ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – ตอนที่ 564 ผู้ใดทรงพลังในโลกบรรพกาล (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 564 ผู้ใดทรงพลังในโลกบรรพกาล (2)

หลี่ฉางโซ่วกล่าวต่อว่า “ข้าได้รับการไหว้วานจากสหายสนิทสองคนของข้า หัววัวและหน้าม้า ทูตเกี่ยววิญญาณแห่งแดนยมโลกให้มาช่วยดูว่าเผ่าเวทที่อาศัยอยู่ในดินแดนเทวะอุดร มีชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง หากมีปัญหาขัดข้องประการใดๆ ขอจอมเวทโปรดกล่าวมาและแจ้งให้เรารับรู้อย่างชัดเจนด้วย ข้าจะคิดการณ์อย่างละเอียดรอบคอบเพื่อพยายามช่วยพวกท่านอย่างเต็มที่”

จ้าวกงหมิงกะพริบตาและกล่าวกับหลี่ฉางโซ่วว่า “นี่ดูไม่เหมือนลักษณะนิสัยของเจ้า ฉางเกิง เหตุใดเจ้าถึงมาให้ผลประโยชน์กับเผ่าเวทที่นี่? หรือว่าเจ้าคิดถึงเวทต่อสู้?”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มเฉยไม่เอ่ยวาจาใด เขาเพียงรอให้จอมเวทตอบกลับอยู่เงียบๆ

จอมเวทที่กลายเป็นสตรีวัยกลางคน ไม่ได้มีใบหน้าสวยสดงดงามมากนัก แต่นางก็เผยจิตวิญญาณที่กล้าหาญและสงบมั่นคง

นางขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถามว่า “หัววัว หน้าม้าหรือ?”

“นี่คือ ภาพเหมือนของพวกเขา” หลี่ฉางโซ่วเตรียมพร้อมในเรื่องนี้แล้ว เขาหยิบม้วนภาพวาดออกมาจากแขนเสื้อและค่อยๆ คลี่เปิดมันออก มีรูปหัววัวและหน้าม้าอยู่บนนั้น

มันเป็นรุ่นจำนวนจำกัดแบบไม่สวมหมวก!

คิ้วที่ขมวดบนหน้าผากของจอมเวท ผ่อนคลายลงเล็กน้อย จากนั้นนางก็ค่อยๆ ถอนหายใจช้าๆ และกล่าวว่า “เป็นเช่นนั้นเอง… ขอบคุณเทพวารีที่เดินทางมาในครั้งนี้ ตอนนี้เผ่าเวทยังคงอยู่อย่างปลอดภัยสบายดี และเราไม่ประสงค์สิ่งใด”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ข้าขอได้รับเกียรติ พูดคุยกับจอมเวทได้หรือไม่?

หรือว่าท่านคิดว่าศาลสวรรค์ต้องการใช้เผ่าเวทแห่งดินแดนเทวะอุดรเพื่อคุกคามเจ้าหน้าที่ แห่งแดนยมโลก? ขอท่านอย่าได้กังวลเรื่องนั้น”

จอมเวทเผยแววตาสั่นไหวเล็กน้อย และฝืนยิ้มฝืดเฝื่อนเล็กน้อยให้ที่หลี่ฉางโซ่วและกล่าวว่า

“เทพวารีไม่รู้เรื่องนี้ พวกเราไม่อยากให้เกี่ยวพันไปถึงสายเลือดลูกหลานบรรพชนของเรา…”

“จอมเวทเข้าใจผิดอีกแล้ว” หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจเบาๆ และกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “ข้าขอกล่าวตรงๆ ศาลสวรรค์อยากให้แดนยมโลกเข้าร่วมด้วยเพื่อรักษาสมดุลแห่งสามอาณาจักร แดนยมโลกก็ต้องการความช่วยเหลือและการคุ้มครองจากศาลสวรรค์เพื่อรักษาสังสารวัฏหกวิถีเช่นกัน

ตอนนี้ แดนยมโลกอยากสวามิภักดิ์ต่อศาลสวรรค์ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าจะเริ่มจากที่ใด ศาลสวรรค์จึงอยากแสดงความปรารถนาดีต่อแดนยมโลก ดังนั้น จึงมาหาทุกคนที่นี่และให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ยากลำบากที่เผ่าเวทอาจกำลังเผชิญอยู่เท่านั้น”

“ขอจอมเวทโปรดฟังข้าก่อน หากข้าพูดอะไรผิดไป ท่านก็ค่อยขับไล่ข้าออกไปได้ แต่หากสิ่งที่ข้าพูดถูกต้อง ข้าก็อยากขอให้จอมเวทโปรดพูดคุยกับข้าอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมาในวันนี้”

จากนั้นจอมเวทก็ถามว่า “เทพวารีประสงค์จะกล่าวอันใดหรือ?”

หลี่ฉางโซ่วมองไปที่จอมเวท สายตาจ้องมองของนางชัดเจน จริงจัง และเสียงของนางก็ทรงพลังยิ่ง คำพูดของเขาตอกตะปูลงบนหัว[1]ทันที! “ตอนนี้ ชาวเผ่าเวท…มีบุตรยากหรือไม่?”

พรึ่ด!

ทันใดนั้นจ้าวกงหมิงซึ่งกำลังดูเหตุการณ์ด้วยรอยยิ้ม ก็หันกลับมาและพ่นสุราออกมาเต็มปาก เกิดอันใดขึ้น? มันไม่ควรพูดเช่นนั้นใช่หรือไม่? หากชาวเผ่าเวทบ้าคลั่งและไล่พวกเขาออกไป พวกเขาย่อมจะเสียหน้าขนานใหญ่!

แต่ไม่คาดคิดว่า จอมเวทขมวดคิ้วและเผยแววลำบากใจออกมาในดวงตาเล็กน้อย แต่นางก็เงยหน้าขึ้นและถอนหายใจ สายตาของนางเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและอ้างว้างอย่างยิ่ง

“ท่านกล่าวได้ถูกต้อง”

เคราของจ้าวกงหมิงสั่นสะท้านทันที เขามองไปที่หลี่ฉางโซ่ว ซึ่งดูสงบและมั่นใจ เวลานี้ เขาไม่รู้จะวิพากษ์วิจารณ์เขาอย่างไร…

ใช่แล้ว ในท้ายที่สุด เขาก็เป็นคนที่น้องรองของเขาประทับใจมาก กระบวนการคิดของหลี่ฉางโซ่วแปลกมากจริงๆ

หลี่ฉางโซ่วผายมือทำท่าเชื้อเชิญ จากนั้นจอมเวทก็ค่อยๆ เดินไปข้างหน้าและนั่งหลังตรงลงบนหินที่หลี่ฉางโซ่วนำมา

หลี่ฉางโซ่วเชิญเหล่าผู้นำเผ่านับสิบของเผ่าเวทให้มานั่งข้างๆ เขา และทำให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์กลับมางานยุ่งวุ่นวายอีกครั้ง และไม่นานป่าก็ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมหวลของเนื้อสัตว์อีกครั้ง…

ทว่าเวลานี้ มันเงียบมาก มีเพียงเสียงนุ่มนวลของหลี่ฉางโซ่วและจอมเวท และยังมีเสียงร้อนฉ่าของเนื้อย่าง จ้าวกงหมิงฟังอย่างเงียบๆ จากด้านข้าง และไม่นานนัก เขาก็ได้เปิดประตูสู่โลกใบใหม่[2]…

หลี่ฉางโซ่วไม่หลีกเลี่ยงสิ่งใดและจริงจังมาก

เขาสอบถามเกี่ยวกับจำนวนการเปลี่ยนแปลงของสภาวะเจริญพันธุ์ จำนวนการเกิดที่พวกเผ่าเวทได้เคยประสบมาทุกๆ หนึ่งร้อยปีในช่วงหนึ่งหมื่นปีที่ผ่านมา เขายังถามถึงจำนวนคู่แต่งงานของเผ่าเวทในตอนนี้ ตลอดจนมาตรฐานระดับความรู้ความเข้าใจในเรื่องการสืบพันธุ์ของเผ่าเวท

นี่เป็นเรื่องหนึ่งของเผ่า สำหรับเผ่าแล้ว การสืบพันธุ์เป็นปัญหาที่ร้ายแรงและหนักหนาสาหัสอย่างยิ่ง แต่จ้าวกงหมิงก็อดจะปล่อยจินตนาการถึงเรื่องนี้ของเขาให้โลดแล่นไปไม่ได้ และรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย…

เขารู้สึกว่าหากน้องสาวของเขากลายเป็นคู่บำเพ็ญเต๋าของฉางเกิงในภายหน้า ก็จะไม่ใช่คู่บำเพ็ญเต๋าประเภทน้ำแกงใสไร้สีไร้รส[3] นางย่อมจะไม่เหงาอย่างแน่นอน…แล้วอีกอย่าง เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ แม้ฉางเกิงยังไม่สูงวัย แต่เขาก็รู้อะไรมากมาย

ในไม่ช้า จ้าวกงหมิงก็ฟังอย่างตั้งใจและจริงจังมากขึ้น

และเหตุการณ์ก็ดำเนินไปเช่นนั้นไปเรื่อยๆ

หลี่ฉางโซ่วพูดคุยกับจอมเวทแห่งเผ่าเวทเป็นเวลานาน พวกเขาล้วนคุยกันถึง “ปัญหาใหญ่” ที่เขาสามารถระบุออกมาได้อย่างรวดเร็ว และก่อนจะจากไป หลี่ฉางโซ่วก็ได้ทิ้งวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นเอาไว้ให้

เขาขอให้จอมเวทหาคู่รักเผ่าเวทที่มีสุขภาพดีสองร้อยคู่และทำตามแผนของเขา จากนั้นพวกเขาก็คอยสังเกตดูว่ามันจะได้ผลหรือไม่

หลังจากที่เขากลับมา เขาจะไปเยี่ยมเยือนที่ตำหนักครองคู่และแดนยมโลก เขาจะตรวจสอบต้นตอของปัญหาอย่างละเอียดถี่ถ้วนและเตรียมการติดตามผลหลังจากนั้น…

จอมเวทและผู้นำเผ่าเวทนับสิบคนต่างพากันขอบคุณเขาอย่างท่วมท้นทันที พวกเขายังให้ผลิตภัณฑ์พิเศษบางอย่างของเผ่าเวทกับเขาและยืนยันให้เขานำมาให้องค์เง็กเซียนได้ลิ้มลองด้วย…

ครั้งนี้เป็นอาหารพื้นเมืองแท้ๆ มันเป็นผลไม้หายากไม่เหมือนที่ใดซึ่งมีเฉพาะในดินแดนเทวะอุดรเท่านั้น มันแตกต่างจากอาหารพิเศษเฉพาะของเผ่าเวทในแดนยมโลกอย่างสิ้นเชิง!

ในระหว่างทางกลับบนเส้นทางเมฆ อาจารย์ลุงจ้าวกงหมิงก็ลังเลจะพูดอยู่หลายครั้ง และหลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง เขาก็ถามว่า “ฉางเกิง เจ้ารู้ถึงปัญหาเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ของเผ่าเวทมาก่อนล่วงหน้าหรือไม่?”

“ข้าไม่รู้” หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะและกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ ข้าได้ยินแต่ข่าวลือว่าพวกเผ่าเวทกำลังเสื่อมถอยลง แต่ข้าก็ไม่ได้คาดคิดว่ามันจะร้ายแรงถึงเพียงนี้

“พี่ใหญ่ ท่านยังเห็นได้อย่างชัดเจนเช่นกันว่า มีหมู่บ้านร้างจำนวนมากที่ชายป่าสนที่ปิดกั้นไอพิษซึ่งหมายความว่าหลังจากที่เผ่าเวทสกัดกั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ก็ยังมีจำนวนประชากรลดลงมากอย่างชัดเจน”

ในเผ่าที่เราไป มีเด็กทั้งหมดราวสิบกว่าคน และเด็กสิบกว่าคนเหล่านี้ล้วนมีวัยไล่เลี่ยกัน และไม่มีทารกแรกเกิดขึ้นมาใหม่เลย ตอนแรกข้าคิดว่า เผ่าเวทซ่อนทารกแรกเกิดเอาไว้ แต่เมื่อเด็กๆ เหล่านั้นมากินอาหาร ข้าก็พบปัญหาเล็กน้อยกับพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว…”

“ปัญหาเล็กน้อยอันใด?”

“สายเลือดของเผ่าเวทไม่บริสุทธิ์ พวกเขาเกือบจะเป็นมนุษย์เวท”

จ้าวกงหมิงเข้าใจในทันทีและกล่าวเสียงเบาว่า “หรือว่าจะไม่มีเผ่าเวทเลือดบริสุทธิ์อยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้ว?”

“อาจเป็นไปได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ข้าตัดสินใจจัดการอย่างมั่นคงในวันนี้ และข้าก็ไม่ได้ยืนยันสิ่งใด” หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “แผนเริ่มต้นที่ข้าให้พวกเขานั้น เป็นเพียงการเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์เท่านั้น เพราะใน ท้ายที่สุดแล้ว ข้าก็ไม่รู้ว่ามีใครวางแผนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หรือไม่ ข้ายังต้องสืบสวนให้ชัดเจน

ในบรรดาเผ่าเวทนั้น กว่าเก้าสิบเก้าในร้อยส่วน ล้วนไม่แข็งแกร่งพอที่จะดำรงชีพอยู่ตลอดไปได้ หากปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไข ก็อาจจะไม่มีเผ่าเวทอยู่บนพื้นดินหลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งหยวนฮุ่ย[4]”

จ้าวกงหมิงถอนหายใจและกล่าวว่า “เมื่อนึกย้อนไปในตอนนั้น เผ่าเวทi… ช่างเถิด เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย ทว่าฉางเกิง ดูเหมือนว่าจะมีภาพวังชิวกง[5]ในแผนของเจ้าอยู่บ้าง…”

หลี่ฉางโซ่วหันไปมองจ้าวกงหมิง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ เขาตกใจมากจนอดจะตะโกนไม่ได้ว่า “พี่ชาย ความจริงแล้ว ท่านสนใจเรื่องนี้หรือ?”

ใบหน้าของจ้าวกงหมิงแดงก่ำ “ไม่นะ ข้าไม่… ไม่นะ! เจ้าทำให้ความบริสุทธิ์ของข้าแปดเปื้อนเช่นนี้ได้อย่างไร!?!”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

หลี่ฉางโซ่วหัวเราะออกมาดังลั่น และจ้าวกงหมิงก็รู้ว่าเขาถูกหลอกและจะต่อสู้กับหลี่ฉางโซ่วด้วยความโกรธ ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วอยู่แล้ว เขาหยิบถุงเก็บสมบัติออกมาจากแขนเสื้อ

“วันนี้ข้าขอเสนอภาพวาดของสามสิบหกเทียนกังชิวสุ่ยไร้ร่องรอยให้ท่าน!”

“โอ้?”

จ้าวกงหมิงตกใจยิ่ง เขาหยิบภาพวาดขึ้นมาแล้วทั้งสองคนก็มองหน้ากัน จากนั้นจ้าวกงหมิงก็กล่าวอย่างจริงจังว่า “เรื่องนี้ มีเพียงฟ้ารู้ดินรู้เทพรู้ เจ้าและข้ารู้เท่านั้น”

หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าทันที “ห้ามให้เทพธิดาอวิ๋นเซียวได้เห็นเชียวนะ”

“แน่นอน!”

“ได้!”

จากนั้นพวกเขาทั้งสองจึงกลับมากลมเกลียวกันทันที พวกเขาเอาแขนโอบไหล่กันและกัน แล้วขี่เมฆไปยังดินแดนเทวะทักษิณ

ทันทีที่มาถึงเมืองอันสุ่ย พวกเขาก็เห็นแสงสีม่วงลอยออกมาจากทะเลทักษิณและหยุดตรงหน้าพวกเขา มันกลายเป็นนักพรตเต๋าร่างอวบท้วมเล็กน้อย คนผู้นั้นจ้องมองจ้าวกงหมิงและตะโกนใส่อย่างร้อนใจ

“ฮะฮ่า! ศิษย์น้องกงหมิง! เจ้า! เหตุใดเจ้าถึงใส่ใจศิษย์หลานของเจ้าเพียงนี้!?!”

จ้าวกงหมิงรู้สึกสับสนในขณะที่หลี่ฉางโซ่วก็สับสนเช่นกัน

เกิดอันใดขึ้น?

………………………………………………………………..

[1] พุ่งตรงเข้าที่ประเด็นสำคัญหรือจุดสำคัญหรือหรือพูดแทงใจดำ

[2] เปิดโลกทัศน์

[3] ชีวิตคู่ไม่จืดชืด

[4] ตามกฎของเต๋าสวรรค์ หนึ่งหยวนฮุ่ยคือ เวลาหนึ่งแสนสองหมื่นเก้าพันหกร้อยปี

[5] เหมือนที่เรียกกันว่าภาพวังวสันต์ เป็นภาพความเพลิดเพลินและความสุขทางเพศหรือการร่วมอภิรมย์

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท