บทที่ 178 เยี่ยมหนิงอัน
บทที่ 178 เยี่ยมหนิงอัน
ตั้งแต่ที่ออกมาจากร้านจิ่นฝูเมื่อสักครู่ เรื่องที่เหมียวเอ้อร์มีอคติ นางยังพอเข้าใจได้ เพราะครั้งแรกที่พบกันที่ร้านจิ่นฝู ท่าทางของคนผู้นั้นหยิ่งผยองเกินไป กู้เสี่ยวหวานจึงไม่ได้สนใจเขามากนัก ต่อหน้าหลี่ฝานก็ไม่แม้แต่จะไว้หน้าเขา เขาจึงไม่สามารถปิดบังสีหน้าของเขาได้ และเอาความโกรธทั้งหมดไปลงที่กู้เสี่ยวหวานเพียงคนเดียว และกู้เสี่ยวหวานก็เข้าใจเป็นอย่างดี
เพียงแต่ว่าร้านซุ่นซินแห่งนี้ตนเองไม่เคยมาที่นี่มาก่อน เมื่อสักครู่ลูกจ้างในร้านก็รับหน่อไม้ของคนอื่นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ครั้นถึงตนเอง เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้
“ลุงของข้าพยายามจะกดดันข้า!” กู้เสี่ยวหวานเงยหน้าขึ้น จ้องไปที่ป้ายร้านซุ่นซิน แล้วพูดด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“เสี่ยวหวาน…” เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานพูดเช่นนี้ ท่านป้าจางก็ดูเหมือนจะเข้าใจทุกอย่าง
ฉือโถวที่อยู่ข้าง ๆ จึงพูดอย่างโกรธเคือง “มีลุงที่ไหนเป็นแบบนี้ เขากับลุงฟู่เป็นพี่น้องกันแท้ ๆ ทำแบบนี้ได้อย่างไร”
“ฮึ่ม…” ท่านป้าจางแค่นเสียงดุดันไปทางร้านอาหารซุ่นซินและกล่าวว่า “พวกเขามีชีวิตที่ดี ยังมาทำกับคนอื่นเช่นนี้! ”
หลังจากพูดจบนางก็รู้สึกเสียใจกับกู้เสี่ยวหวานอีกครั้ง นางจับไหล่ของกู้เสี่ยวหวานเพื่อปลอบโยน “เสี่ยวหวาน ถ้าเขาไม่ต้องการ พวกเราก็โยนมันทิ้งไป พวกเราจะไม่ขายมัน! ……”
เมื่อเห็นท่านป้าจางปลอบใจตนเอง กู้เสี่ยวหวานก็หันกลับมาอย่างรวดเร็ว จับมือท่านป้าจางแน่น ไม่มีร่องรอยของความโศกเศร้าหรือความเสียใจบนใบหน้า และพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านป้าจาง พวกเราทำงานหนักเพื่อขุดมัน ทำไมเราต้องโยนมันทิ้งด้วย ถ้าพวกเขาไม่ต้องการมัน พวกเราก็ยังมีวิธีอื่น!”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ นางมองไปที่ร้านอาหารซุ่นซินอีกครั้ง และกล่าวว่า “ข้าไม่เชื่ออีกต่อไปแล้ว ทุกคนในเมืองนี้จะฟังสิ่งที่เขาพูดและไม่รับอะไรจากเรา ถ้าร้านอาหารในเมืองนี้ไม่รับซื้อ พวกเราก็จะเข้าไปเมืองหลวง ข้าไม่เชื่อว่าเขาที่เป็นเพียงคนทำบัญชีในร้านเล็ก ๆ เช่นนั้นจะสามารถยืดมือไปถึงเมืองหลวงได้!”
“เสี่ยวหวาน ถ้าเจ้าคิดแบบนี้ก็ดีแล้ว! พวกเรากลับกันเถอะ!” ท่านป้าจางกล่าว
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “ท่านป้าจาง พี่ฉือโถว ไม่อย่างนั้นก็รอข้าสักครู่ ข้าอยากไปพบหนิงอันที่หอหนังสืออวี้”
“ตกลง พวกเราจะไปกับเจ้า!”
ทั้งสามคนออกจากร้านซุ่นซิน และมุ่งหน้าไปยังหอหนังสืออวี้
ลูกจ้างในร้านคนนั้นยืนอยู่หลังประตูตลอดเวลา เมื่อเห็นว่ามีทุกคนออกไปแล้ว เขาจึงรีบไปที่ห้องชั้นบน เคาะประตูแล้วเข้าไป
กู้ฉวนลู่สวมเสื้อคลุมยาวและนั่งอยู่หลังโต๊ะเพื่อคำนวณบัญชี
“คุณชายกู้ เป็นอย่างที่ท่านพูด มีคนมาส่งหน่อไม้ และคนนั้นก็มาจริง ๆ ขอรับ!” ลูกจ้างในร้านพูดอย่างประจบสอพลอ
ลูกจ้างในร้านคนนี้เพิ่งมาที่นี่ และเขาต้องการเอาใจผู้มีอำนาจทุกคนในร้านนี้ ได้ยินมาว่ากู้ฉวนลู่เป็นคนทำบัญชีในร้านซุ่นซินแห่งนี้มานานกว่าสิบปี เจ้าของร้านซุ่นซินแห่งนี้จึงให้ความสำคัญกับเขามาก
คิดว่าถ้าทำให้กู้ฉวนลู่พอใจ เขาจะสามารถพูดเพื่อตัวเองได้ในอนาคต ดังนั้นเขาจึงประจบประแจงกับกู้ฉวนลู่มากเป็นพิเศษ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กู้ฉวนลู่ก็วางพู่กันลงและเงยหน้าขึ้นมองลูกจ้างในร้านด้วยรอยยิ้ม “เด็กผู้หญิง?”
“ขอรับ อย่างที่ท่านบอก อายุประมาณเจ็ดหรือแปดขวบ คิ้วเรียวยาวและดวงตากลมสวย มีเด็กชายอายุสิบสองขวบอยู่ข้าง ๆ คราวนี้พวกเขาอยู่กับหญิงวัยกลางคนด้วย”
หลังจากฟังคำอธิบายของลูกจ้างในร้านแล้ว กู้ฉวนลู่ก็รู้ว่าคนผู้นั้นคือใคร
“ไล่ไปแล้วใช่หรือไม่?”
“ขอรับ ไล่ไปแล้วขอรับ! ”
“เจ้าไม่ได้บอกว่าข้าไม่ให้รับของพวกเขาใช่ไหม?”
“จะบอกได้อย่างไร ข้าบอกไปว่าร้านซุ่นซินของเราไม่รับของของคนอื่นแบบสุ่มสี่สุ่มห้า ถ้าลูกค้าเรากินแล้วปวดท้อง พวกเราก็ไม่มีเงินชดใช้!”
“อือ!” กู้ฉวนลู่พยักหน้าและพูดอย่างเห็นด้วย “ไม่เลว เจ้านับว่าเป็นคนเฉลียวฉลาด”
“ขอบคุณคุณชายกู้!” เมื่อเห็นกู้ฉวนลู่ชื่นชมเขา ลูกจ้างในร้านก็รีบพูดอย่างสุภาพ และมองดูกู้ฉวนลู่ราวกับว่าเขามีอะไรจะพูด
“ถ้าในอนาคตเถ้าแก่ถามเจ้าก็ไม่ต้องกังวล ข้าจะชื่นชมเจ้าแน่นอน” กู้ฉวนลู่รับรู้ความคิดของลูกจ้างในร้านคนนี้อย่างชัดเจนแล้ว แน่นอนว่าเขารู้ว่าลูกจ้างในร้านต้องการจะพูดอะไร
ลูกจ้างในร้านที่เพิ่งเข้ามาในร้านซุ่นซินนี้ถือเป็นเด็กฝึกงาน หลังจากที่ทุกคนอนุมัติแล้วเขาก็จะกลายเป็นลูกจ้างของร้านอาหารซุ่นซินแห่งนี้ได้อย่างแท้จริง เงินเดือนของเด็กฝึกงานและลูกจ้างประจำมีความแตกต่างกันมาก ลูกจ้างคนนี้ตั้งตารอมันมาก คาดว่าเขาต้องการที่จะเป็นลูกจ้างประจำของร้านซุ่นซินแห่งนี้โดยเร็วที่สุด
เมื่อกู้เสี่ยวหวานผ่านทาง นางก็แวะที่ร้านติ่มซำเพื่อซื้อติ่มซำราคาถูก
เมื่อมาถึงหอหนังสืออวี้ โชคดีที่กู้หนิงอันเลิกเรียนคาบแรกพอดี ภายในอาคารหนังสืออวี้จึงมีแค่เพียงภรรยาของท่านอาจารย์สวีเท่านั้นที่อยู่
“ฮูหยิน…” กู้เสี่ยวหวานยิ้มหวานอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นสตรีผู้นั้น
ฮูหยินสวีกำลังจัดเรียงหนังสือบนชั้น และเมื่อนางเห็นกู้เสี่ยวหวานกำลังมา นางจึงรีบตอบอย่างกระตือรือร้นว่า “โอ้ เสี่ยวหวานมาแล้ว?”
ไม่น่าแปลกใจที่ฮูหยินสวีคุ้นเคยกับกู้เสี่ยวหวานมาก ชื่อกู้เสี่ยวหวานนี้ติดปากสวีเซียนหลินตลอดทั้งวัน บอกว่าสาวน้อยคนนี้ฉลาดและกระตือรือร้นแค่ไหน แต่น่าเสียดายถ้าเป็นเด็กผู้ชายคงจะมีโอกาสที่ดีในอนาคตอย่างแน่นอน
ฮูหยินสวีล้อสวีเซียนหลินอย่างสนุกสนาน “กู้เสี่ยวหวานคนนี้เป็นเด็กผู้หญิง นางไม่สามารถไปสำนักศึกษาได้ และนางไม่สามารถทำข้อสอบได้ แต่ยังมีกู้หนิงอันน้องชายของนางใช่หรือไม่ เขาเป็นคนที่ฉลาดไม่น้อย!”
เมื่อสวีเซียนหลินได้ยินชื่อกู้หนิงอัน เขายกนิ้วโป้งและพูดอย่างร่าเริงว่า “ใช่แล้ว เด็กคนนี้มีพรสวรรค์ ฉลาด และตั้งใจมาก มันดีจริง ๆ! ถ้าขัดเกลาให้ดี ในอนาคตเขาจะกลายเป็นคนใหญ่โตอย่างแน่นอน!”
“เจ้าค่ะ ฮูหยินสวี นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้มาพบหนิงอัน ข้าจะไปเจอเขา!” กู้เสี่ยวหวานตอบ
“เอาล่ะ เจ้ารอก่อน ข้าจะไปเรียกมาให้ โชคดีที่ชั้นเรียนเบื้องต้นเลิกเรียนพอดี!” ฮูหยินสวีบอกกู้เสี่ยวหวานให้นั่งลง รินชาให้หนึ่งแก้วและรีบเดินไปด้านหลัง
เนื่องจากเป็นเวลาเลิกเรียนแล้วและอากาศข้างนอกมีแดด คนอื่น ๆ จึงพากันออกไปเล่นข้างนอก แต่กู้หนิงอันเป็นคนเดียวที่ไม่ปล่อยเวลาว่างนี้ให้เสียเปล่า เขานั่งในที่นั่งของเขาและอ่านหนังสืออย่างจริงจัง
ฮูหยินสวีเข้ามาและเห็นท่าทางขยันขันแข็งของกู้หนิงอัน ในใจก็ทั้งรักทั้งสงสาร
“เด็กโง่ ข้างนอกอากาศดีเช่นนี้ ทำไมไม่ออกไปเล่นกับสหายคนอื่นเล่า!”
“ฮูหยินสวี!” เมื่อกู้หนิงอันเห็นว่าฮูหยินสวีมาก็รีบวางหนังสือลง และลุกขึ้นคำนับด้วยความเคารพ
ฮูหยินสวีรีบไปพยุงเขาลุกขึ้นและตำหนิ “เด็กน้อย เจ้ากล่าวทักทายตามปกติก็ได้ เจ้าจะคำนับใหญ่เช่นนี้ทุกครั้งที่พบกันได้อย่างไร จำไว้ว่าในภายหน้าอย่าทำเช่นนี้อีก”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เป็นเด็กที่มุ่งมั่นมากเลย อนาคตสดใสเหนือจือเหวินแน่
ไหหม่า(海馬)