้า!”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
จากนั้นองค์เง็กเซียนก็หันกลับไปที่บัลลังก์ของเขา
หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับให้จ้าวกงหมิงพลางยิ้ม และกล่าวว่า “น้อมพบผู้อาวุโสกงหมิง ผู้อาวุโสกงหมิงมาถึงเร็วกว่าข้าหนึ่งก้าว”
จ้าวกงหมิงลูบเคราพร้อมเผยรอยยิ้ม เขารู้ว่าทุกคนในศาลสวรรค์กำลังจัดการแสดงสำหรับพวกสำนักบำเพ็ญประจิมและเผ่ามังกร
“ฮ่าฮ่าฮ่า น้องชายเทพแห่งท้องทะเล อย่าได้มากพิธี พวกเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ทั้งเจ้าและน้องสาวของข้าก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน แล้วเจ้าจะมากมารยาทเช่นนี้ไปไย?”
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็หันไปมองนักพรตเต๋าชราที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาและนักพรตเต๋าชราอีกห้าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา เขาก็อดจะขมวดคิ้วและเผยท่าทางงุนงงไม่ได้
จากนั้นเขาก็ถอนหายใจเบาๆ และกล่าวว่า “ไฉนถึงมีคนที่ข้ารู้สึกไม่คุ้นเคยอยู่ที่นี่ด้วย? ท่านแม่ทัพตงมู่ ครั้งนี้ฝ่าบาททรงเชิญปรมาจารย์ท่านใดมาอีกด้วยหรือ?”
แม่ทัพตงมู่กล่าวว่า “ฝ่าบาทมาที่นี่เพื่อสร้างความเพลิดเพลินให้กับเหล่าผู้กล้าแห่งเผ่ามังกรและผู้อาวุโสกงหมิง พระองค์ไม่ได้เชิญแขกอื่นใดเลย”
“โอ้?”
หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วและมองไปที่นักพรตเต๋าชราทั้งหกซึ่งยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว ก็เริ่มลงมือโจมตีแล้ว
“หรือกล่าวอีกอย่าง ทั้งหกคนนี้ก็มาโดยไม่ได้รับเชิญ?”
ทันใดนั้น นักพรตเต๋าชราก็แค่นเสียงกล่าวอย่างสงบว่า “เทพแห่งท้องทะเล เจ้าไม่ต้อนรับสำนักบำเพ็ญประจิมหรือ?”
………………………………………………………………..
[1] ความหมายในทำนองว่าต่อให้ทำแล้วได้ประโยชน์น้อย กว่ายังดีกว่าไม่ได้ทำอะไร ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ขึ้นเลย
[2] ฉวยประโยชน์จากสถานการณ์และดำเนินการไปตามสถานการณ์ที่เป็นไปเพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่ง