บทที่ 128 คืนข้ามปี
บทที่ 128 คืนข้ามปี
กู้เสี่ยวหวานมองดูน้อง ๆ กินอาหารอย่างมีความสุข เด็กหญิงรู้สึกมีความสุขตรงที่ตนเองโชคดีทำอาหารได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ว่าจะทำอาหารเย็นอย่างไรดี
กู้หนิงอันหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบผัดกระเพาะหมูพลางรู้สึกงุนงง “ท่านพี่ นี่อะไรน่ะ?”
เมื่อครู่ตอนจัดการกับเจ้าสิ่งนี้อยู่ในครัวก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อย ตอนที่พี่สาวนำมาตอนแรกดูเหมือนจะมีกลิ่นเหม็น
จำได้ว่าในตอนนั้นที่กู้เสี่ยวหวานหยิบกระเพาะหมูออกมา ทั้งห้องล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง ทำให้กู้หนิงผิงและคนอื่น ๆ รีบปิดจมูกอย่างฉับไว “ท่านพี่ นี่มันอะไร ทำไมเหม็นอย่างนี้!”
กู้เสี่ยวหวานยิ้ม “พวกเจ้าอย่าดูถูกมันเชียว แม้ตอนนี้กลิ่นของมันจะเหม็น แต่พวกเจ้าจะไม่อาจวางตะเกียบได้เลยเมื่อได้ลองกินมัน”
กู้หนิงอันและคนอื่นเชื่อในความสามารถในการทำอาหารของกู้เสี่ยวหวาน ตอนนั้นพี่สาวก็เคยบอกว่าจะจัดการปลาให้อร่อยจนวางตะเกียบไม่ลงเช่นกัน ต่อมาพวกเขาก็ไม่เต็มใจที่จะวางตะเกียบจริง ๆ ท่านพี่ยังบอกอีกว่าจะทำของเหม็น ๆ เหล่านี้เป็นของอร่อย เด็ก ๆ จึงรอคอยอย่างคาดหวัง
คืนนี้กู้เสี่ยวหวานผัดกระเพาะหมู กลิ่นเหม็นที่เคยมีได้จางหายไปแล้ว เหลือเพียงกลิ่นหอมให้ดอมดมแทน
กู้หนิงอันคีบผัดกระเพาะหมูใส่ปาก รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของกระเพาะหมูทำให้กู้หนิงอันลังเลที่จะวางมันลงหลังจากกัดคำแรก “ท่านพี่ มันอร่อยมาก! ไม่มีกลิ่นเหม็นเลย!”
ครั้นกู้หนิงผิงได้ยินดังนั้น เขาก็ยื่นตะเกียบออกมาคีบอย่างรวดเร็ว หลังจากก็เอ่ยขึ้นอย่างมีความสุข “ท่านพี่ อร่อยมาก!”
“นั่นสินะ!” เมื่อเห็นว่าน้องชายทั้งสองชื่นชอบ กู้เสี่ยวหวานก็บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ว่านางมีความสุขแค่ไหน อย่างไรก็ตาม ต่อหน้าครอบครัวของนาง กูเสี่ยวหวานไม่จำเป็นต้องถ่อมตน “ใครเป็นคนทำกันล่ะ!”
“ถูกต้อง พี่สาวของข้าเป็นคนทำ!” กู้หนิงผิงหัวเราะและยกนิ้วโป้ง “พี่สาวของข้าเป็นแม่ครัว! เยี่ยม เยี่ยมไปเลย!”
“ท่านพี่ เยี่ยมมาก!” กู้เสี่ยวอี้เลียนแบบพี่ชายของตน เอ่ยชื่นชมกู้เสี่ยวหวานด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
กู้เสี่ยวหวานจึงยอมรับคำชมทั้งหมดจากน้อง ๆ ของตน “พี่สาวคนนี้ยอมรับคำชมของพวกเจ้า!”
“ฮ่า ฮ่า…” เด็ก ๆ หัวเราะร่าเมื่อเห็นท่าทางที่ไม่ถ่อมตนของกู้เสี่ยวหวาน
บ้านหลังเล็กเต็มไปเสียงหัวเราะเคล้าความสุข
หลังอาหารค่ำวันส่งท้ายปี ท้องฟ้าใกล้จะมืดแล้ว
ในหมู่บ้านมีเสียงประทัดทยอยดังขึ้น เสียงดังราวกับอสนีบาตเพิ่มบรรยากาศงานรื่นเริง กู้เสี่ยวหวานนำอาหารที่เหลือไปไว้ในครัวตามปกติ ส่วนกู้หนิงผิงรับหน้าที่ล้างจาน
กู้เสี่ยวหวานตักน้ำร้อนจากหม้อเล็กด้านในเทใส่ในหม้อใบใหญ่ด้านนอก กู้หนิงผิงนำภาชนะที่สกปรกทั้งหมดใส่ลงในหม้อและเริ่มลงมือล้าง เนื่องจากกู้หนิงผิงรับหน้าที่ล้างจานมาตลอดช่วงนี้ จึงล้างได้รวดเร็วเป็นธรรมดา จานชามถูกล้างอย่างรวดเร็วและสะอาดหมดจด ส่วนกู้เสี่ยวอี้แม้จะยังเด็กแต่ก็ไม่เกียจคร้าน หลังจากที่กู้หนิงผิงล้างจานเสร็จ กู้เสี่ยวอวี้ก็นำจานไปเก็บในตู้
ทั้งสองทำงานร่วมกัน ไม่นานก็ล้างจานชามเสร็จสิ้น
หลังเก็บกวาดเสร็จ กู้เสี่ยวหวานก็เดาว่าถึงเวลาที่จะต้องจุดประทัดแล้ว แต่ในชีวิตก่อนหน้านี้กู้เสี่ยวหวานกลัวประทัดมากเพราะกลัวว่านางจะไม่สามารถวิ่งได้ทันเวลาและประทัดจะระเบิดใส่ร่างกาย ดังนั้นนางจึงเพียงแค่ดูคนอื่นจุดดอกไม้ไฟและประทัด แต่ไม่เคยทำเอง คราวนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น นางสั่งให้กู้หนิงอันนำประทัดออกมา “เจ้าและหนิงผิงใครจะไปจุด ข้ากลัว!”
กู้หนิงผิงเพิ่งออกมาจากห้องครัว เมื่อเขาได้ยินคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน เขาเช็ดมือพลางกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “ในที่สุดก็รู้ว่าท่านพี่มีสิ่งที่กลัวแล้ว”
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ปิดบัง “ถูกต้อง! ข้าเป็นคน ไม่ใช่พระเจ้า ดังนั้นข้าก็ต้องมีบางอย่างที่กลัวเป็นธรรมดา!”
กู้หนิงอันยิ้ม “ไม่เป็นไร ข้าไม่กลัว ข้าจะจุดมันเอง!”
กู้เสี่ยวหวานยิ้มตอบอย่างมีความสุขและพูดอย่างสบายใจ “ดีมาก หนิงอันรับผิดชอบการจุดประทัด ส่วนพวกเราก็ซ่อนอยู่ในบ้าน!” นางไม่ต้องการยืนข้างนอก ประทัดเหล่านี้มีอานุภาพแรงสูง ถ้าระเบิดแล้วโดนร่างกายคงจะเจ็บปวดอย่างมาก
กู้หนิงอันออกมาจุดประทัดข้างนอก กู้หนิงผิงตามเขาไปตลอดทาง คนหนึ่งถือเสาไม้ไผ่ที่แขวนประทัด และอีกคนหนึ่งจุดประทัดด้วยธูป จากนั้นประทัดก็เริ่มปะทุ
เมื่อเห็นว่ามีการจุดประทัดในบ้านของนางด้วย กู้เสี่ยวอี้ก็ปรบมืออย่างมีความสุขและกระโดดไปมา “เยี่ยมมาก เยี่ยมมาก เราจุดประทัดในบ้านของเราด้วย!”
ดูเหมือนว่าเด็กน้อยคนนี้จะชอบงานรื่นเริงแบบนี้ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ก็ตาม
ประทัดถูกจุดไว้ครู่หนึ่งและเศษซากสีแดงร่วงหล่นเต็มพื้น ช่างเป็นเทศกาลที่รื่นเริงมาก
เศษซากสีแดงในสถานที่นั้นสื่อความหมายว่าปีหน้าจะเจริญรุ่งเรือง
“ท่านพี่ ข้าจะกวาดพื้น!” เมื่อเห็นว่าสนามหญ้าที่บ้านสกปรกอีกครั้ง กู้เสี่ยวอี้ก็รีบอาสาที่จะกวาดพื้น
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินเรื่องนี้ นางรีบดึงกู้เสี่ยวอี้และพูดเบา ๆ ว่า “กวาดไม่ได้!”
“ทำไมล่ะ?” แม้แต่กู้หนิงอันและคนอื่นที่ประตูก็เอ่ยถามอย่างพร้อมเพรียง พื้นที่สกปรกเหล่านี้ไม่ต้องเก็บกวาดอย่างนั้นหรือ
“นั่นคือความมั่งคั่งของครอบครัวเรา เราจะกวาดมันออกไปได้อย่างไร!” กู้เสี่ยวหวานพูดกลั้วหัวเราะ แล้วบอกเด็ก ๆ ถึงเหตุผลว่าเหตุใดพวกเขาจึงไม่สามารถกวาดพื้นได้ แน่นอนว่า ทั้งหมดนี้เป็นความเชื่อเรื่องโชคลางที่เกี่ยวกับศักดินา ไม่อยากเชื่อเลยว่าท้ายที่สุดมันก็ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น ดังนั้นกฎนี้จึงไม่สามารถทำลายได้
หลังจากที่เด็ก ๆ ทุกคนได้ยิน พวกเขาก็ตระหนักได้ในทันใด
วันส่งท้ายปีเก่าก็ควรอยู่ข้ามคืน ครอบครัวของพวกเขาล้วนเป็นเด็กน้อย จึงไม่สามารถอยู่จนถึงตอนเช้าได้ กู้เสี่ยวหวานตัดสินใจรอให้อาหารย่อยและปล่อยให้เด็ก ๆ เล่นกันอย่างสนุกสนาน
กู้หนิงอันฝึกเขียนอักษรตามปกติ โดยมีกู้หนิงผิงตามไปฝึกด้วยไม่ห่าง หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานสอนพวกเขาให้เขียนอักษรอีกสองสามตัว นางก็พากู้เสี่ยวอี้ไปที่ห้องครัวเล็กเพื่อล้างหน้าและเท้า
เมื่อความสะอาดร่างกายของกู้เสี่ยวอี้เสร็จแล้วจึงอุ้มนางไปที่เตียง จากนั้นกู้เสี่ยวหวานก็กลับเข้าไปในห้องครัวอีกครั้ง หลังจากทำความสะอาดตัวเองแล้ว นางจึงใส่น้ำในหม้อใบเล็กและเติมฟืนลงในเตา แล้วเดินกลับเข้ามาในห้องเพื่อบอกให้เด็กชายสองคนล้างหน้าในภายหลัง ก่อนนั่งบนขอบเตียงเพื่อเล่นกับกู้เสี่ยวอี้
กู้เสี่ยวอี้เพิ่งติดการเล่นเชือกถัก นางไม่สามารถวางปมเชือกสีแดงในมือลงได้เลย
“ท่านพี่ เชือกถักเส้นนี้สวยงามมาก เสี่ยวอี้ก็อยากเรียนรู้ด้วย!” กู้เสี่ยวหวานได้ยินเช่นนั้นก็ไม่คิดว่าน้องสาวคนเล็กของนางจะชอบมัน จึงพูดว่า “ข้าก็ทำไม่เป็น ไม่อย่างนั้นรอจบเทศกาลปีใหม่ ข้าจะพาเจ้าเข้าไปในเมืองแล้วให้พี่ฝูสอนดีหรือไม่?”
“ตกลง ตกลง!” กู้เสี่ยวอี้มีความสุขมากเมื่อได้ยินว่านางจะสามารถเรียนรู้การถักเชือกได้หลังจากพ้นสิ้นปี
เด็ก ๆ ยุ่งอยู่พักหนึ่ง และเมื่อพวกกู้หนิงอันทำความสะอาดตัวเองเสร็จแล้ว กู้เสี่ยวหวานจึงวางแผนที่จะต้มเกี๊ยว
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
การจุดประทัดต้องใช้ความกล้ามากจริง ๆ ค่ะ ผู้แปลเองก็ไม่กล้าจุด
ไหหม่า(海馬)