ตอนที่ 141 ยุยงเฉาซื่อ
ตอนที่ 141 ยุยงเฉาซื่อ
ยิ่งซุนซื่อคิดมากเท่าไร นางก็ยิ่งโมโหมากขึ้นเท่านั้น และฝีเท้าก็เร็วขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะมีคนอยู่ระหว่างทาง นางก็เดินผ่านอย่างรวดเร็วพร้อมก้มศีรษะลง บรรดาชาวบ้านจึงเห็นเพียงสตรีผู้หนึ่งเผ้าผมกระเซิงกำลังเดินอยู่ แต่มองไม่ออกว่าเป็นใคร
เกรงว่าจะไม่มีใครเคยเห็นซุนซื่อมีสภาพจนตรอกขนาดนี้
ซุนซื่อรีบกลับมาที่บ้าน และกู้ซินเถาก็เป็นคนมาเปิดประตู เมื่อเห็นซุนซื่อเป็นเช่นนี้ นางก็ตกใจ “ท่านแม่ ทำไมท่านถึงเป็นเช่นนี้? ”
ซุนซื่อโบกมือและกระซิบถามกู้ซินเถา “พ่อของเจ้าเล่า?”
“ท่านพ่ออยู่ข้างใน เมื่อสักครู่ก็ถามข้าว่าท่านแม่กลับมาหรือยัง!”
ซุนซื่อพยักหน้าและเดินเข้าไปข้างใน ครั้นกู้ฉวนลู่ที่กำลังรอซุนซื่ออยู่ข้างในเห็นว่านางกลับมาพร้อมกับเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อยและผมเผ้ายุ่งเหยิง เขาก็ตกใจ แต่ยังคงท่าทางนิ่งเฉย “ไม่สำเร็จหรือ?”
เมื่อซุนซื่อได้ยินกู้ฉวนลู่ถามเสียงเบา นางก็ถอนหายใจยาว เฮ้อ……
“ไม่รู้ว่านังเสี่ยวหวานเป็นอะไร ต่อให้หว่านล้อมมากแค่ไหน นางก็ไม่หวั่นไหว” ซุนซื่อพูดด้วยความโมโห
“จริงหรือ?” กู้ฉวนลู่ฟังแล้วยิ้มอย่างเย็นชา สายตาพลันดูดุร้าย “นางไม่หวั่นไหว เช่นนั้นก็พิสูจน์ได้ว่านางมีสิ่งที่ใหญ่กว่าในมือ!”
“อะไรนะ?” เมื่อซุนซื่อได้ยินคำพูดของกู้ฉวนลู่ นางก็ไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร ดังนั้นจึงถามออกไป หลังจากวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้จนตบต้นขาดังฉาด “ใช่แล้ว ทำไมข้าถึงคิดเรื่องนี้ไม่ได้!”
“ท่านยังไม่รู้ ข้าบอกว่าลูกพี่ลูกน้องของข้าจะให้เงินสามร้อยตำลึงเงินแก่นางเป็นสินสอดทองหมั้น เงินสามร้อยตำลึงเงินเชียวนะ แต่นังเด็กคนนั้นกลับไม่สนใจเงินสามร้อยตำลึงเงินเลย” ซุนซื่อเดาะลิ้น “ไม่อยากจะเชื่อเลย ที่แท้นางก็มีสิ่งที่ใหญ่กว่าอยู่ในมือนี่เอง!”
“ดูเหมือนว่าตาเฒ่านั่นจะแอบทิ้งสิ่งดี ๆ มากมายให้กับเจ้ารองก่อนที่เขาจะเสียชีวิต” กู้ฉวนลู่บ่นอย่างเย็นชา และในใจของเขาก็นึกชิงชังพวกกู้เสี่ยวหวานมากขึ้นเรื่อย ๆ
“เสี่ยวหวานคนนั้นคงมีโชคอยู่ ท่านว่าเราควรทำอย่างไรดี” ซุนซื่อถาม โดยไม่คาดคิดมาก่อนว่ากู้เสี่ยวหวานจะเป็นเหมือนหินโสโครกในคูน้ำ ทั้งเหม็นทั้งแข็ง ยากเกินกำลังที่จะรับมือ
“ตาเฒ่านั่นทิ้งเงินไว้ให้เจ้ารองก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ในเมื่อข้าไม่ได้ เจ้าสามก็คงไม่ได้หรอกกระมัง?” กู้ฉวนลู่กล่าว “พวกเราคงไปเอาได้ไม่ง่ายนัก เช่นนั้นก็ให้เฉาซื่อไปเอาสิ? เงินหลายร้อยตำลึงเงินอยู่ในมือของพวกเขาแล้ว ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเฉาซื่อจะยังนอนได้อยู่!”
“ใช่แล้ว ทำไมข้าถึงลืมเฉาซื่อไปนะ” หลังจากได้ยินคำแนะนำของกู้ฉวนลู่ ซุนซื่อก็หายหงุดหงิดทันที ในเมื่อจัดการกับกู้เสี่ยวหวานไม่ได้ นางก็มีเฉาซื่ออีกคน นางไม่เชื่อหรอกว่าคนสองคนจะไม่สามารถรับมือกับเด็กหญิงอายุแปดขวบได้
ซุนซื่อแต่งตัวแล้วรีบรับประทานอาหารเช้า และรีบไปที่เรือนของเฉาซื่อด้วยความมั่นใจ
ทันทีที่เข้ามา ซุนซื่อก็พบว่าเรือนที่เฉาซื่อนอนอยู่นั้นกว้างขวาง ทั้งใหญ่ทั้งสว่าง ดีกว่าเรือนฝั่งตะวันตกที่นางนอนหลายร้อยเท่า
ซุนซื่อนึกฉุนที่เห็นเฉาซื่อนอนอยู่บนเตียงอย่างสบายใจเฉิบราวกับบรรพบุรุษแปดชั่วอายุคน
หลังจากพักฟื้นมาสองสามวัน เฉาซื่อก็มีอาการดีขึ้นมากแล้ว เดิมทีขยับไม่ได้ แต่วันนี้กลับนั่งรับประทานอาหารเช้าได้แล้ว
กู้ถิงถิงต้มบะหมี่ขาว ซุนซื่อกลับเหลือบมองเห็นไข่ดาวอยู่บนนั้น เมื่อเห็นว่ากู้ถิงถิงรีบซ่อนไข่ ซุนซื่อก็ยิ้มทันทีและกล่าวว่า “น้องสาวข้ากำลังฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ ดังนั้นควรจะได้กินดีกว่านี้”
ไข่เหล่านั้นซุนซื่อเป็นคนนำกลับมาจากในเมืองเพื่อทำอาหารให้กู้จือเหวินและกู้ซินเถากินในช่วงปีใหม่ มีไข่ทั้งหมดประมาณยี่สิบฟอง ไม่กี่วันมานี้บังเอิญว่าซุนซื่อทำอาหารอยู่ ในตอนแรกคิดว่ากู้ซินเถาเอาไปกินเอง แต่ไม่คาดคิดว่าขโมยที่แท้จริงกลับกลายเป็นเฉาซื่อที่นอนอยู่บนเตียงนี้
ซุนซื่อแสร้งทำเป็นไม่สนใจ เฉาซื่อขโมยของจากคนอื่นมาแล้วโดนจับได้ แต่หน้ากลับไม่แดง จิตใจไม่ตื่นเต้นกระวนกระวาย เมื่อฟังคำพูดของซุนซื่อ นางก็กินเข้าไปคำใหญ่โดยไม่อาย
หลังจากที่เฉาซื่อกินบะหมี่หมดชามแล้ว ซุนซื่อก็เข้ามานั่งและทักทายอย่างสนิทสนม “น้องสาว ไม่กี่วันมานี้สภาพร่างกายเจ้าดีขึ้นแล้วหรือยัง?”
เฉาซื่อแคะฟัน บังเอิญเรอออกมาใส่หน้าของซุนซื่อ และกลิ่นก็พุ่งตรงไปที่จมูกของซุนซื่อ ซุนซื่อรีบกลั้นหายใจ แต่ก็สายเกินไปแล้ว นางยังได้กลิ่นนั้นอยู่ มันทำให้นางรู้สึกขนลุกซู่ทันที
“ดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณพี่สะใภ้ที่เป็นห่วงนะเจ้าคะ!” เฉาซื่อรู้สึกสบายตัวมากหลังจากเรอ นางเพิ่งกินไข่ของซุนซื่อไปอีกหนึ่งฟอง เมื่อเห็นซุนซื่อเสียดายแต่ทำอะไรไม่ได้ เฉาซื่อก็มีความสุขมากขึ้นไปอีก “ไม่กี่วันมานี้ โชคดีที่ได้กินไข่ของพี่สะใภ้ ข้าเลยรู้สึกว่าร่างกายของข้าดีขึ้นในทุกวัน”
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉาซื่อ ซุนซื่อก็รู้สึกเสียดายไข่ ถึงจะเจ็บใจแต่ก็ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้หน้า ตอนนี้คนที่ได้รับบาดเจ็บคนนี้โชคดีจริง ๆ “ถ้าอาการเจ้าดีขึ้น ไข่พวกนี้ก็ถือเป็นบุญแล้ว”
“ใช่แล้ว ข้าจะบอกพี่สะใภ้ว่าพรุ่งนี้ข้าจะลองต้มไข่สองฟอง ข้าไม่ได้กินไข่ต้มนานแล้ว รู้สึกอยากกินมากเหลือเกิน!” เฉาซื่อแตะปากตนเองเบา ๆ เพื่อแสดงออก
ซุนซื่อทำได้แต่ด่าเฉาซื่ออยู่ในใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ “เอาล่ะ พรุ่งนี้ให้ถิงถิงต้มให้เจ้าสักสองฟองแล้วกัน!”
“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ พี่สะใภ้!” เฉาซื่อชอบเห็นซุนซื่อยอมรับความพ่ายแพ้เป็นพิเศษ และในใจก็พลันปีติมากกว่าการได้กินไข่สิบฟอง
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ตราบใดที่ร่างกายของเจ้าดีขึ้น ก็ดีกว่าสิ่งใดแล้ว!” ซุนซื่อยิ้มเจ้าเล่ห์
“พี่สะใภ้ ที่ท่านมาวันนี้ ท่านมีเรื่องอะไรหรือ? เฮ้ พี่สะใภ้ หน้าท่านไปโดนอะไรมา?” เฉาซื่อเห็นว่ามีรอยแผลบางอย่างที่ใบหน้าของซุนซื่อ จึงถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไร……” ซุนซื่อหยิบผ้าเช็ดหน้าถูแก้มเบา ๆ แล้วโบกผ้าเช็ดหน้า “เมื่อเช้านี้ไม่ได้ระวังเลยถูกตีเข้าน่ะ”
“อะไรนะ? พี่สะใภ้ ใครจะกล้าตีท่าน?” หลังจากได้ยินดังนั้น เฉาซื่อก็ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความยินดี ปากของนางแสดงความเป็นกังวล แต่หัวใจกลับเบิกบาน
“เฮ้อ…… อธิบายยากน่ะ เกรงว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับเจ้าด้วย แต่ข้าไม่รู้ว่าควรจะพูดดีหรือไม่!” ซุนซื่อถอนหายใจยาว ราวกับว่าในใจมีบางอย่างที่ยากจะอธิบาย นางหยุดพูดไปครู่หนึ่ง และมันก็จุดไฟแห่งความอยากรู้อยากเห็นในใจของเฉาซื่อทันที
“เป็นอย่างไรกันแน่ พี่สะใภ้ รีบบอกข้ามาเร็วเข้า” เฉาซื่อถามอย่างกระตือรือร้น จิตวิญญาณการนินทาของนางนับว่ายังไม่เสียหายต่อให้ร่างกายจะได้รับบาดเจ็บก็ตาม
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ความร่วมมือระยะสั้นล่ะ พอหมดเรื่องของเสี่ยวหวานแล้วก็มาทะเลาะกันเองต่อ
ไหหม่า(海馬)