ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – ตอนที่ 596 หมอเทวดาด้านวิชานรีเวช เทพวารี (3)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 596 หมอเทวดาด้านวิชานรีเวช เทพวารี (3)

หลี่ฉางโซ่วเลิกคิ้วและกล่าวว่า “การตั้งครรภ์ของสตรีเผ่าเวทนั้นไม่แน่นอน หากสตรีเผ่าเวทมีการตั้งครรภ์ที่ไม่แน่นอนเป็นจำนวนน้อย ก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นเพราะได้รับไอพิษในดินแดนเทวะอุดรซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพวกนาง

แต่ที่พวกนางทั้งหมดมีการตั้งครรภ์ที่ไม่แน่นอน และทุกอย่างเป็นเช่นนี้นั้น ย่อมต้องมีใครบางคนกำลังวางแผนร้ายอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน

มันเหลือเชื่อเช่นกันว่า ชาวเผ่าเวทจะไม่อาจหาสาเหตุได้หลังจากที่เวลาผ่านไปนานนับหมื่นปี”

ผู้นำเผ่าที่ติดตามเขามา ภายใต้คำสั่งของจอมเวทใหญ่ถอนหายใจและกล่าวออกมาเบาๆ ทันทีว่า “ท่านเทพวารี ความจริงแล้ว พวกเราก็เคยสงสัยเรื่องนี้มาก่อน ทว่าเราได้ลองพยายามใช้วิธีการต่างๆ มาทุกอย่างมากมายแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจหาต้นตอของปัญหาได้…”

“ไม่ต้องรีบร้อน ให้ข้าคิดดูก่อน” หลี่ฉางโซ่วกล่าว

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็เดินไปรอบๆ เผ่าก่อนจะพบก้อนหินขนาดใหญ่ในป่านอกเผ่าแล้วเขาก็นั่งลงบนก้อนหินนั้น

ขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วได้หยิบม้วนกระดาษ และหยิบพู่กันออกมาเพื่อเขียนความเป็นไปได้ต่างๆ ออกมาทีละรายการก่อนจะเริ่มวิเคราะห์พวกมันทีละรายการ

ในไม่ช้า เขาก็ปล่อยตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ออกมาสองสามตัว และใช้ “การถ่ายทอดสัมผัสเซียนรับรู้” และ “เครือข่ายสัมผัสเซียนรับรู้” ผ่านตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ แล้วสถานที่ที่เผ่าเวทอาศัยอยู่ทั้งหมดในเวลานี้ ก็ได้เข้ามาในหัวใจ[1]ของเขา

พื้นที่อยู่อาศัยของเผ่าเวททุกเผ่าถูกล้อมรอบไปด้วยป่าสนเหมันต์ปราณอุดร ซึ่งจะแยกแยะพวกเขา ได้ง่ายมาก…

แล้วสุดท้าย มันผิดตรงที่ใดกัน?

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วได้นึกถึงยาพิษเป็นอันดับแรก

จากนั้นเขาก็ขับเคลื่อนตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ให้รวบรวม “ผลไม้” และ “อาหาร” ที่เห็นได้ทั่วไปจากชนเผ่าสองสามเผ่า และเขายังได้เก็บตัวอย่างแหล่งน้ำจากที่ต่างๆ แล้วนำกลับมารวมกันไว้ที่ก้อนหินขนาดใหญ่ และกองเอาไว้รอบๆ หินนั้น

ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ร้องเรียก “อ๋าวอี่i?”

“อยู่นี่ขอรับ!”

อ๋าวอี่ซึ่งกำลังสังเกตสภาพแวดล้อมจากยอดไม้ ร่อนลงมาทันที เขาพลิกตัวแล้วกระโดดกลับมาอยู่ต่อหน้าหลี่ฉางโซ่ว

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็กล่าวว่า “เจ้าไปเอาน้ำมาถังหนึ่งจากบ่อน้ำที่อยู่ห่างออกไปสามลี้ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้”

“ขอรับ!”

อ๋าวอี่รับคำสั่งหนักแน่นและเพียงกระโดดออกไปได้ไม่กี่ครั้ง ก็หายตัวไปหลังจากนั้น

“หลงจี๋?”

“ท่านอาจารย์ ศิษย์อยู่นี่แล้วเจ้าค่ะ!”

“จงไปรวบรวมวัสดุที่ใช้ทำเสื้อผ้าบ่อยที่สุดในเผ่าเวทนี้ และจงพยายามทำให้ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด”

“เจ้าค่ะ ศิษย์จะไปเดี๋ยวนี้!” หลงจี๋รับคำ ชุดกระโปรงของนางปลิวไสวในขณะที่นางขี่ก้อนเมฆไปยังบ้านหินและกระโจมที่อยู่ไม่ไกล

“จ้าว!

แค่กๆ แค่กๆ!”

หลี่ฉางโซ่วรีบแก้ไขตัวเอง แล้วใช้ศอกปิดปากขณะกระแอมไอออกมาพักหนึ่งด้วยสีหน้าท่าทางดูกระอักกระอ่วนลำบากใจ

เขาตะโกนเรียก และจริงๆ แล้ว เขายังเริ่มบงการองค์เง็กเซียนด้วยซ้ำ!

จ้าวเต๋อจู้ยิ้มและกล่าวว่า “เทพวารี หากท่านประสงค์สิ่งใดก็โปรดบอกข้ามาเถิด”

“นี่…”

หลี่ฉางโซ่วทำได้เพียงเหนี่ยวรั้งตัวเองและกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพจ้าว ข้าได้แอบค้นหาสถานที่นี้อย่างลับๆ แล้ว และไม่พบร่องรอยของค่ายกลเวทเลย

ข้าจึงอยากขอให้ท่านช่วยค้นหาอีกครั้งได้หรือไม่? หวังว่าข้าจะไม่ละเลยและทำผิดพลาดบางอย่างไปเท่านั้น”

จ้าวเต๋อจู้ยิ้มพลางพยักหน้าแล้วขี่เมฆบินหายไป

หัววัวและหน้าม้าที่อยู่ข้างๆ ก็โน้มตัวเข้ามาข้างหน้าอย่างกระตือรือร้นพลางเอ่ยถามเบาๆ ว่า “ท่านเทพวารี แล้วจะให้พวกเราพี่น้องทำอะไรดี?”

“ลองชิมอาหารและน้ำทั้งหมดอย่างระมัดระวัง” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ข้าพิสูจน์ยืนยันแล้วว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีพิษ แต่นี่เป็นสำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์ ข้ายังสงสัยว่าพวกเผ่าเวทจะมีปฏิกิริยาพิเศษอันใดหรือไม่?”

“ได้!”

“ม่อ!”

หัววัวและหน้าม้าทำตามคำสั่งของเขาอย่างไม่ลังเลในทันที จากนั้นพวกเขาก็นั่งลงบนพื้นและเริ่มง่วนกับงาน

หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาสองสามคนก็กลับมา

หัววัวและหน้าม้าก็กวาดอาหารที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นำกลับมาด้วยในขณะที่หลี่ฉางโซ่วยังคงหยิบพู่กันขึ้นมาเขียนและวาดบนม้วนกระดาษ

อีกครึ่งชั่วยามต่อมา หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวว่า “พวกเขาล้วนไม่เป็นไร”

จากนั้นจ้าวเต๋อจู่ก็ร่อนลงมาจากฟากฟ้าเช่นกัน เขาขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ไม่มีร่องรอยของค่ายกลเวทใดๆ ที่นี่ และนอกจากนี้ยังไม่มีกระแสไหลเวียนของพลังวิญญาณที่สอดคล้องกับเต๋าค่ายกลเวท”

ทุกคนอดจะมองหน้ากันและกันไม่ได้ หลี่ฉางโซ่วมองไปที่ม้วนกระดาษที่เต็มไปด้วยตัวอักษรเล็กๆ ของเขาและพึมพำว่า “ดูจากรูปการณ์แล้ว ดูเหมือนว่ามันมีความจริงเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น”

หลงจี๋เอ่ยถามว่า “มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเผ่าเวทเองหรือไม่?”

“แล้วเหตุใดจึงเกี่ยวข้องเฉพาะกับการตั้งครรภ์เป็นพิเศษเท่านั้น?” หลี่ฉางโซ่วย้อนถาม

หลงจี๋ส่งเสียงพึมพำเบาๆ แล้วจึงจมจ่อมอยู่ในภวังค์แห่งความคิดลึกซึ้งอีกครั้ง

ที่ด้านข้างนั้น ผู้นำของเผ่าเวทรีบถามอย่างรวดเร็วว่า “ใต้เท้าเทพวารี หรือว่า บางทีพวกเขาจะใช้เวทชั่วร้ายบางอย่างที่น่ากลัวจริงๆ?”

“สิ่งที่เรียกว่า เวทชั่วร้ายนั้น สามารถตรวจสอบร่องรอยได้ พวกมันส่วนใหญ่จะไม่อาจแยกออกจากคาถาเวทและเต๋าค่ายกลสังเวยได้”

หลี่ฉางโซ่วยกมือขึ้นและผลักออกไปข้างหน้า จากนั้นม้วนกระดาษก็ค่อยๆ บินออกไปข้างหน้าและถูกห่อหุ้มด้วยเพลิงสมาธิแท้ แล้วในพริบตา มันก็กลายเป็นเถ้าถ่าน

เขากล่าวช้าๆ ว่า “ปัญหาอยู่ที่เผ่าเวทแห่งดินแดนเทวะอุดรทั้งหมด และหากเป็นคำสาปก็ยากที่จะกำหนดเป้าหมายไปยังพื้นที่ขนาดใหญ่เช่นนี้ได้

ไม่ว่าปราณวิญญาณของเผ่าเวทจะอ่อนแอเพียงใด พวกเขาก็ย่อมจะสัมผัสถึงมันได้ ข้าจึงพอสรุปได้ว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับค่ายกลเวทอย่างแน่นอน”

อ๋าวอี่กล่าวว่า “ทว่าข้าก็ได้ตรวจสอบสถานที่นี้หลายครั้งแล้ว และไม่พบว่ามีร่องรอยของค่ายกลเวทเลย”

ทันใดนั้นดวงตาของจ้าวเต๋อจู้ก็สว่างวาบขึ้น เขาและหลี่ฉางโซ่วแทบจะกล่าวออกมาพร้อมๆ กันว่า

“เส้นชีพจรปฐพี!”

ครึ่งวันต่อมา หลี่ฉางโซ่วและจ้าวเต๋อจู้ กำลัง “ลอย” อยู่หกพันจั้ง ลึกลงไปในใต้ดินของดินแดนเทวะอุดร

บัดนี้ พวกเขาอยู่ในรอยแยกใต้ดิน ในขณะนั้น พวกเขากำลังมองดูเส้นชีพจรปฐพีเบื้องล่างที่เปล่งแสงเรืองรองออกมาบางเบา เส้นทางเป็นเสมือนธารน้ำแข็ง ดูคดเคี้ยวและขรุขระ ไม่มีผู้ใดรู้ได้ว่า มันจะนำไปสู่ที่ใด

“ฝ่าบาท นี่เป็นเส้นชีพจรเส้นเดียวที่ปรากฏภายใต้สี่เผ่าใหญ่ของเผ่าเวท” หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ฝ่าบาทอยากไปตรวจสอบกับเทพน้อยจริงๆ หรือ?”

“แน่นอน!”

จ้าวเต๋อจู้ ยิ้มและกล่าวว่า “ฉางเกิง เจ้าเป็นมือขวาของข้า ความจริงแล้ว เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องไปด้วยตัวเอง

เป็นเพียงว่าศาลสวรรค์มีคนที่สามารถใช้ได้ไม่มากนัก ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แล้วร่างจำแลงของข้าจะเสี่ยงไปพร้อมกับร่างจำแลงของขุนนางของข้าไม่ได้หรือ?”

หลี่ฉางโซ่วถึงกับพูดไม่ออก

หากเขาไม่รู้ว่า ปกติแล้ว ร่างจำแลงอันดับหนึ่งขององค์เง็กเซียนทำอะไรบ้าง เขาก็คงจะเชื่อคำพูดขององค์เง็กเซียนจริงๆ!

ในเมื่อเขากำลังแสวงหาความตื่นเต้น เขาจึงทุ่มสุดตัวเต็มกำลัง

“ฝ่าบาท เช่นนั้น ลองค่อยๆ ลอบค้นหาเส้นชีพจรปฐพีอย่างลับๆ แล้วดูว่า สุดท้ายแล้ว พวกเราจะจับปลาตัวใหญ่ชนิดใดได้บ้าง”

………………………………………………………………..

[1] หมายความว่าได้รับรายละเอียดทั้งหมดของบางสิ่งบางอย่างเข้ามาได้อย่างสมบูรณ์

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท