บทที่ 83 ปะทะฝีปากกับกู้ซินเถา
บทที่ 83 ปะทะฝีปากกับกู้ซินเถา
ทันทีที่กู้ซินเถาเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานยังมีชีวิตอยู่ ความกลัวในวันนั้นนางก็ได้สลายไปแล้วทั้งหมด นางจำได้เพียงเป็นเพราะว่ากู้เสี่ยวหวานเลยทำให้ตนเองกินไม่ได้นอนไม่หลับ และนอนฝันร้ายตลอดคืน ทั้งหมดนี้ต้องโทษว่ามันก็เป็นเพราะญาติผู้น้องคนนี้!
“ดูเหมือนว่าจะมีคนอยากให้ข้าตายสินะ แต่ถ้าข้าตายจริง เกรงว่าจะทำให้เจ้ามีชีวิตอยู่ไม่สู้ตายเสียดีกว่าเหมือนกัน!” กู้เสี่ยวหวานไม่รู้ว่ายุคสมัยนี้มีกฎหมายอย่างไรบ้าง กู้ซินเถาอายุเพียงสิบสี่ปี ทำคนตายก็น่าจะไม่ได้รับโทษหนักกระมัง
กู้ซินเถาคนนี้เป็นคนหยิ่งทะนง และเห็นแก่ตัวเหมือนกับแม่ซุนผู้เป็นมารดาของตน ถ้าคนอื่นมองมาก็คงจะมองว่ากู้ซินเถานั้นอารมณ์รุนแรงไปนิด ใจแคบไปหน่อย หยิ่งผยองเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ทำเรื่องโหดร้ายอะไร แต่ถ้าให้กู้เสี่ยวหวานพูด กู้ซินเถาที่เป็นคนผลักกู้เสี่ยวหวานตกน้ำลงไปตายจริง ๆ กู้เสี่ยวหวานที่ถูกกระทำจนตกลงปรโลกยังไม่ได้รับความเป็นธรรมเลย!
อีกทั้งทันทีที่กู้ซินเถาเห็นตน นางก็ไม่กลับตัวกลับใจ กลับทำตัวยิ่งร้ายกาจยิ่งกว่าเดิม ฝีปากก็ยิ่งด่าทอกู้เสี่ยวหวานร้ายกาจมากกว่าเดิมด้วยเช่นกัน ดังนั้นเด็กสาวคนนี้เนื้อแท้แล้วก็คือคนชั่วคนหนึ่ง
“เจ้า…พูดเพ้อเจ้ออะไรไม่ทราบ! เสียสติไปแล้วหรืออย่างไรถึงได้พูดจาเรื่อยเปื่อยแบบนี้!” กู้ซินเถาเมื่อได้ยินกู้เสี่ยวหวานบอกว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ไม่สู้ก็ตาย ก็รีบสวนกลับไปในทันที ใบหน้าเล็ก ๆ ราวกับดอกไม้ขึ้นสีขาวสลับแดง ตากะพริบถี่เร็วการพูดตะกุกตะกัก
“เจ้าต่างหากที่พูดเหลวไหล!” กู้เสี่ยวอี้เองก็แทรกเข้ามาในการทะเลาะนี้ด้วยเช่นกัน นางเป็นคนเห็นพี่สาวที่รักที่สุดถูกผลักตกไปในน้ำ เหตุการณ์ครั้งนั้นกู้เสี่ยวอี้ไม่มีทางลืม และก็ไม่กล้าลืมด้วยเช่นกัน คนชั่วแบบนี้ จริง ๆ สามารถฆ่าให้นางตายยังได้เลย!
“สาวน้อย ปากน่ะช่วยพูดให้มันดี ๆ หน่อย!” กู้ซินเถาเห็นกู้เสี่ยวอี้ชี้นิ้วมาที่ตัวเอง ปากก็ยิ่งไม่ดียิ่งขึ้น สายตาวาวโรจน์ของนางจ้องมองกู้เสี่ยวอี้อย่างดุร้าย
“ใครกันแน่ที่พูดจาไม่ดี” กู้เสี่ยวหวานยิ้มอย่างเย็นชา “กู้ซินเถา เมื่อก่อนข้านับถือที่เจ้าเป็นญาติผู้พี่ของข้า แม้ว่าเจ้าจะไม่ปฏิบัติทำดีกับข้าและน้อง ๆ แต่ก็ไม่เคยทำร้ายกัน แต่นับตั้งแต่ที่เจ้าผลักข้าตกน้ำตอนนั้น เจ้าก็ไม่ใช่ญาติผู้พี่ของข้าอีกต่อไปแล้ว!” กู้เสี่ยวหวานพูดสิ่งที่อยู่ในใจจริง ๆ ออกไป
“เหอะ!” แม่ซุนที่ยืนอยู่ด้านข้างพ่นลมหายใจเย็นชา และอดหัวเราะเยาะไม่ได้ “เจ้าคิดว่าใครอยากเป็นญาติผู้พี่ของเจ้าหรือ? เหอะ! จนแล้วไม่เจียม!”
กู้เสี่ยวหวานได้ยินแม่ซุนพูดแบบนั้น ถ้าเป็นเพราะเรื่องนี้ กู้เสี่ยวหวานก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพวกบ้านใหญ่อีกต่อไป แม่ซุนที่เห็นแก่ตัว กู้ฉวนลู่ที่เลือดเย็น กู้ซินเถาที่ชั่วทั้งกายและใจ มันก็เหมือนกับระเบิดเวลา ใครจะรู้ว่าเมื่อไรมันจะระเบิดขึ้นมาเล่า?
กู้ซินเถาที่ได้ยินกู้เสี่ยวหวานพูดก็เอ่ยเยาะเย้ยเช่นกัน “หึ วันนี้เปลี่ยนชุดฉลองปีใหม่หรือ พวกเจ้ามีเงินหรืออย่างไร คงไม่ใช่ว่าเป็นเงินที่ขโมยมาหรอกนะ?”
กู้หนิงผิงที่ได้ยินว่าเงินซื้อเสื้อใหม่เป็นเงินที่ขโมยมา ก็โต้กลับไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ “เงินของท่านนั่นแหละที่ขโมยมา!”
แม่ซุนเห็นกู้ซินเถาพูดแบบนั้น ถึงสำรวจดูกู้เสี่ยวหวานและน้องทั้งสามคน เด็กทุกคนต่างก็เปลี่ยนชุดใหม่กันทั้งบ้าน ทั้งสี่ชุดแม้ว่าจะใช้วัสดุคุณภาพต่ำ แต่เมื่อทำทั้งหมดนี้แล้วก็ต้องจ่ายเงินสองเหรียญเงินได้ ไม่รู้ว่าพวกนางไปหามาจากที่ไหน
ท่านป้าจางที่ยืนฟังอยู่ด้านข้างได้ยินที่พวกแม่ซุนต่อว่าเด็ก ๆ นางก็เดือดจนย่ำเท้าไม่ติดที่ แต่ผิดที่ตนนั้นเป็นคนนอก ไม่อาจยื่นมือเข้าไปยุ่งเป็นเรื่องของคนในครอบครัวได้ นางทำได้เพียงว่ากล่าวแม่ซุน “หนึ่งปีมานี้เด็กสี่ก็น่าสงสารพอแล้ว พวกเจ้าช่วยอยู่ใครอยู่มันทีเถอะ เห็นแก่กู้ฉวนฝู ปล่อยเด็ก ๆ พวกนี้ไปเถอะ”
ขอให้ปล่อยไปอย่างนั้นหรือ? กู้เสี่ยวหวานได้ยินประโยคนั้น เดิมก็คิดว่าจะตัดขาดกับพวกบ้านใหญ่กู้อยู่แล้วก็ชะงักไป อีกทั้งการที่หญิงสองสามคนทะเลาะกันจะตัดความสัมพันธ์ ในหมู่บ้านก็คงไม่ยอมรับเช่นกัน
อีกทั้งต้องไปพบกับหัวหน้าหมู่บ้าน และเรียกกู้ฉวนลู่มา ก่อนที่จะตัดความสัมพันธ์กับบ้านใหญ่ตระกูลกู้ ไหนจะยังมีบ้านสามกู้ เหตุใดนอกจากตัวเองและพ่อของนางกันที่ดูค่อนข้างปกติที่สุดแล้ว ที่เหลือทำไมถึงไม่มีใครปกติเลยสักคน!
“เหอะ….” แม่ซุนเห็นป้าจางพูดแบบนั้นก็หัวเราะขึ้นจมูกอย่างเย็นชาเสียงหนึ่ง “สุนัขไม่กินหนู วุ่นวายไปก็มีแต่เสียเปล่า[1]! ซินเถา พวกเรากลับกันเถอะ!”
พูดจบนางก็นำกู้ซินเถาเดินจากไป!
กู้เสี่ยวหวานมองแผ่นหลังของสองแม่ลูกเดินจากไปด้วยสีหน้าเหมือนคิดอะไรบางอย่าง แม่ซุนเหตุใดถึงรามือง่ายดายเพียงนี้ล่ะ! พวกนางมาที่นี่โดยไม่ได้ทำอะไรเลยอย่างนั้นหรือ?
“วันนี้อยู่กินข้าวฉลองปีใหม่ด้วยกันหรือไม่ท่านป้าจาง” กู้เสี่ยวหวานถาม
“อืม ฉลองปีใหม่กันเถอะ!” ท่านป้าจางตอบกลับ “พ่อของเจ้าตอนที่ฉลองมื้อค่ำวันปีใหม่น่ะนะ ร้านอาหารในเมืองต่างก็พากันปิดหมด ก็ให้เขานั่นแหละกลับมา”
โอ้ มิน่าเดิมทีต้องกลับไปฉลองปีใหม่ แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่แม่ซุนจะต้องมาที่นี่ กู้เสี่ยวหวานคิดไม่ตก หากว่าตามเหตุผลแล้ว ถ้ากู้เสี่ยวหวานไม่ได้จมน้ำตาย ที่บ้านของกู้ฉวนลู่ก็น่าจะรู้ข่าวตั้งนานแล้วสิ ไม่เห็นจำเป็นต้องมาดูให้เห็นกับตาเลยว่านางตายจริงไหม
จุดประสงค์ที่แท้ของแม่ซุนนั้นน่าสงสัยมาก กู้เสี่ยวหวานที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นก็ถูกท่านป้าจางดึงแขนไป แล้วพูดอย่างประหม่าว่า “เสี่ยวหวาน พฤติกรรมของแม่ซุนซื่อนั่นน่ะ เจ้าไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ ชีวิตนี้มันขึ้นอยู่กับตัวเราเอง ปากนางเป็นอย่างไรมันก็อยู่ที่ตัวของนางเอง เจ้าไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ!”
ท่านป้าจางมองสำรวจกู้เสี่ยวหวานอย่างละเอียด ก็เห็นนางยังทำหน้าคล้ายมีอะไรบางอย่างในใจ นางถึงได้พูดแบบนั้นออกมาเงียบ ๆ เพราะคิดว่าคำพูดของแม่ซุนทำให้กู้เสี่ยวหวานขวัญเสียไปแล้ว จึงรีบพูดปลอบใจอย่างรวดเร็ว และนั่นทำให้กู้เสี่ยวหวานอารมณ์ดีขึ้นได้
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าพูด “เจ้าค่ะท่านป้าจาง ข้าเข้าใจแล้ว!”
น่าขันสิ้นดี คำพูดของแม่ซุนน่ะหรือนางจะเก็บมาคิดมากให้บ้าตาย? แต่กู้เสี่ยวหวานก็ยังรู้สึกขอบคุณป้าจางอยู่ดี
“ท่านป้าจาง ขอบคุณมากนะเจ้าคะ ท่านป้าไม่ต้องห่วง ข้าไม่เป็นไร!” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างว่าง่ายเชื่อฟัง นางเห็นถึงความจริงใจว่าท่านป้าจางนั้นเป็นห่วงว่าแม่ซุนจะทำให้นางเจ็บปวดใจจริง ๆ แต่ว่ากู้เสี่ยวหวานนั้นไม่ได้เก็บคำพูดเหล่านั้นของแม่ซุนมาใส่ใจจริง ๆ เลยสักนิดเดียว
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานตอบรับอย่างว่าง่าย ป้าจางก็โอบไหล่ของกู้เสี่ยวหวาน แล้วพูดอย่างเห็นใจว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าน่ะเป็นเด็กฉลาดรู้ความคนหนึ่ง!”
พูดจบท่านป้าจางก็รีบเรียกเสี่ยวฉือโถวให้มาหา แล้วหยิบเงินสี่ตำลึงออกมาจากด้านใน แล้วส่งให้กับกู้เสี่ยวหวาน “เสี่ยวหวาน วันที่ข้าไปที่โรงเตี๊ยม ก็ได้นำหน่อไม้ที่เจ้าให้มาเมื่อวานไปขายหมด นี่เงินส่วนของเจ้า เจ้าเก็บเอาไว้ให้ดีล่ะ!”
กู้เสี่ยวหวานรับเหรียญเงินไว้ พลันยิ้มอย่างสดใสและรีบโพล่งเข้าไปในอ้อมแขนท่านป้าจาง “ขอบคุณเจ้าค่ะท่านป้าจาง!”
………………………………………………………………………….
[1] สุนัขไม่กินหนู วุ่นวายไปก็มีแต่เสียเปล่า หมายถึง ไม่ยุ่งเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง
สารจากผู้แปล
จริงของป้า อย่าลดตัวไปทะเลาะกับพวกชั้นต่ำเลยค่ะ
ไหหม่า(海馬)