บทที่ 88 อู่เอ้อร์โก่วผู้อัปลักษณ์
บทที่ 88 อู่เอ้อร์โก่วผู้อัปลักษณ์
“ข้าหน้าไม่อายแล้วทำไมหรือ? ก็ถูกแล้วนี่ ถ้าเจ้าสามกู้ไม่ไหวแล้ว แต่ข้ายังไหว อย่างไรก็ไม่ทำให้หยกงามเปล่าเปลี่ยวได้หรอก” อู่เอ้อร์โก่วพูดจบ ก็จับจ้องเฉาซื่ออย่างเจ้าเล่ห์
เฉาซื่ออับอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนีที่โดนเจ้าสวะพูดจาแทะโลมใส่ตน นางไม่สนใจกู้ฉวนโซ่วที่นอนเจ็บร้องโอดโอยอยู่บนพื้นด้วยซ้ำ เดินจ้ำไปหยิบไม้กวาดที่พิงอยู่ตรงรั้วบ้าน แล้วเดินปรี่ไปหาอู่เอ้อร์โก่ว ชี้ไม้กวาดแล้วด่าว่า “ไอ้คนหน้าไม่อาย ไสหัวไปอย่าให้มารดาเห็นอีก…”
แม้ว่าปกติเฉาซื่อจะชอบแต่งหน้าแต่งตาเดินอวดไปอวดมา แต่เฉาซื่อคิดว่าตัวเองเป็นคนมีหน้ามีตาคนหนึ่ง ปกตินางชอบคุยแค่กับเพื่อนบ้านที่ฐานะพอ ๆ กับตัวเอง กับคนแบบอู่เอ้อร์โก่ว ทั้งอัปลักษณ์ ทั้งยากจน เฉาซื่อไม่คิดจะข้องแวะกับเขาด้วยซ้ำ
ตอนนี้เจ้าอู่เอ้อร์โก่วมันถึงกับเอานางไปล้อเล่น เฉาซื่อได้ยินแล้วก็แทบจะสำลัก “ตักน้ำใส่กระโหลกชะโงกดูเงาตัวเองซะบ้าง เป็นแค่คางคกกลับคิดจะกินเนื้อหงส์ ถุย…!”
เฉาซื่อลงแรงฟาดไม้กวาดลงไป ทำเอาชาวบ้านรอบ ๆ กรีดร้องวิ่งหนีไปไกล มีชาวบ้านบางกลุ่มที่ยังอยากดูงิ้วอยู่ วิ่งหนีไปแล้วก็ยังคงไม่ไปไหน อู่เอ้อร์โก่วถูกเฉาโก่วใช้แรงฟาดจนเซไปด้านหน้า เดิมทีเขาเป็นคนรูปร่างผอมแห้ง ยิ่งถูกคนที่ตั้งใจตีอย่างแรงด้วยแล้วยิ่งเสียการทรงตัว ทำให้อู้เอ้อร์โก่วชนรั้วบ้านจนมันส่ายไปส่ายมาและพังล้มเข้าไปข้างใน
เฉาซื่อเห็นอู้เอ้อร์โก่วกระโจนมาทางตัวเอง นางก็อยากจะถีบยันเอาไว้ เสียดายที่นางใช้แรงมากไปหน่อย ลูกเตะที่ออกไปจึงไม่สามารถบังคับทิศทางได้
ตึง! เฉาซื่อกับอู่เอ้อร์โก่วชนล้มไปพร้อมกัน อู่เอ้อร์โก่วจึงฉวยโอกาสกอดเฉาซื่อล้มไปพร้อมกันบนพื้น เพียงเฉาซื่อกับอู้เอ้อร์โก่วกลิ้งเป็นวงกลม อู่เอ้อร์โก่วก็ได้โอกาสลูบสัมผัสเฉาซื่อสองรอบด้วยกัน
จนกระทั้งเฉาซื่อตั้งหลักได้ นางก็เห็นว่าอู่เอ้อร์โก่วกอดตัวเองอย่างแนบแน่น สัมผัสร่างกายตัวเอง ท่าทางนั้นคลุมเครืออย่างยิ่ง ตัวแนบชิดกัน อู่เอ้อร์โก่วนั่นไม่อาบน้ำหลายปีดีดัก กลิ่นเหม็นชวนขมคอทำให้เฉาซื่อแทบอ้วก
“อู่เอ้อร์โก่ว ลุกออกไปจากตัวข้านะ!” เฉาซื่อใช้ทั้งมือทั้งเท้าผลักไสอู่เอ้อร์โก่วออกไปจากตัวเอง อู่เอ้อร์โก่วสูดกลิ่นหอมละมุนอีกรอบ เดิมเขาอยากจะกินเต้าหู้เฉาซื่ออีกสองสามรอบเสียหน่อย น่าเสียดายที่แรงของเฉาซื่อมีเยอะมาก ถีบอู่เอ้อร์โก่วจนร้องอึกเสียงหนึ่งจนกระวีกระวาดลุกจากตัวเฉาซื่อ
ลูกถีบนั้นของเฉาซื่อดุร้ายมาก ทำอู่เอ้อร์โก่วจนตรอกกุมช่วงล่างอย่างเจ็บปวดทรมาน
ฉากนี้ทำชาวบ้านรอบ ๆ รู้สึกดีใจที่ได้เห็นเป็นบุญตา ปกติมีบางคนไม่ค่อยชอบเฉาซื่อที่ชอบแต่งหน้าแต่งตัวเฉิดฉายเดินไปเดินมานัก นางไม่ได้เป็นแม่บ้านแม่เรือนที่ดีเท่าไร ชอบหยอกล้อกับบุรุษอื่น ทำให้พวกเขานึกว่าเฉาซื่อไม่ใช่ภรรยาที่มีคุณธรรมอะไร ตอนนี้เฉาซื่อกลับทำให้พวกเขาเห็นว่าเจ้าคนไร้ประโยชน์ทั้งยังอัปลักษณ์ที่สุดในหมู่บ้านนอนใต้ร่างของนาง เท่านี้ก็รู้สึกตื่นเต้นยินดีแล้ว
“เจ้าดูเฉาซื่อสิ นางก็มีวันนี้ด้วย!”
“ใช่ กอดกับคนอัปลักษณ์แบบนั้นไปแล้ว เหอะๆ ดูเหมือนต่อไปนางจะเล่นอะไรกันก็คงเดาได้!”
มีบางคนที่รู้สึกไม่ยุติธรรมอยากกอดเฉาซื่อแทน “เฮ้อ คนงามขนาดนั้นถูกบุรุษอัปลักษณ์แบบนั้นกอดแล้ว เฮ้อ อู้เอ้อร์โก่วผู้นี้ไม่รู้มันทำบุญด้วยอะไรนะ”
“หรือเจ้าจะลองโดนเตะแบบนั้นเหมือนกันไหมล่ะ?” คนที่ยืนดูอยู่ข้างเคียงเห็นคนอื่นพูดก็เปรี้ยวปาก พูดอย่างสนุกปากว่า “เจ้าอย่าลืมเล่า ว่าลูกเตะเมื่อครู่ของเฉาซื่อน่ะไม่เบาเชียวหนา!”
“นั่นก็ต้องดูว่าเป็นใครสิ เจ้าเห็นไหมว่าเจ้าอู้เอ้อร์โก่วทั้งขี้เหร่ทั้งจน สมควรโดนแล้วล่ะ!”
ทุกคนชี้มือชี้ไม้ยังสภาพยับเยินของอู่เอ้อร์โก่ว พร้อมกับมองเฉาซื่อไปด้วย แถบผ้าที่เฉาซื่อมักจะใช้มัดผมอย่างพีถีพีถันถึงกับหลุดรุ่ยเพราะถูกอู่เอ้อร์โก่วทำเละ ชุดสีสว่างกลายเป็นสีเทาและยับยู่ยี่จากการกลิ้งกับพื้นเมื่อครู่ ทำให้สภาพนางดูยับเยินยิ่งกว่าวันนั้นที่ถูกเหลียงเหยาซื่อสาดน้ำใส่เสียอีก
“อู่เอ้อร์โก่ว ไอ้คนสารเลว!” เฉาซื่อยืดตัวขึ้น เตะอู้เอ้อร์โก่วอีกสองที หลังจากนั้นก็ใช้ไม้กวาดทางมะพร้าวตีอย่างโหดเหี้ยม อู้เอ้อร์โก่ววิ่งหนีกระโดดหย็องแหย็งอย่างตื่นตระหนก คนอื่น ๆ เห็นแล้วก็หัวเราะอย่างขบขัน
“นี่ น้องสาว เจ้าสามยังอยู่ทางนั้นนะ ทำไมหิวจนกินไม่เลือกอย่างนั้นเล่า” ซุนซื่อมองเฉาซื่อด้วยสายตาสมเพช พูดพลางยิ้มเย็นชา
เฉาซื่อรู้สึกเหมือนจะเป็นลม สภาพยับเยินของนางในตอนนี้ทำให้นางด้อยกว่าซุนซื่อหนึ่งขั้น นางหมุนตัวมาจ้องซุนซื่ออย่างดุร้าย มองซุนซื่อยืนตัวสะอาดสะอ้านยิ้มเย็นมองตัวเองตรงหน้า สายตารังเกียจนั้นยิ่งทำให้นางเดือดดาล ยามมองตัวเองในสภาพคลุกฝุ่น เส้นผมหลุดลุ่ย สภาพเรียกว่ายับเยินยิ่งกว่ายับเยิน
เฉาซื่อกรีดร้องแล้วพุ่งตรงไปยังซุนซื่อ ซุนซื่อเห็นเฉาซื่อตรงมาก็ตกใจ ด้วยไม่คิดว่าเฉาซื่อที่สภาพเละเทะขนาดนี้แล้วยังมีแรงเหลือพุ่งมาหาตัวเองได้อยู่อีก นางไม่รู้ว่าเฉาซื่อเป็นคนแบบไหน แต่เฉาซื่อที่โดนทำให้อับอายแบบนั้นก็ดูคล้ายจะจับผู้ร้ายตัวจริงมาลงโทษเสียให้สาสม
เฉาซื่อพุ่งตัวไป ซุนซื่อย่อมไม่ทันได้ป้องกันตัว จึงถูกเฉาซื่อกดติดกับพื้นแล้วระดมตบตีเป็นหลายฉาด แม้ว่าเฉาซื่อจะดูผอมบางกว่าซุนซื่อ และซุนซื่อมีเนื้อหนังมาก แต่มือและเท้าของเฉาซื่อก็มีพละกำลังเต็มเปี่ยม และตอนนี้ยังบันดาลโทสะอีกด้วย จึงพอใจคิดแต่อยากจะแก้แค้น มือเท้าของเฉาซื่อลงมืออย่างเหี้ยมโหด นางไม่เปิดโอกาสให้ซุนซื่อตอบโต้เลยสักน้อย ซุนซื่อที่ถูกกดกับพื้นจึงไม่สามารถขยับได้เลย
มือเฉาซื่อหนักนัก ตบซุนซื่ออย่างโหดร้ายไม่กี่ที ผมที่มัดอย่างดีของซุนซื่อก็หลุดลุ่ยแล้ว ใบหน้าทั้งแถบห้อเลือดแดงก่ำ ซุนซื่อคิดไม่ถึงว่าเฉาซื่อจะรุนแรงขนาดนี้จริง ๆ คนอื่นเห็นก็ตกใจทำอะไรไม่ถูกไปแล้ว
ชาวบ้านมองการทะเลาะที่ใหญ่ขนาดนี้วิจารณ์อย่างสนุกปาก คาดไม่ถึงว่ากู้ฉวนลู่กำลังพากู้จือเหวินมาคุยเรื่องธุรกิจกับผู้ใหญ่บ้านพอดี ครั้นได้ยินว่าภรรยาตัวเองกำลังทะเลาะกับเฉาซื่อ จึงรีบวิ่งกลับบ้านตัวเองทันที
ตอนกู้ฉวนลู่มาถึงบ้าน ระหว่างทางก็คิดว่าภรรยาตัวเองกับเฉาซื่อเพียงทะเลาะด่าทอกันเท่านั้น จึงไม่ได้กังวลมากนัก ทว่าคิดไม่ถึงว่าพอมาใกล้ ๆ เขาถึงได้รู้ว่าตัวเองคิดผิดแล้ว
ซุนซื่อถูกเฉาซื่อกดราวกับจะฆ่าให้ตาย ใบหน้าถูกตบจนห้อเลือด เส้นผมหลุดลุ่ยไม่เป็นทรง เฉาซื่อก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน ไหนจะน้องชายที่นอนโอดโอยอยู่อีกด้าน สภาพนั้นแย่เสียยิ่งกว่า
กู้ฉวนลู่เห็นน้องชายตัวเองเป็นแบบนั้น ดวงตาก็เริ่มฉายแววโกรธเคือง
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พี่ชายมาห้ามทัพเร็ว จะฆ่ากันตายแล้วมั้ง
ไหหม่า(海馬)