บทที่ 149 เอาคืนเฉาซื่อ
บทที่ 149 เอาคืนเฉาซื่อ
เพียงพริบตาเฉาซื่อก็ถูกตรึงไว้ใต้ร่างกายเหลียงเหยาซื่อ เมื่อขยับไม่ได้เฉาซื่อก็สาปแช่งออกมา “กู้เสี่ยวหวาน เด็กสารเลว เอาเงินของข้าคืนมา!”
เฉาซื่อพ่นคำผรุสวาท แม้จะถูกเหลียงเหยาซื่อปิดปากไว้ก็ยังคงไม่หยุด และยังดุด่าเหลียงเหยาซื่อต่อ “เจ้าเป็นแม่ไก่ที่ไม่วางไข่ เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาห้ามข้า ข้าจะเอาเรื่องเจ้าแน่!”
“เฉาซื่อ เจ้าไม่อายหรืออย่างไร ผู้ใหญ่ทุบตีเด็ก เจ้ามีสิทธิ์อะไร!” เหลียงเหยาซื่อที่ดูนุ่มนวลและอ่อนแอ ทำให้ผู้คนรู้สึกสงสารและอบอุ่น แต่เมื่อนางโกรธขึ้นมาก็ไม่ต่างอะไรจากเฉาซื่อที่ดุร้าย “อย่าลืมว่าเด็กที่เจ้าตีเป็นหลานสาวของเจ้าเอง!”
“นี่มันเรื่องของครอบครัวข้า มันไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า! เจ้าอย่ามายุ่งเรื่องของชาวบ้าน ฮึ! นังแม่ไก่ที่ไม่วางไข่” เฉาซื่อแดกดันเฉพาะจุดที่เหลียงเหยาซื่อรู้สึกเจ็บปวด
เหลียงเหยาซื่อกดเฉาซื่ออย่างแรงจนเฉาซื่อร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ดังนั้นนางจึงด่าออกมาไม่ได้อีก กู้เสี่ยวหวานเห็นด้วยตาของนางเองว่าเหลียงเหยาซื่อพูดอย่างดุเดือดต่อเฉาซื่อ จากนั้นเฉาซื่อก็เหมือนกับเห็นผี ราวกับถูกตบตีกลับไปชุดใหญ่ ร่างกายของนางแข็งทื่อและชี้ไปที่เหลียงเหยาซื่อด้วยอาการสั่นสะท้าน แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
เหลียงเหยาซื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของเฉาซื่อและไม่มีกำลังที่จะตอบโต้แล้ว ดังนั้นนางจึงลุกออกจากร่างกายของเฉาซื่อ และพูดอย่างดุดัน “เจ้ายังไม่ออกไปอีก!”
เฉาซื่อไม่รู้ว่าตนเองคิดอะไรอยู่ เมื่อนางเห็นเหลียงเหยาซื่ออีกครั้งก็รู้สึกเหมือนเห็นปีศาจจากนรกและรีบวิ่งหนีไป
เมื่อสักครู่นางขู่เสียงดังว่าจะรื้อบ้านของกู้เสี่ยวหวาน แต่คราวนี้นางไม่สนใจมันราวกับว่ามีผีร้ายไล่ตาม และวิ่งหนีไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อเห็นเฉาซื่อหนีไปแล้ว เหลียงเหยาซื่อก็เข้ามาช่วยพยุงกู้เสี่ยวหวานลุกขึ้น มันไม่ง่ายเลยที่จะลุกขึ้น แต่ด้วยความช่วยเหลือของเหลียงเหยาซื่อ กู้เสี่ยวหวานจึงลุกขึ้นมาได้
หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานลุกขึ้น เหลียงเหยาซื่อก็ถอนหายใจ
เสื้อผ้าของกู้เสี่ยวหวานเต็มไปด้วยฝุ่นดิน และอีกส่วนหนึ่งก็ถูกฉีกด้วยแรงของเฉาซื่อ ผมของนางยุ่งเหยิง แก้มของนางบวมเป่ง และมุมปากของก็มีเลือดไหลซึม
เมื่อเหลียงเหยาซื่อเห็นสภาพน่าอนาถของกู้เสี่ยวหวาน นางก็ไม่อาจพูดอะไรออกจากลำคอได้ เมื่อสักครู่ตนไม่ควรปล่อยเฉาซื่อไปง่าย ๆ เลย นางถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดอย่างลำบากใจว่า “ทำไมเฉาซื่อถึงทำเช่นนี้! ถึงอย่างไรเจ้าก็ยังเป็นหลานสาวของนาง!”
กู้เสี่ยวหวานมองเหลียงเหยาซื่อที่ประคองตนเองไว้ และพยายามยืนหยัดอย่างมั่นคง หลังจากการพักผ่อนเมื่อสักครู่ จิตใจของนางเกือบจะชัดเจน
“นางกำลังทำอะไรอยู่? เหตุใดถึงไม่ยอมพูดกันดี ๆ” เหลียงเหยาซื่อทนไม่ไหว นางรู้สึกเป็นกังวลมาก ดวงตาของนางเอ่อคลอด้วยน้ำตา
กู้เสี่ยวหวานได้ยินคำพูดของเหลียงเหยาซื่ออย่างชัดเจน และพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา
ในใจของนางไม่สงสัยการกระทำของเฉาซื่อในคราวนี้เลย
เฉาซื่อนั้นเย่อหยิ่ง จองหอง และต้องการครอบครองทุกสิ่ง บ้านหลังเก่าของตระกูลกู้ก็ได้ครอบครองแล้ว ที่ดินทั้งหมดของตระกูลกู้ก็ได้ครอบครองแล้ว คราวนี้คาดว่าเมื่อเห็นพวกกู้เสี่ยวหวานสวมใส่เสื้อผ้าใหม่และยังส่งน้องทั้งสองไปสำนักศึกษา เฉาซื่อจะไม่สงสัยได้อย่างไรว่าเงินที่กู้เสี่ยวหวานใช้จะไม่ใช่เงินที่ท่านปู่ทิ้งไว้ให้
ไม่น่าแปลกใจที่วันนี้เฉาซื่อมาดุด่าก็คงไม่พ้นเรื่องเงิน!
กู้เสี่ยวหวานพ่นลมอย่างเย็นชา และมองไปทางที่เฉาซื่อหนีไป เนื่องจากความเจ็บปวดบนใบหน้าของนาง ดวงตาของนางที่มองไปในระยะไกลในเวลานี้จึงดูไม่ค่อยเป็นมิตร
เหลียงเหยาซื่อที่อยู่ใกล้ชิด นางประคองกู้เสี่ยวหวานอย่างทุกข์ใจ และเหลียงเหยาซื่อได้ยินเสียงถอนหายใจของกู้เสี่ยวหวานเมื่อสักครู่นี้ ก็มองไปที่กู้เสี่ยวหวานอีกครั้ง แก้มทั้งสองข้างของนางบวมเป่งและมุมปากก็มีเลือดไหลซึม แต่ไม่มีความกลัวบนใบหน้าของนางเลย ตรงกันข้าม ในดวงตาของกู้เสี่ยวหวานกลับเจือแววสังหารอยู่เล็กน้อย
เหลียงเหยาซื่อไม่เคยเห็นเด็กสาวอายุสิบขวบที่มีดวงตาดุร้ายเช่นนี้มาก่อน นางรู้สึกว่ามันน่ากลัว และในขณะที่กำลังประคองนางไม่สามารถจะพูดอะไรได้สักคำ
ทั้งสองยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แต่กู้เสี่ยวหวานไม่สามารถยืนได้อีกต่อไป ดังนั้นนางจึงต้องการปล่อยมือของเหลียงเหยาซื่อ เหลียงเหยาซื่อเข้าใจและรีบปล่อยมืออย่างรวดเร็ว แต่กู้เสี่ยวหวานโซเซอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะล้มลงอีกครั้ง คราวนี้เหลียงเหยาซื่อประคองนางโดยตรงและพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นทุกข์ว่า “เสี่ยวหวาน เจ้าอยากทำอะไร บอกข้าเถอะ!”
ในขณะนี้กู้เสี่ยวหวานไม่มีแรงเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเหลียงเหยาซื่อประคองไว้ นางคงจะล้มลงหน้ากระแทกพื้น
ตอนนี้ นางไม่มีแรงที่จะต่อต้าน และไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม นางทำได้แค่ชี้ไปที่ห้องอย่างอ่อนแรง แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ส่งข้ากลับไปที่ห้องเถิดเจ้าค่ะ”
ในตอนนี้นางแค่อยากจะนอนลงและพักผ่อน เมื่อคืนก่อน กู้เสี่ยวหวานนอนไม่หลับจนถึงกลางดึกเพราะคนในครอบครัวไปสองคนถูกส่งออกไป ก่อนรุ่งสางนางก็ถูกเฉาซื่อปลุก และถูกเฉาซื่อทำร้าย ทำให้ปวดหัว เจ็บหน้า และเมื่อถูกกดใต้ร่างของเฉาซื่อเป็นเวลานาน กระดูกบนร่างกายของนางกำลังจะแตกออกเป็นชิ้น ๆ ทุกส่วนบนร่างกายเจ็บไปหมด
กู้เสี่ยวหวานพิงร่างของเหลียงเหยาซื่ออย่างอ่อนแรงและทั้งพยุงทั้งเดินเองไปที่เตียง ตอนนี้นางรู้สึกเวียนหัว หูอื้อ และเซื่องซึม
เมื่อนางปีนขึ้นไปบนเตียง นางก็ไม่สนใจเหลียงเหยาซื่ออีกต่อไป และผล็อยหลับไปทันทีที่ผ้าห่มคลุมศีรษะของนาง
เหลียงเหยาซื่อกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับกู้เสี่ยวหวานจึงไปตามท่านหมอหม่า เมื่อท่านหมอหม่าเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานถูกทุบตีแบบนี้ และเมื่อได้ยินว่าผู้กระทำคือเฉาซื่อ เขาก็พ่นลมหายใจ “ทำไมหญิงคนนั้นยังไม่หยุดอีก!”
ท่านหมอหม่ารีบสั่งยา บอกเหลียงเหยาซื่อว่าต้องใช้อย่างไร แล้วก็จากไป
ตอนนี้ภายในบ้าน นอกจากกู้เสี่ยวหวานที่กำลังหลับใหล ก็มีเพียงเหลียงเหยาซื่อที่เป็นคนนอกเพียงคนเดียว
เหลียงเหยาซื่อได้ยินจากท่านหมอหม่าว่ากู้เสี่ยวหวานไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ดังนั้นนางจึงรู้สึกโล่งใจ และหลังจากทายาให้กู้เสี่ยวหวานแล้ว นางก็จากไป
บ้านหลังเล็กที่ดูเหมือนสนามรบเมื่อครู่นี้ ในตอนนี้กลับเงียบสงัด
กู้เสี่ยวหวานหลับไปจนกลางดึก
กู้เสี่ยวหวานตื่นขึ้นด้วยความหิว นางไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันทั้งคืน และตอนนี้ท้องของนางก็ส่งเสียงร้องโครกคราก กู้เสี่ยวหวานลุกขึ้นด้วยความงุนงง และเหม่อลอยไปชั่วขณะหนึ่ง
ดวงจันทร์ข้างนอกทั้งกลมและสว่าง กู้เสี่ยวหวานใช้แสงจันทร์ข้างนอกเพื่อมองเห็นได้ชัดเจนว่ามีชามน้ำและยาอยู่อีกด้านหนึ่งของเตียง
อาการปวดแสบปวดร้อนบนใบหน้าของนางดีขึ้นแล้ว ดูเหมือนว่าเหลียงเหยาซื่อคงจะเรียกหมอมาให้
กู้เสี่ยววหานรู้สึกขอบคุณอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็รู้สึกว่าห้องเงียบเกินไป
……………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
แง สงสารเสี่ยวหวานมาก รีบโตนะลูก จะได้มาชำระแค้นนังเฉา
ว่าแต่เสี่ยวอี้หายไปไหนอะ
ไหหม่า(海馬)