บทที่ 126 เตรียมอาหารส่งท้ายปีเก่า
บทที่ 126 เตรียมอาหารส่งท้ายปีเก่า
ท่านป้าจางเหลือบมองกู้เสี่ยวหวานและกู้หนิงผิง พลางเอ่ยอย่างจริงจัง “เด็กน้อย กว่าพวกเจ้าจะหาเงินมาได้มันไม่ง่าย…”
จากคำพูดของท่านป้าจางเมื่อสักครู่ กู้เสี่ยวหวานก็รู้ว่านางหมายถึงอะไร
แล้วท่านป้าจางจึงกล่าวต่อ “เจ้าบอกว่าพวกเจ้าเพิ่งกินอิ่ม เจ้าก็…”
อาหารเย็นวันก่อนวันส่งท้ายปีเก่าครั้งที่แล้วเป็นเนื้อและข้าวขาว ครั้งนี้วันส่งท้ายปีเก่าก็นำเกี๊ยวมามากมายหลายสิบชิ้น ครอบครัวธรรมดานี้จะไม่ทำเกี๊ยวมากมายนักในวันส่งท้ายปีเก่า อย่างน้อยหนึ่งคนกินสองหรือสามชิ้นเพียงเพื่อสนองความอยากของพวกเขา แต่สาวน้อยเสี่ยวหวานคนนี้เป็นคนดีและนำมาแจกหลายสิบชิ้น
“เฮ้อ…” ท่านป้าจางถอนหายใจอีกครั้ง ครุ่นคิดและไม่รู้ว่าจะพูดต่ออย่างไร “ฉือโถว รีบไปไปในห้องแล้วหยิบถั่วลิสงมาให้เสี่ยวหวานเอากลับไป”
กู้เสี่ยวหวานเข้าใจความหมายของท่านป้าจางและกำลังจะเอ่ยปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นท่าทางที่แน่วแน่ของท่านป้าจางก็รู้ว่าถ้าตนเองไม่นำกลับไปในวันนี้ ท่านป้าจางจะไม่มีความสุขอย่างแน่นอน ดังนั้น นางจึงทำได้เพียงตอบรับอย่างรวดเร็วเท่านั้น
ท่านป้าจางมองกู้เสี่ยวหวานที่พยักหน้าอย่างรู้ความ จากนั้นจึงพูดอย่างจริงจังว่า “เสี่ยวหวาน อย่าคิดว่าข้าจะใจอ่อน ข้าเคยผ่านมาแล้ว ดังนั้น เจ้าต้องวางแผนชีวิตให้ดี เจ้ายังมีน้องชายอีกสองคน พวกเขาเติบโตอย่างรวดเร็ว และต้องใช้เงิน”
แน่นอนว่ากู้เสี่ยวหวานรู้ดีว่าท่านป้าจางเป็นคนดี ดังนั้นนางจึงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว และจดจำเอาไว้ในใจ
“ข้าได้ยินจากฉือโถวว่าเจ้าจะให้หนิงอันและหนิงผิงไปเรียนหนังสือหลังปีใหม่ใช่หรือไม่”
“ใช่เจ้าค่ะ”
“เยี่ยม! ท่านป้าจางคนนี้สนับสนุนเจ้า” ท่านป้าจางยกนิ้วโป้งและเอ่ยชมเชย “เด็กพวกนั้นควรอ่านหนังสือและเรียนรู้คำศัพท์! พวกเขาไม่สามารถอยู่ในหุบเขาที่น่าสงสารนี้ไปตลอดชีวิตได้”
“และตัวเจ้าเอง นอกจากคิดถึงน้องชายของเจ้าแล้ว เจ้าควรวางแผนเพื่อตัวเองด้วย! เงิน เก็บเงินไว้บ้าง!”
วางแผนสำหรับตัวเอง? ใช่เรื่องแต่งงานหรือไม่? เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินเรื่องนี้ หนังศีรษะของนางก็รู้สึกชา นางอายุเพียงแปดขวบเท่านั้น! ในชีวิตก่อนหน้านี้ นางอายุยี่สิบแปดปีและไม่เคยแต่งงาน แต่…
ตอนนี้คือช่วงเวลาพันปีที่แล้ว หากยังไม่ได้แต่งงานตอนอายุยี่สิบในชีวิตนี้ก็แสดงว่าเป็นสาวทึนทึก แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่เต็มใจ แต่ท่านป้าจางก็หวังดีต่อนาง จึงแสดงออกว่านางจดจำเอาไว้ในใจ “ท่านป้า ข้ารู้แล้ว”
ท่านป้าจางและคนอื่น ๆ ต้องการให้พวกกู้เสี่ยวหวานอยู่ทานมื้อค่ำวันส่งท้ายปีเก่าด้วยกัน แต่กู้เสี่ยวหวานปฏิเสธและกล่าวคำอำลาฉับไว
กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการใช้เวลาปีใหม่ที่บ้านของคนอื่น ในวันส่งท้ายปีเก่านี้มีเพียงครอบครัวที่รวมตัวกันถึงจะเรียกว่าวันปีใหม่ การไปบ้านคนอื่นในวันปีใหม่ทำให้นางมักจะรู้สึกแปลก ๆ อยู่เสมอ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน กู้เสี่ยวหวานก็คิดว่าใกล้จะถึงเวลาแล้ว นางจึงวางแผนที่จะเตรียมอาหารเย็นส่งท้ายปีเก่า กู้หนิงอันจึงจัดของบนโต๊ะและเดินเข้าไปในครัวเล็ก ๆ ด้วยกัน
กู้หนิงผิงจุดไฟ กู้เสี่ยวอี้แนบตัวกับกู้หนิงผิงอยู่ด้านข้าง ไฟในเตาทำให้สองพี่น้องหน้าแดงก่ำ กู้เสี่ยวหวานมองดูและรู้สึกถึงความสำเร็จเป็นพิเศษในใจของนาง ตอนนางมาที่นี่ครั้งแรก เด็กพวกนี้ตัวผอมแห้งและดูหิวโซ แต่ในเวลานี้กลับได้กินอิ่มนอนหลับอย่างดีจนดูคล้ายลูกหมู
เมื่อเด็กโตขึ้นก็ควรกินให้มากขึ้น กู้เสี่ยวหวานไม่ได้วางแผนที่จะให้ทุกคนที่บ้านเป็นเหมือนแตงแคระฤดูหนาว ในชาติก่อนนางสูงถึงร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร แม้ว่าในยุคนี้การสูงถึงร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรจะค่อนข้างแปลก แต่อย่างไรก็ตามควรสูงประมาณร้อยหกสิบเซนติเมตร ถ้าเตี้ยไปกว่านั้นจะไม่เข้ากับเสื้อผ้าเลยจริง ๆ
และเด็กผู้ชายควรจะมีร่างกายสูงโปร่งและแข็งแรงกำยำ ถ้าเตี้ย เฮ้อ… กู้เสี่ยวหวานไม่กล้าคาดคิด เอาเถอะ กู้เสี่ยวหวานยอมรับว่านางไม่ได้มีความคิดที่จะตัดสินผู้คนจากรูปร่างหน้าตาและส่วนสูงของพวกเขา แต่ทุกคนต่างก็รักในความงาม!
ใครบ้างเล่าจะไม่ชอบความสวยงาม
อย่างไรก็ตาม กู้เสี่ยวหวานไม่ได้วางแผนให้เด็กในครอบครัวมีพัฒนาการตามแนวกว้าง ในช่วงเวลานี้ พวกเขากำลังปรับตัวร่างกาย เมื่อปีใหม่ผ่านพ้น ฤดูใบไม้ผลิกำลังจะมาถึง อากาศก็จะร้อนขึ้น เด็กพวกนี้ควรออกกำลังกายด้วย
กู้หนิงอันเป็นผู้ช่วยของกู้เสี่ยวหวาน กู้หนิงผิงนำกู้เสี่ยวอี้ไปจุดไฟ เด็กทั้งสี่ทำงานอย่างเป็นระเบียบ ในช่วงเวลาของการพูดคุยและหัวเราะ อาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่าเกือบจะพร้อมแล้ว
พี่น้องสี่คนกำลังยุ่งอยู่ในครัว เนื่องจากพื้นที่ไม่ใหญ่มาก ไฟก็จุดขึ้นอีกครั้ง และหม้อนึ่งก็กำลังมีไอน้ำพวยพุ่ง จนเด็ก ๆ รู้สึกว่าร่างกายของพวกเขาอุ่นขึ้น
ห้องครัวอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของอาหาร อาหารจานร้อน และใบหน้าเปื้อนของพี่น้อง ยิ่งกู้เสี่ยวหวานคิดเรื่องนี้มากเท่าไร นางก็ยิ่งรู้สึกพอใจในตนเองมากขึ้นเท่านั้น ท่ามกลางกลุ่มควันอาหาร กลิ่นอายของปีใหม่ก็ทวีร้อนแรงขึ้น
นี่เป็นปีแรกที่กู้เสี่ยวหวานได้อาศัยอยู่ในอีกโลกหนึ่งและเป็นปีที่กู้เสี่ยวหวานประทับใจมากที่สุดในชีวิตนี้ พวกเขายุ่งอยู่กับงานในห้องครัวเพื่อจะมีปีที่ดีขึ้น
กู้หนิงผิงโผล่หัวเข้ามาในห้องครัว มองดูหม้อนึ่งที่ปิดฝาพลางสูดกลิ่นและกลืนน้ำลาย “ท่านพี่ หอมจัง ทำอะไรกินอย่างนั้นหรือ”
กู้หนิงผิงทำตามคำแนะนำของพี่สาว เดี๋ยวเพิ่มไฟ เดี๋ยวลดไฟ เดี๋ยวใช้ไฟกลาง ยุ่งวุ่นวายอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
แม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าพี่สาวเตรียมอาหารมาหลายจานแล้ว แต่เมื่อได้กลิ่นที่หอมอบอวล ก็อดไม่ได้ที่จะสำรวจ เมื่อมองไปที่ร่างทั้งสองที่ยุ่งวุ่นวายก็อดถามไม่ได้
“เจ้าเด็กตะกละ!” กู้เสี่ยวหวานเห็นท่าทางกลืนน้ำลายของกู้หนิงผิง ก็อดหัวเราะไม่ได้ เมื่อสักครู่เพิ่งทำหมูตุ๋นน้ำแดง นำออกมาวางข้างหม้อแล้ว เนื่องจากมีไอร้อนปกคลุม ความร้อนจึงยังคงอยู่
กู้เสี่ยวหวานใช้ตะเกียบคีบหมูตุ๋นใส่ปากของกู้หนิงผิง เขาเคี้ยวในทันที หมูตุ๋นนี้รสชาติดีมาก เพียงกัดหนึ่งคำก็สามารถรู้ได้ถึงความฉ่ำของน้ำมัน นอกจากนี้ยังมีเนื้อไม่ติดมันซึ่งสัมผัสนุ่มละมุนลิ้น รสชาติของมันดีมาก
“ท่านพี่ ข้าก็อยากกินเหมือนกัน!” กู้เสี่ยวอี้เห็นพี่ชายของนางกำลังกินอยู่ก็กลัวว่าจะไม่มีของตัวเอง เพราะนางสูงไม่พอจึงทำได้แค่เดินออกจากหน้าเตามาที่หน้าหม้อแล้วกอดขาของกู้เสี่ยวหวาน อ้าปากค้างเหมือนนกน้อยรอแม่ป้อนอาหาร
“เด็กตะกละ จะลืมเจ้าไปได้อย่างไร!” กู้เสี่ยวหวานเห็นท่าทางของน้องสาวตัวน้อย หัวใจของเธอพลันรู้สึกราวกับชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำผึ้ง ใช้ตะเกียบคีบชิ้นเนื้อติดมันขึ้นมาส่งไปที่ปากของกู้เสี่ยวอี้
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
บรรยากาศอบอุ่นมากเลยค่ะ ถ้าท่านพ่อท่านแม่ได้มาเห็นก็คงไปสบายหายห่วงแล้ว
ไหหม่า(海馬)