บทที่ 652 ข้า เทพวารี ข้าไม่ร่วมมือกับตี้จั้งอย่างแน่นอน (1)
มึนงง ความรู้สึกในใจของตึ้จั้งเวลานี้ ไม่มีอะไร นอกจากเพียงคำสองคำคือ มึนงง
แผนอุบายฉาบฉวยในการหว่านความขัดแย้งของเทพวารีนั้นง่ายมาก เหล่าปีศาจถูกไอปีศาจบดบังจนหน้ามืดตามัวไปแล้วหรือไม่? พวกมันเชื่อเรื่องนั้นได้อย่างไร?
แผนการกำลังวนเวียนไปรอบๆ เหล่าปีศาจในเวลานี้…
สีหน้าของตึ้จั้งมืดมนอย่างยิ่ง ในขณะนั้นเขาก้มศีรษะลงมองดูฝ่ามือของเขา ดูเหมือนว่ามันจะมีเลือดไหลซึมออกมา
ตึ้ทิงกล่าวเสียงทุ้มจากในใจลึกๆ ว่า “ในขณะนี้ เหล่าปีศาจในสำนักตู้เซียนถูกศาลสวรรค์ เผ่ามังกร และเผ่าเวทปิดล้อมเอาไว้ และความเกลียดชังในใจของพวกเขาส่วนใหญ่ก็ได้พุ่งตรงมาที่ท่าน นายท่าน
พวกเขาคิดว่าท่านและเทพวารีได้วางแผนร้ายกับพวกเขา
จากคำสั่งที่ทหารสวรรค์ได้รับ ย่อมบ่งบอกให้เราได้รู้ว่าเทพวารีได้สั่งให้พวกเขาเข้าปิดล้อมพวกปีศาจเหล่านี้และปล่อยให้พวกมันได้มีที่ว่างเป็นทางหลบหนี
ในเวลานี้ ปรมาจารย์ทั้งสิบสามที่ท่านอาจารย์ส่งมาก็ได้แยกย้ายหนีไปแล้วเช่นกัน และพวกเขาก็ไม่ได้ต่อสู้เป็นเวลานาน…”
ตึ้จั้งค่อยๆ กำหมัดแน่นแล้วกล่าวเสียงเบาว่า “ไม่เป็นไร เรื่องนี้ยังมีทางให้พลิกกลับ เปลี่ยนแปลงได้
ใช้พลังเวทเพื่อบอกเหวินจิงและคนอื่นๆ ให้สกัดกั้นและเข่นฆ่าพวกปีศาจที่หลบหนีไปได้!
ไม่ เราไม่อาจ… ตกหลุมพรางของเทพวารีได้!
เขาจะต้องรออยู่ที่นี่อย่างแน่นอน ผลึกบันทึกเหตุการณ์ก็เพียงพอสำหรับปีศาจที่จะยืนยันเรื่องนี้แล้ว!”
ตี้ทิงยังคงฟังต่อไป แสงสีเขียวกะพริบวิบวับไปทั่วร่างของมัน เห็นได้ชัดว่า มันได้เปิดใช้พลังเวทอย่างเต็มที่
มีข่าวหลายชิ้นจากปากของตี้ทิงดังขึ้นในใจของตี้จั้ง…
“กองทัพปีศาจที่กำลังปิดล้อมสำนักเซียนเซียวเหยานั้นสิ้นหวังแล้ว และคาดว่า บางทีพวกเขาทั้งหมดคงจะถูกกวาดล้างสิ้นซากไปแล้ว
ผู้ฝึกบำเพ็ญจำนวนมากจากสำนักเซียนใหญ่สิบสองแห่งของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยได้บินออกไปและพวกเขาก็ได้มาถึงสำนักเซียนเซียวเหยาแล้ว
ในเวลานี้ มีสำนักเซียนอย่างน้อยๆ หลายร้อยแห่งในดินแดนเทวะมัชฌิมาได้ส่งผู้ฝึกบำเพ็ญให้รีบไปยังสำนักเซียนเซียวเหยา”
“นายท่าน เทพวารีได้ไปช่วยเหลือที่สำนักเซียนเซียวเหยา”
“กลุ่มปีศาจที่เราจัดวางไว้ในดินแดนเทวะทักษิณได้ถูกกวาดล้างไปเรียบร้อยแล้ว… นายท่าน”
ตี้จั้งที่กำลังครุ่นคิดอยู่ เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “อย่างไรกัน?”
ตี้ทิงกล่าวว่า “หากมองจากมุมมองของคนนอก ครั้งนี้ มันดูคล้ายกับว่า ท่านได้ร่วมมือกับเทพวารีเพื่อวางอุบายทำร้ายเผ่าปีศาจจริงๆ”
“ไม่เป็นไร ข้าจะไปอธิบายให้พวกเผ่าปีศาจโบราณเหล่านั้นฟังในภายหลัง ข้าสามารถอธิบายให้กระจ่างชัดเจนได้”
ตี้จั้งกระตุกมุมปากเล็กน้อยและกล่าวต่อว่า “ครั้งนี้ ข้าประเมินความแข็งแกร่งของเทพวารีต่ำไปจริงๆ
เขาน่าจะวางสายลับเอาไว้ในหมู่ปีศาจและวางกับดักในสำนักตู้เซียนเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว
หากข้าคาดไม่ผิด เขาเป็นคนเชิญให้สำนักเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยเคลื่อนไหว ไม่เว้นแม้แต่ทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์ด้วยเช่นกัน
ในแผนการนี้ ทั้งเขาและข้ามีแพ้มีชนะกัน ก็แค่แบ่งกันครึ่งต่อครึ่ง”
ตี้ทิงหัวเราะหึๆ เบาๆ และกล่าวว่า “นายท่าน ท่านช่างหน้าหนาอย่างลึกล้ำทีเดียวเมื่อท่านไม่ยอมรับความพ่ายแพ้”
“หึ!”
ตี้จั้งหันศีรษะไปอย่างไม่สนใจ ทว่าเขาก็รู้สึกถึงสัญญาณอันตรายอยู่ในใจ และจู่ๆ เขาก็นึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้
“เร็วเข้า! รีบแจ้งเหวินจิงและคนอื่นๆ ว่าอย่าเริ่มไปสกัดกั้นเหล่าปีศาจที่หลบหนี!
พวกเขาวางแผนต่อต้านเทพวารีไม่ได้!”
เพียงขณะที่ตี้ทิงกำลังจะร่ายเวท หูกลมๆ ของมันก็แกว่งไปมาและมันก็พึมพำออกมาว่า “สายไปแล้ว นายท่าน มีพวกเขาสองสามคนได้ลงมือโจมตีแล้ว”
ใบหน้าของตี้จั้งซีดลงอย่างมากทันที
เมื่อไม่นานมานี้ ที่มุมตะวันตกเฉียงเหนือของดินแดนเทวะบูรพา ธารแสงและลมปีศาจพัดผ่านมาและพวกมันก็รีบพุ่งหนีไปทางดินแดนเทวะอุดร
พวกมันทั้งหมดล้วนเป็นปรมาจารย์เผ่าปีศาจที่หนีมาจากสำนักตู้เซียน ห่างออกไปหลายหมื่นลี้ ยังคงมีทหารปีศาจจำนวนมากกระจัดกระจายอยู่ทั่ว และพวกมันก็ถูกบรรดาทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์ตามเก็บเกี่ยวชีวิตอย่างบ้าคลั่ง
น่าเสียดายที่ปีศาจเฒ่าสองสามตนและราชาปีศาจกว่าสิบตนที่หนีไปได้เร็วที่สุดนั้น ในขณะนี้พวกมันทั้งหมดได้ตายที่นี่ไปแล้ว
ในกลางอากาศนั้น ร่างที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลของผู้บำเพ็ญเหวินจิงได้โน้มกายไปข้างหน้า เสี้ยวพลังโลหิตรอบกายนาง ไหลวนเวียนไปรอบกาย และมีหยดเลือดหยดหนึ่งค่อยๆ ไหลออกมาช้าๆ ตามปลายนิ้วเรียวยาวราวหยกของนาง…
ที่ด้านหน้าของนาง ร่างของราชสีห์ขนทองซึ่งมีขนาดยาวหลายสิบจั้งได้เริ่มพังทลายลง มันกลายเป็นเถ้าธุลีเต็มไปทั่วท้องฟ้าและสลายหายไปในสายลมโชย
“อืม~”
ใบหน้าสะคราญของผู้บำเพ็ญเหวินจิงแดงขึ้นเล็กน้อยเมื่อกล่าวว่า “พลังปราณต้นกำเนิด[1]ของข้าบางส่วนได้รับบาดเจ็บเสียหายจากเทพวารี เจ้าสารเลวนั่น และข้าเพียงอยากใช้เจ้าเพื่อชดเชยเติมเต็มได้”
ร่างเงาสีดำหลายร่างบินมาจากด้านข้างและกลายเป็นบุรุษรูปงามสี่หรือห้าคนและสตรีงดงามที่มีลักษณะดูเหมือนคนเจ้าเล่ห์หลอกลวงยิ่งโนเวลพีดีเอฟ
บุรุษร่างกำยำผู้หนึ่งกล่าวว่า “ฆ่าทุกคนที่อยู่เหนือขอบเขตเซียนเทียน ส่วนเหล่าปีศาจน้อยที่เหลือนั้นไม่สำคัญ ไม่ต้องพูดอะไรมาก”
“ตี้จั้งผู้นี้ก็ไว้ใจไม่ได้เช่นกัน”
สตรีผู้มีใบหน้าดุจอสรพิษแค่นเสียงกล่าว
“เขายังต้องการให้เราสะสางความวุ่นวายของเขา เขาบอกว่าเขาจะกดดันเหล่าปีศาจและทำให้พวกมันยอมจำนนต่อสำนักบำเพ็ญประจิมอย่างง่ายดาย…
ข้าคิดว่า มันอาจจะจริงอย่างที่พวกเผ่าปีศาจพูด เขากำลังแอบสมคบคิดวางแผนกับเทพวารีอย่างลับๆ และพวกเขาทั้งสองคนต่างก็ส่งเสริมซึ่งกันและกันทั้งสองฝ่าย”
“ทุกคน จงระวังคำพูดและการกระทำของพวกเจ้าด้วย”
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงเช็ดริมฝีปากสีแดงของนางและกล่าวอย่างสงบว่า “ยังมีที่สำหรับเราในโลกนี้ อย่าขออะไรเพิ่มอีก กลับไปเสีย เผ่ามังกรมาที่นี่แล้ว”
ร่างเหล่านั้นพยักหน้าและใช้พลังเวทของพวกเขาเพื่อหายตัวไป
บนท้องฟ้า มังกรครามหลายสิบตัวได้พุ่งผ่านและไล่ล่าตามเหล่าปีศาจที่กำลังหลบหนี…
ไม่นานหลังจากนั้น ในภูเขาวิญญาณ
ตี้จั้งกระแทกกำปั้นลงไปกับพื้นดินและกัดฟันพลางกล่าวว่า “เจ้าทำลายแผนของข้า!”
ตี้ทิงที่อยู่ข้างๆ ไม่ได้ฉวยโอกาสเยาะเย้ยเขา แต่มันกลับเริ่มตรวจสอบสภาพแวดล้อมไปทุกที่อย่างต่อเนื่องและปฏิบัติตามคำสั่งของตี้จั้งเพื่อสืบหาส้นเท้า[2]ของเทพวารีแทน
นั่นเป็นทางเดียวที่พวกเขาจะกอบกู้สถานการณ์ที่แย่ลงได้
ทว่าตี้ทิงก็ยังไม่สามารถหาแหล่งที่มาของข่าวการโจมตีของปีศาจในบรรดาศิษย์ของสำนักตู้เซียนที่หนีไปก่อนล่วงหน้าได้ และจากที่นั่น มันก็ได้พบส้นเท้าของเทพวารี แล้วก็ได้ข่าวดีมาหนึ่งและยังมีข่าวตามมาติดๆ เรื่อยๆ…
“นายท่าน ตอนนี้ร่างที่ทรงพลังยิ่งใหญ่ของเผ่าปีศาจเพิ่งปรากฏตัวขึ้นในดินแดนเทวะอุดร และขู่ว่าจะสะสางบัญชีแค้นกับท่านแล้ว”
“นายท่าน จอมพลเฒ่าแห่งศาลปีศาจโบราณผู้หนึ่งได้กล่าวว่า ครั้งนี้พวกเขาถูกท่านและเทพวารีวางแผนทำร้าย
พวกเราและเทพวารีต่างมีเป้าหมายของตัวเอง เรากำลังพยายามวางแผนเพื่อจะได้รับพลังอำนาจของเผ่าปีศาจ และเทพวารีก็กำลังพยายามส่งเสริมพลังอำนาจยิ่งใหญ่น่าเกรงขามแห่งศาลสวรรค์”
“นายท่าน…”
ตี้จั้งก่นด่าสาปแช่งอยู่ในใจ “พวกมันไม่กล้าไประบายไฟโทสะที่ศาลสวรรค์และสำนักบำเพ็ญเต๋า แต่พวกมันกลับทิ้งไฟโทสะทั้งหมดลงมาบนหัวข้า!
คิดว่าสำนักบำเพ็ญประจิมจะปล่อยให้ถูกรังแกกันได้จริงๆ หรือ?! เจ้าสารเลว!”
จากนั้นตี้ทิงก็ได้ยินอะไรบางอย่างอีกครั้ง แล้วมันก็ตัวสั่นเล็กน้อย
“พูดมา!”
………………………………………………………………..
[1] พลังแรกเริ่มของร่างกายและชีวิต
[2] ร่องรอย ที่มาหรือภูมิหลัง