บทที่ 173 บ้านหลังใหญ่ บ้านหลังใหม่
บทที่ 173 บ้านหลังใหญ่ บ้านหลังใหม่
คนหนึ่งก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว ราวกับว่าถนนที่มุ่งสู่สำนักศึกษาเปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นในชีวิตของเขา หลังจากนี้เดินผ่านจุดนี้เพียงครั้งเดียวก็จะทำให้ทุกก้าวหลังจากนี้เต็มไปด้วยความหวัง
และคนที่เดินกลับมาก็มีอารมณ์แจ่มใสขึ้น ในชีวิตนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าพี่สาวกับน้องสาวแล้ว เพียงต้องปกป้องพวกนางให้ดี
พี่น้องทั้งสองต่างมีจุดยืนในความคิดของตน บนถนนสายนี้ ยิ่งเดินยิ่งเร็ว ยิ่งเดินยิ่งไกล
เมื่อกลับมาถึงสำนักศึกษา สวีเฉิงเจ๋อก็รู้สึกประหลาดใจทันทีเมื่อเห็นว่ากู้หนิงอันกลับมาเพียงคนเดียว
“ท่านอาจารย์ น้องชายของข้าลาออกจากสำนักศึกษาแล้ว” กู้หนิงอันอธิบาย
สวีเฉิงเจ๋อพยักหน้า ความประหลาดใจของเขาผ่านพ้นไป แทนที่ด้วยท่าทางที่เขาคาดไว้
“น้องชายของเจ้า เขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ” หลังจากที่มองดูเมื่อวานเกี่ยวกับครอบครัวนี้ สวีเฉิงเจ๋อก็รู้สึกว่าคนในครอบครัวต่างเข้าใจกันได้
“หนิงอัน วันนี้เจ้าต้องเรียนหนักแล้ว! ถ้าเจ้ากลับไปบ้าน ข้าก็จะไปกับเจ้าด้วย จะได้ถือโอกาสสอนหนิงผิงไปด้วยเลย!” สวีเฉิงเจ๋อพูดประโยคนั้นด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้กู้หนิงอันรู้สึกหวาดกลัวในทันใด
“ท่านอาจารย์…”
“พี่สาวของเจ้าทำอาหารได้อร่อยมาก” สวีเฉิงเจ๋อกล่าวด้วยสีหน้าที่คาดหวัง
กู้หนิงอันยิ้ม “อืม ก็ได้ขอรับ ถ้าอาจารย์ชอบก็สามารถไปที่นั่นได้บ่อย ๆ ทักษะการทำอาหารของพี่สาวข้านั้นไม่เลว!”
“มันมากกว่าไม่เลว หลังจากกินอาหารของพี่สาวเจ้าแล้ว ก็ข้ารู้สึกว่าอาหารในสำนักศึกษามันไม่อร่อยเลยจริง ๆ!” แม้ว่ามันจะเป็นแค่อาหารธรรมดาที่ปรุงขึ้นในบ้าน แต่สวีเฉิงเจ๋อก็ยังคาดหวัง มันยากจริง ๆ มันยาก!
ตั้งแต่นั้นมา กู้หนิงอันก็ตั้งใจเรียนหนังสือมากขึ้นกว่าเดิม
และสวีเซียนหลินที่ชอบนักเรียนคนนี้อยู่แล้ว เมื่อเห็นว่าเขารักการเรียนรู้มากขึ้น ในวันธรรมดาเขาก็สอนความรู้เพิ่มเติมอีกเล็กน้อย และความรู้ของกู้หนิงอันก็ก้าวหน้าไปอย่างก้าวกระโดด นั่นทำให้ผู้คนในสำนักศึกษาต่างตกตะลึง
โดยเฉพาะคนที่มาจากฝั่งของสวีเซียนหลิน ได้ยินมาว่าคนในชั้นเรียนเบื้องต้นสามารถเขียนบทความให้อาจารย์นำมาอ่านเป็นตัวอย่างได้แล้ว บางคนอิจฉา บางคนสนใจ และบางคนริษยา
แน่นอนว่าคนกลุ่มนี้คือนำโดยกู้จือเหวิน
เพื่อเอาใจกู้จือเหวิน หลี่กุ้ยจึงกล่าวท่ามกลางผู้คนมากมาย “กู้หนิงอันผู้ที่มาจากชนบท ไม่รู้จริง ๆ ว่าใช้กลอุบายใด อาจารย์จึงชอบเจ้ามากขนาดนี้!”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกกระมัง? คนที่อยู่ในชั้นเรียนเบื้องต้นจะสามารถเขียนบทความออกมาดีขนาดนั้นได้อย่างไร แน่นอนว่าเขาต้องเป็นที่โปรดปรานของอาจารย์!”
“ถูกต้อง จือเหวิน เจ้าเป็นคนที่มีความรู้มากที่สุดที่นี่ เจ้าเก่งกาจกว่ากู้หนิงอันมาก”
“ใช่แล้ว ๆ!”
คนรอบข้างพูดคุยกันเสียงดังเอะอะโวยวาย สีหน้าของกู้จือเหวินเริ่มเขียวขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเขานึกถึงความโดดเด่นในสำนักศึกษานี้ สักวันกู้หนิงอันคงจะคนที่แย่งไป เขาทั้งโกรธทั้งเกลียดชัง มือใต้แขนเสื้อกำแน่นพร้อมกับดวงตาของเขาจ้องเขม็งไปยังชั้นเรียนเบื้องต้น
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว อาการบาดเจ็บของกู้เสี่ยวอี้ก็ดีขึ้นทุกวันภายใต้การดูแลอย่างระมัดระวังของพี่สาวและพี่ชาย ถึงตอนนี้ก็ไม่ต่างจากกู้เสี่ยวอี้ในเมื่อก่อนที่น่ารักและมีชีวิตชีวา
กู้เสี่ยวหวานและกู้หนิงผิงที่ได้เห็นก็มีความสุขในหัวใจ
เนื่องจากกู้หนิงผิงกลับมา เฉาซื่อจึงไม่กล้ากลับมาอีก กู้หนิงผิงก็ปฏิบัติตามคำสอนของพี่สาวและไม่ได้ริเริ่มที่จะไปหาเฉาซื่อเพื่อชำระบัญชีแค้น เรื่องนี้จึงสงบลง
เพียงแต่ว่าเฉาซื่อรู้สึกไม่สบายใจที่ยังไม่ได้รับเงิน และยังได้ยินมาว่าพวกซุนซื่อได้ซื้อบ้านหลายห้องในเมือง จึงทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง
ในวันนี้ นางก็ตำหนิกู้ถิงถิงในห้องอีกครั้ง ช่วงนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหญิงคนนี้ แต่นางมักจะโมโหร้ายอยู่เสมอ
“ร้องไห้ ๆๆ รู้จักแต่วิธีร้องไห้!” เฉาซื่อเปลี่ยนไปมากจากอดีต กู้ถิงถิงเคยเป็นที่รักของนาง แต่ต่อมาเฉาซื่อก็ค่อย ๆ ดุด่าและทุบตี จนกู้ถิงถิงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร
นางเคยร้องไห้อย่างเจ็บปวดกับกู้ฉวนโซ่ว แต่ตอนนี้กู้ฉวนโซ่วไม่สนใจกู้ถิงถิงเลย ไม่ว่าเด็กหญิงจะร้องไห้หนักแค่ไหนหรือถูกทุบตีอย่างรุนแรงเพียงใด กู้ฉวนโซ่วจะทำราวกับว่าเขาไม่เคยเห็นมันและไม่สนใจ
ภายในบ้าน ฟ้ายังไม่สว่าง แต่ก็ไม่เห็นเงาของกู้ฉวนโซ่วแล้ว บางครั้งสิ่งที่น่ารำคาญยิ่งกว่าก็คือกู้ฉวนโซ่วไม่เคยกลับมาอยู่และไม่รู้ว่าเขาไปที่ไหน
ตอนนี้หัวใจของเฉาซื่อได้ดำดิ่งลง บ้านหลังนี้ ความเป็นบ้านได้น้อยลงเรื่อย ๆ ในอดีตเฉาซื่อถูกกู้ฉวนโซ่วดูแลทะนุถนอมอย่างดี แต่ตอนนี้กู้ฉวนโซ่วแทบจะไม่มองเฉาซื่อเลย ถึงแม้ว่าจะบังเอิญมองเห็นก็จะมีท่าทีเย็นชาราวกับว่าเจอศัตรูที่ฆ่าบิดาของเขาก็ไม่ปาน
ผู้คนที่อาศัยอยู่ใต้ชายคานี้ก็อยู่ไม่ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
สิ่งที่กังวลมากที่สุดคือเงินยี่สิบตำลึงที่สัญญาไว้กับเฉาฮุย เป็นเพราะกู้ฉวนโซ่วดูแลเงินอย่างใกล้ชิดและไม่สามารถนำออกมาได้ เดาว่าเขาคงกลัวความคิดของเฉาซื่อ
เฉาซื่อเริ่มกระวนกระวายเพราะไม่รู้จะทำอย่างไร
วันเวลาของครอบครัวนี้กำลังจะผ่านไป และเฉาซื่อคงจะแต่งตัวงดงามหยาดเยิ้มเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว นางคิดถึงวันเก่า ๆ มาก แต่เมื่อคิดถึงท่าทางที่กู้ฉวนโซ่วปฏิบัติต่อนางในตอนนี้ นางยิ่งรู้สึกโกรธเคือง
ชีวิตของครอบครัวสามนี้เปรียบเสมือนระเบิดเวลาที่อาจระเบิดได้ทุกเมื่อ แต่ครอบครัวของกู้ฉวนลู่กลับเต็มไปด้วยความสุขและความสามัคคี
พวกเขาย้ายไปบ้านใหม่ได้หลายวันแล้ว แต่ความตื่นเต้นของกู้ซินเถาก็ยังเกินคำบรรยาย ทุกวันไม่มีอะไรทำ นางก็จะเดินไปเดินมา มองไปมองมา และสัมผัสสิ่งต่าง ๆ
เมื่อมองดูอิฐสีแดงและกระเบื้องสีเขียว กำแพงสูงและประตู ต้นไม้สีเขียว สะพานเล็ก ๆ และลำธาร คงไม่ต้องบอกว่ามันสวยงามจนทำให้ในใจมีความสุขขนาดไหน
“ท่านแม่เจ้าคะ ต่อจากนี้บ้านหลังนี้จะเป็นของเราใช่ไหม?” กู้ซินเถาตื่นเต้นมาก เมื่อคิดว่าเมื่อวานนี้นางยังคงอยู่ที่หมู่บ้านอู๋ซีอยู่เลย และเรือนตะวันตกในบ้านใหญ่กู้ก็ไม่เคยเห็นดวงอาทิตย์ ตอนนี้มีบ้านแล้ว ยิ่งกว่านั้นบ้านหลังนี้ยังดีกว่าบ้านเก่าของตระกูลกู้มาก
กู้ซินเถานึกถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกตื่นเต้น นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบ้านหลังใหญ่แบบนี้เป็นของนางจริง ๆ ก่อนหน้านี้เคยได้ยินจากมารดาว่าวางแผนจะซื้อบ้านในเมือง แต่ก็ได้ยินจากนางว่าในครอบครัวมีเงินเก็บไม่มาก แต่คราวนี้กลับซื้อบ้านหลังใหญ่ในพื้นที่ที่หรูหราที่สุดในเมืองได้ นางไม่อยากจะเชื่อเลย
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สงสารถิงถิงจังเลยค่ะ น้องไม่ได้คิดร้ายอะไรกับใครเลยแต่ต้องลำบากเพราะมีพ่อแม่ผิด
ที่บ้านใหญ่กู้ซื้อบ้านได้นี่เพราะไปกู้เขามาหรือเปล่าน่ะ ไม่ใช่ว่าเป็นหนี้หัวบานแล้วเจ้าหนี้บุกมาทวงทีหลังนะ
ไหหม่า(海馬)