บทที่ 59 การหลอกลวงของแม่เฉา
บทที่ 59 การหลอกลวงของแม่เฉา
“เจ้าพวกเด็กเวร เด็กสารเลว กล้าโต้ตอบข้าอย่างนั้นหรือ พวกเจ้าอยากจะทำร้ายอาสะใภ้ญาติของพวกเจ้าหรือ หมาป่าตาขาวฆ่าสวรรค์ เจ้ายังจะต่อต้านสวรรค์อีก! สวรรค์ช่วยข้าด้วย!” แม่เฉาในตอนนี้ไม่ยอมลุกขึ้น กลับนอนอยู่บนพื้นเอะอะโวยวายเกลือกกลิ้งไปมา
แม่เฉายังมีแรงส่งเสียงร้องตะโกนโหวกเหวก แสดงว่าอาการบาดเจ็บของนางนั้นไม่หนักมาก! กู้เสี่ยวหวานพ่นลมหายใจเย็นชา จูงมือกู้เสี่ยวอี้ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งมองแม่เฉาที่แสดงละครอยู่บนพื้นอย่างเย็นชา
เสียงของแม่เฉาดึงดูดบรรดาชาวบ้าน ทุกคนต่างพากันเดินเข้ามาใกล้
เมื่อแม่เฉาเห็นพวกชาวบ้านห้อมล้อมเข้ามาก็ยิ่งแสดงออกมาอย่างสุดกำลัง พร้อมกับถือโอกาสนั่งแช่ไม่ยอมลุกขึ้น “พวกเจ้ารีบมาตัดสินเร็ว เจ้าเด็กเวรพวกนี้จะทำร้ายอาสะใภ้ญาติของตัวเอง! เด็กหลายคนรังแกข้าคนเดียว และยังผลักข้าลงไปอีก! สวรรค์ ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว…ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว”
แม่เฉานั่งอยู่บนพื้นร้องคร่ำครวญเสียงดัง น้ำเสียงทั้งยาวทั้งแหลม สองมือตบตีหัวเข่าตัวเองไม่หยุดและตะโกนร้องไห้ออกมา นางใช้ชีวิตเหมือนกับผู้หญิงปากร้ายที่อยู่ในหมู่บ้านคนหนึ่ง
กู้หนิงผิงเห็นแม่เฉาเอะอะโวยวาย ไม่แยกแยะที่มาที่ไปและยังพูดจาเหลวไหลอยู่ที่นี่ เขาจ้องมองไปที่แม่เฉาอย่างโกรธเคือง
กู้หนิงผิงรังเกียจแม่เฉาคนนี้มากจริง ๆ รังเกียจเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากที่ท่านปู่กับท่านย่าจากไปในปีนั้น นางก็ไล่ท่านพ่อกับท่านแม่ออกจากบ้าน ตอนนี้ก็ยังเป็นสตรีผู้นี้อีกที่รังแกเด็กไม่มีพ่อแม่อย่างพวกเขา และยังฉวยโอกาสนินทาใส่ร้ายพวกเขาอยู่ที่นี่ “ข้าไม่ได้ทำ เป็นนางที่ล้มลงไปเอง!”
เมื่อแม่เฉาเห็นกู้หนิงผิงพูดความจริงออกมา ก็ยิ่งไม่ยอมรับ “เจ้าเด็กสารเลว….” ขณะที่นางกำลังจะด่า นางก็เห็นกู้เสี่ยวหวานยืนสงบนิ่งอยู่ที่นั้น ท่าทางของนางไม่ได้อยู่ในใจคนอื่นมาตั้งแต่ต้น
“เจ้า….เป็นเจ้าใช่หรือไม่ที่ให้กู้หนิงผิงผลักข้า!” แม่เฉาชี้ไปทางกู้เสี่ยวหวาน แล้วพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แสบแก้วหู
กู้เสี่ยวหวานถอนหายใจ แต่กลับเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทางที่แสร้งทำเป็นไม่มีความผิด “ท่านอาสะใภ้ ท่านเข้าใจข้าผิดแล้ว เป็นท่านเองที่อยากจะดูว่าในตะกร้านั้นมีอะไร แต่ท่านเดินเร็วเกินไปจึงทำให้หกล้ม”
เดิมทีวันนี้กู้เสี่ยวหวานรู้สึกผ่อนคลายเป็นพิเศษ แต่เมื่อครู่นี้แม่เฉาได้กลิ้งไปกลิ้งมาพลางเอะอะโวยวายด่าพวกเด็ก ๆ จนทำให้นางรู้สึกอึดอัด อาสะใภ้สามคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าชาวบ้านช่างไม่ไว้หน้าครอบครัวเลยสักนิด พฤติกรรมเช่นนี้ทำให้คนอื่นรู้สึกอึดอัดจริง ๆ
แต่โชคดีที่นางไม่ใช่กู้เสี่ยวหวานคนก่อนแล้ว ภายในใจก็ไม่ถือว่าแม่เฉาเป็นญาติอีกต่อไป และมันก็ไม่สำคัญอะไร
แต่สาเหตุเป็นเพราะภายนอกนางก็ยังเป็นอาสะใภ้สามของกู้เสี่ยวหวาน กู้เสี่ยวหวานจึงไม่อยากเข้าไปพัวพันกับนางมาก หากในวันนี้นางไม่เคารพต่ออาสะใภ้สาม เกรงว่าคนทั้งหมดในหมู่บ้านคงจะต่อว่านาง
ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้ยังเป็นแม่เฉาเองที่แกว่งเท้าหาเสี้ยน เหตุใดกู้เสี่ยวหวานจะไม่แสดงละครกับนางจนจบเล่า แม่เฉาเสแสร้งได้ นางก็ยิ่งเสแสร้งได้เหมือนกัน
“ท่านพี่ ข้ากลัว ฮือ ฮือ…!” กู้เสี่ยวอี้ดึงชายเสื้อกู้เสี่ยวหวาน พลางมองท่าทางที่ชั่วช้าสามานย์อย่างสุดขีดของแม่เฉา นางหวาดกลัวจนตัวสั่นขึ้นมา
ชั่วพริบตาหนึ่ง กู้เสี่ยวหวานเห็นเงาเล็ก ๆ นั้น หัวใจของกู้เสี่ยวหวานก็อ่อนยวบ เพราะญาติของตัวเองกำลังรังแกเด็กที่ไม่มีพ่อแม่
แต่กู้หนิงผิงและกู้หนิงอันทั้งสองคนกลับจ้องมองแม่เฉาที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้นด้วยความไม่พอใจ พวกเขาเกลียดนางจนกำหมัดแน่น กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าหากแม่เฉายังคิดกระทำการใดอีก น้องทั้งสองคนของนางจะต้องควบคุบตัวเองไม่ไหวอย่างแน่นอน และคงจะพุ่งไปทุบตีแม่เฉาทันที
แต่กู้เสี่ยวหวานกลับไม่คิดเช่นนั้น เด็กที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่ จะไปรังแกผู้อื่นขนาดนั้นเชียวหรือ?
“ดีแต่รังแกเด็กที่ไม่มีพ่อมีแม่อย่างพวกเราใช่ไหม ท่านเป็นถึงอาสะใภ้ไม่คิดว่าจะใส่ร้ายหลานชายหลานสาวเช่นนี้ ชาวบ้านทุกคนจงดูเอาไว้ อาสะใภ้สามอยากจะให้พวกข้าตาย!” หนังสือวางกลอุบายในชาติก่อนเหล่านั้น กู้สี่ยวหวานอ่านมาไม่น้อย อ่านหนังสือมาก็หลายปี ยังจะหลอกลวงแม่เฉาคนนี้ไม่ได้เชียวหรือ
แม่เฉานึกไม่ถึงว่ากู้เสี่ยวหวานจะตะโกนโวยวายออกมาเช่นนี้จึงทำให้นางตกใจไปชั่วขณะหนึ่ง เสียงที่ร้องโหยหวนนั้นมีเสียงหัวเราะขมขื่นอยู่จางเจือ
พวกชาวบ้านล้วนบริสุทธิ์มาก ทั้งไม่มีเล่ห์เหลี่ยมกลอุบายใด ๆ และไม่ได้ทราบถึงสภาพความเป็นจริงภายนอก แม้เด็กเล็กจะซนมากแค่ไหน แต่ทุกคนล้วนซื่อสัตย์มาก ดังนั้น เมื่อคนในหมู่บ้านได้ฟังกู้หนิงผิงกับกู้เสี่ยวหวานพูดว่าแม่เฉาเดินเร็วเกินไปจึงทำให้นางหกล้มลงไปเอง พวกเขาก็เชื่อแล้ว
พวกชาวบ้านบางคนที่ไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตประจำวันของแม่เฉาจึงไม่ค่อยชอบแม่เฉานัก
แม่เฉาชอบไปทั่วทุกที่ เพียงครอบครัวไหนเกิดเหตุการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้นางรู้ คนในหมู่บ้านก็จะรู้อย่างรวดเร็ว จนทำให้พวกชาวบ้านบางส่วนลืมตาอ้าปากไม่ได้ พร้อมกับในใจนึกรังเกียจแม่เฉาแทบตาย คราวนี้แม่เฉาใส่ร้ายพวกเด็ก ๆ อยู่ที่นี่ จะทำให้แผนชั่วของแม่เฉาสำเร็จได้อย่างไรเล่า
ฉะนั้น พวกชาวบ้านที่เคยถูกแม่เฉาย่ำยีมาก่อน ล้วนพากันคอยจับผิดแม่เฉา
“แม่เฉา เกิดอะไรขึ้น? โมโหอะไรกับพวกเด็ก ๆ ล่ะ!”
“นั่นสิ นั่นสิ” ผู้ใหญ่คนหนึ่งรังแกพวกเด็กที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่ จะเชื่อได้อย่างไรล่ะ!
เหล่าสตรีในหมู่บ้านที่เคยสนิทสนมกับแม่เฉามาก่อน ขณะนี้ก็ยืนอยู่ในกลุ่มผู้คน พากันยื่นหน้ามองท่าทางจนตรอกของแม่เฉา
“นั่นสิ ทั้งยังเป็นอาสะใภ้อีก ยังเทียบไม่ได้กับคนนอกหนึ่งคนเลย” มีคนพูดแทรกขึ้นมา
“นั่นสิ พวกเด็กเหล่านี้ไม่มีพ่อไม่มีแม่ ก่อนหน้านี้ก็น่าสงสารมากพอแล้ว แม่เฉาคนนี้ไม่ช่วยพวกเด็กเหล่านี้แล้วมาเป็นบ้าอะไรอยู่ตรงนี้อีก”
“เจ้าเด็กเวร เจ้าร้องเสียงดังอะไร?” แม่เฉาขมวดคิ้ว “เจ้าพูดพล่ามอะไร เจ้าไม่กลัวขายหน้าคนที่นี่หรืออย่างไร?”
ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ แม่เฉารู้สึกเสียหน้าไปหมดแล้ว แต่สำหรับคนในยุคนี้แล้ว เรื่องเสียหน้าเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แม่เฉาคิดว่านางได้เปรียบกว่า แต่กลับไม่คิดเลยว่า กู้เสี่ยวหวานคนนั้นที่พูดเพียงแค่ไม่กี่คำจะทำให้พวกชาวบ้านมองนางเป็นอีกด้าน
แม่เฉาในตอนนี้ยังนั่งอยู่บนพื้น และท่าทางร้องห่มร้องไห้ก็ดูเหมือนภูตผีปีศาจ เหมือนกับผู้หญิงปากร้ายที่เคยทะเลาะกับพวกชาวบ้านมาก่อน ผมเผ้ายุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิง ทั่วร่างเต็มไปด้วยฝุ่นละออง
กู้เสี่ยวหวานมองดูท่าทางจนตรอกนั้นของแม่เฉาก็หัวเราะออกมา พร้อมกับชี้ไปที่แม่เฉาตั้งแต่หัวจรดเท้า “อาสะใภ้สาม ขนาดท่าทางนี้ของท่าน ท่านก็ไม่กลัวจะเสียหน้า แล้วข้าจะกลัวอะไรล่ะ ครอบครัวพวกเราล้วนเป็นเช่นนี้ ถึงอย่างไรพ่อแม่ของพวกข้าก็ตายไปแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่เด็กอย่างพวกเราสี่คนแล้ว”
นางเข้าใจว่าแม่เฉาคนนี้เป็นคนที่ดูดีแต่ภายนอก แต่ข้างในกลวงโบ๋คนหนึ่งมานานแล้ว และไม่มีอะไรดีเลยนอกจากลิ้นยาว ๆ ของนาง
สิ่งที่นางกระทำนั้นช่างใจดำอำมหิตเป็นอย่างมาก กู้เสี่ยวหวานจะไม่ทำอะไรเลยได้อย่างไร?
ก็แค่อาสะใภ้คนหนึ่ง ไม่ใช่ท่านพ่อท่านแม่ของนางสักหน่อย เหตุใดถึงต้องเคารพคนเช่นนี้ด้วย?
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เจอสวนกลับเป็นไงบ้างแม่เฉา ลุกขึ้นเถอะ อยู่ต่อไปก็อายตัวเองเปล่า ๆ
ไหหม่า(海馬)